‘ยูโร’ ยศวรรธน์ ท้อได้แต่ไม่ถอย

-

‘สามีแห่งชาติ’ คือฉายาที่พระเอกหนุ่มซึ่งกำลังมาแรงอยู่ขณะนี้ ‘ยูโร’ ยศวรรธน์ ได้มาจากกระแสความโด่งดังของละคร สามีชั่วคืน ซึ่งเขารับบทพระเอก เสียงตอบรับที่ดีเกินคาดส่งผลให้ละครและชื่อของเขาติดเทรนด์ทวิตเตอร์ จนเจ้าตัวถึงกับกล่าวว่าเพราะละครเรื่องนี้ทำให้ปีซึ่งอายุเข้าเบญจเพสที่น่ากังวลกลายเป็นปีที่ดีมากๆ บุคลิกของยูโรในบทบาท ‘กษะ’ นั้นค่อนข้างขรึมและเป็นผู้ใหญ่ แตกต่างจากตัวตนที่แท้จริงที่ร่าเริง เข้ากับคนแปลกหน้าได้ง่าย สบายๆ ไม่วางมาดวางฟอร์ม และเราเชื่อว่าหากใครได้สัมผัสตัวตนของเขาแล้วไม่โดนพระเอกหนุ่ม ‘ตก’ เป็นแฟนคลับ คุณก็เป็นคนที่จิตใจหนักแน่นมากๆ เพื่อมิให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ เราขอเริ่มบทสนทนาระหว่างเรากับ ‘หนุ่มน่ารัก’ ซึ่งเจ้าตัวนิยามตนเองไว้เช่นนั้น จะจริงหรือไม่คงต้องพิสูจน์จากบทสัมภาษณ์นี้กัน

ยูโรออกตัวกับเราก่อนเริ่มสนทนาว่าเป็นคนให้สัมภาษณ์ไม่เก่ง ไม่ถนัดพูดจริงจัง ขอร้องเพลงแทนได้ไหม (หัวเราะ) แม้เจ้าตัวจะเป็นนักแสดงแต่ได้เลือดนักดนตรีจากคุณพ่อ หลายคนอาจไม่รู้ว่าก่อนจะชื่อยูโรนั้น ชื่อเล่นของพระเอกหนุ่มที่คุณพ่อตั้งให้คือ ‘เมดเล่ย์’

“พ่อเป็นครูสอนดนตรี เลยตั้งชื่อลูกๆ เกี่ยวพันกับดนตรี พี่สาวผมชื่อมิวสิค ตัวผมชื่อเมดเล่ย์ หมายถึงเพลงที่ผสมกัน ส่วนชื่อยูโรเปลี่ยนก่อนเข้าวงการ พอดีไปเจอผู้ใหญ่ซึ่งไม่เชิงเป็นหมอดู เขาแนะนำว่าชื่อเมดเล่ย์ ความหมายไม่ค่อยแข็งแรง กระจัดกระจาย เป็นเพลงที่เล่นผสมกันไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียว ให้เปลี่ยนเป็นยูโรซึ่งเป็นสกุลเงินที่แข็งจะดีกว่า แต่มีหลายคนมักถามว่าผมเกิดปีที่มีฟุตบอลยูโรรึเปล่า ไม่ใช่ครับ ยูโรมาจากสกุลเงิน และ ย ยักษ์ ก็คล้องกับชื่อจริง ‘ยศวรรธน์’ ซึ่งเป็นชื่อที่ผมใช้ตั้งแต่เกิด จะได้เรียกง่ายๆ เข้าปาก ผมใช้ชื่อยูโรมา 4-5 ปีแล้ว พ่อกับแม่เรียกสลับไปมา นึกชื่อใหม่ไม่ทันก็เรียกชื่อเก่า แม้แต่ตัวผมหลังๆ ใครเรียกเมดๆ ไม่หันแล้วนะ เรียกใครวะ อ้าว เรานี่เอง”

