สิ่งที่เราเสียไปกับสิ่งที่เราได้มา

-

การแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 ปรับเปลี่ยนวงโคจรของโลกในชั่วพริบตา ทันใดนั้นคนกว่าครึ่งโลกกักตัวอยู่ในบ้าน

หลายคนเจ็บป่วย หลายคนตาย หลายคนตกงาน

วิถีชีวิตเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อว่า เทคโนโลยีและความรู้ในศตวรรษที่ 21 สยบต่อเชื้อโรคตัวเล็กๆ ราบคาบ

การปิดเมืองกักตัวทำให้เราไม่สามารถกินอาหารที่ร้าน ต้องซื้อหรือสั่งอาหารกลับไปกินที่บ้าน หมดเวลาสำหรับการไปดูหนังสักเรื่องในโรงภาพยนตร์ การกินไอศครีมหรือจิบกาแฟในร้าน

แม้แต่การตัดผม!

เราเสียไปหลายอย่าง

ใช่ เราเสียไปหลายอย่าง แต่เราก็ได้มุมมองชีวิตใหม่หลายอย่างที่เราอาจไม่เคยมองมาก่อน

แต่ก่อนเวลาที่เราไปร้านอาหาร เรามักคุยว่าอาหารอร่อยหรือไม่อร่อย ถ้าอาหารไม่อร่อย เราก็อาจบ่นแล้วไปแชร์ในโลกโซเชียล เวลาขับรถ ถ้ามีรถเยอะหน่อย เราบ่นว่า “รถติดจังเลย” ไปดูหนังที่เราไม่ชอบ เราก็บ่น

หลังจากโควิด เราอาจจะมีโอกาสมองโลกใหม่ ทั้งที่มันเป็นโลกใบเดิม

หลังจากโควิด การแค่ได้ไปนั่งในร้านอาหารก็คือความสุขแล้ว รสชาติยังไม่สำคัญเท่าการได้ไปนั่งในร้านอาหารโดยไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัย หรือหวาดระแวงว่าเราจะปลอดภัยหรือไม่

หลังจากโควิด การไปดูหนังอาจไม่เหมือนเดิม คราวนี้หนังไม่ดีก็ไม่เป็นไรเพราะการได้ไปดูหนังก็คือความสุขแล้ว การได้เดินไปตามถนนสกปรก อากาศมีฝุ่นก็อาจเป็นความสุข!

แม้แต่การเบียดเสียดในรถไฟฟ้าหรือรถเมล์ ก็อาจไม่เลวร้ายเมื่อเทียบกับความไม่สะดวกในช่วงโควิดระบาด เช่นต้องเดินทิ้งระยะห่างสองเมตรกับคนอื่นตลอดเวลาที่ออกนอกบ้าน และใบหน้าจมอยู่ใต้หน้ากากอนามัย

คนเรามักเห็นคุณค่าของสิ่งหนึ่งเมื่อสูญเสียมันไป

นอกจากชีวิตของมนุษย์ ยังมีการเปลี่ยนแปลงในสเกลใหญ่กว่ามนุษยชาติ ผลจากการที่คนลดกิจกรรมนอกบ้านทำให้ธรรมชาติฟื้นตัว ท้องฟ้าสดใสขึ้น อากาศเมืองใหญ่หลายเมืองสะอาดขึ้น เป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่ชาวอินเดียมีโอกาสเห็นเทือกเขาหิมาลัยด้วยตาเปล่าอีกครั้ง หลังจากอากาศปกคลุมด้วยฝุ่นควันทั้งปีทั้งชาติ

ทะเลสะอาดขึ้น ป่าเงียบขึ้น เต่าวางไข่มากขึ้น ปลามีความสุขขึ้น แม้แต่สิงโตก็ออกมานอนเล่นตามท้องถนนบางสาย

บางทีโควิด-19 บอกเราทางอ้อมว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราทำลายธรรมชาติจนบอบช้ำเพียงไร

มองแบบนี้ก็อาจเห็นว่าโควิดมิเพียงเปลี่ยนวิถีชีวิตเป็น New Normal มันยังเปลี่ยนวิธีคิด มุมมองต่อโลกและชีวิตเป็น New Notion (วิธีคิด)

 

 

ประสบการณ์โควิดยังทำให้เรามองเห็นว่า ถ้าเพียงการกักตัวทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่ในคุก คนที่อยู่ในคุกจริงๆ นานเป็นปีๆ จะรู้สึกแย่กว่านี้ขนาดไหน

มันทำให้เราเห็นคุณค่าของการอยู่อย่างอิสระในโลกที่เราบ่นว่าไม่ดีพอ มันอาจทำให้เราระวัง ไม่ทำตัวเสี่ยงคุกตะราง

มันยังทำให้เรานึกถึงสัตว์ป่าในสวนสัตว์ พวกมันถูกกักตัวทุกวันจนวันสุดท้ายของชีวิต และสัตว์ที่ถูกเลี้ยงในกรงอย่างปล่อยปละละเลย

มันทำให้เราเข้าใจประโยค “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” มากขึ้น ทั้งต่อมนุษย์ด้วยกัน และธรรมชาติ

เรายังอาจใช้ประสบการณ์โควิดขยายโลกทัศน์และมุมมองต่อชีวิตในเรื่องความตาย

ความตายที่ปรากฏขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วนทั่วโลก ทำให้เราพบว่า เราทุกคนสามารถตายเมื่อไรก็ได้ ง่ายกว่าเร็วกว่าที่คิด

มันสอนให้เราใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท และเข้าใจสัจธรรมของความไม่แน่นอน

ตัวอย่างทั้งหมดนี้ย่อมมิได้บอกว่าเป็นเรื่องดีที่โควิดมาเยือน แต่บอกว่า แม้แต่ประสบการณ์ที่เลวร้ายที่สุดก็เป็นครูสอนเราได้

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ปยุตฺโต) เขียนว่า “ในทางพระพุทธศาสนา ท่านสอนให้รู้จักถือเอาประโยชน์จากสถานการณ์ และจากประสบการณ์ทุกอย่าง เรื่องราว ความเป็นไป และสิ่งทั้งหลาย ไม่ว่าดี ไม่ว่าร้าย ถ้ามองให้ดี มองให้เป็นแล้ว ก็ได้ประโยชน์ทุกอย่าง”

ทุกวิกฤติมีโอกาส ทุกสถานการณ์สามารถเป็นครูของเรา

ทุกเหตุการณ์สามารถเปิดโลกทัศน์ของเรา

ถ้าเรามองให้ดี บางทีเชื้อโรคเล็กๆ ก็สอนเราได้

 


คอลัมน์ ลมหายใจ

เรื่องและภาพ: วินทร์ เลียววาริณ

winbookclub.com

เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/winlyovarin/

 

All Creative Team

Writer

ร่วมสร้างสังคมอุดมปัญญา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!