ตัวตนที่แท้จริงของยูโรเป็นแบบไหน เราตั้งคำถาม “เป็นคนน่ารักครับ (ฮา) นิยามสั้นๆ เลยคือ น่ารัก เพราะเวลาผมอยู่กับคนอื่นจะทำตัวสนุกสนานเฮฮา ชอบสร้างบรรยากาศให้คนอยู่ด้วยมีความสุข อารมณ์ดี แต่เวลาอยู่คนเดียวจะชอบคิดเยอะ คิดนั่นคิดนี่ ค่อนข้างเครียด จริงจังกับชีวิต จริงจังกับงาน งอนตัวเองที่ทำไม่ได้ตามตั้งใจ มุมนี้คนไม่ค่อยเห็น พูดง่ายๆ คือเหมือนมีสองบุคลิก อยู่กับคนอื่นก็แบบหนึ่ง อยู่คนเดียวก็แบบหนึ่ง”

ก่อนมาเป็น ‘ยูโร’ ยศวรรธน์ ที่ใครๆ รู้จักนั้น ใช้ชีวิตแบบไหน เราถามพระเอกหนุ่ม “วัยเด็กผมใช้ชีวิตไปวันๆ เล่นๆ เรียนๆ อยู่อุดรธานีตั้งแต่เกิด เพิ่งมาอยู่กรุงเทพฯ เมื่อได้เป็นนักแสดง ที่จริงตอนเด็กมีความฝันอยากเป็นนักแสดงเหมือนกันครับ เราดูทีวีแล้วรู้สึกดารานักแสดงเขาเท่ เขาหล่อจัง อยากไปอยู่ตรงนั้นบ้าง ก็ฝันไปเรื่อยตามประสาเด็ก แต่รู้ว่าค่อนข้างเป็นไปได้ยาก เพราะเราทราบมาว่าคนจะได้เป็นดาราต้องเดินสยามแล้วมีแมวมองมาเห็น หรือไปออดิชันตามที่ต่างๆ ผมอยู่ต่างจังหวัดคงไม่มีโอกาสแบบนั้น จึงทิ้งความฝันอยากเป็นนักแสดง และไปสนใจการเป็นเกมเมอร์แทน เด็กๆ ผมติดเกมมาก ตอนนั้นที่บ้านเปิดร้านคอมฯ กลับบ้านมาเล่นเกมทุกวัน เล่นถึงตีหนึ่งตีสอง ผมจริงจังจนอยากเป็นนักแคสต์เกม อยากแข่งอีสปอร์ต แล้วช่วงที่ผมเล่นเกมเยอะ อีสปอร์ตกำลังดังเลย เราเห็นค่าตอบแทน เห็นสิ่งที่จะได้รับยิ่งทำให้อยากเป็นมากๆ” ทางบ้านสนับสนุนความฝันนี้ไหม เราถาม “พ่อนี่ไม่สนับสนุนเลย ด้วยความที่ท่านเป็นคุณครูเลยอยากให้เรามุ่งการเรียนมากกว่า แต่แม่ตามใจ ลูกชอบอะไรก็สนับสนุน ผมรักแม่ครับ เลยเชื่อแม่ (หัวเราะ)”

ถึงกระนั้นแม่ก็มีความห่วงกังวลว่ายูโรจะเกเรจนเสียคน จึงบังคับให้เล่นกีฬา “ด้วยความที่หมู่บ้านผมไม่ได้อยู่ในตัวเมือง แต่อยู่รอบนอก เลยมีเรื่องยาเสพติด บรรดาลูกของเพื่อนๆ แม่หลายคนเกเร ติดยาเสพติดกัน แม่กลัวว่าเราคลุกคลีกับเขาแล้วจะเกเรตาม เพราะสังคมรอบตัวผมเป็นแบบนั้น พอขึ้นมัธยมปุ๊บจึงบังคับให้ผมเล่นกีฬา พี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องเขาเป็นนักบาส แม่จึงจับเราเข้าชมรมบาสเลย พอเราเข้าชมรมก็ต้องซ้อมทุกวัน เลยไม่มีเวลาไปเจอกลุ่มเพื่อนเกเรที่แม่ไม่ปลื้ม ถามว่าผมชอบเล่นบาสไหม แรกๆ ก็เล่นไปงั้นๆ แต่สักพักก็สนุก ชอบ และจริงจังจนเป็นทีมโรงเรียน ทีมจังหวัดเลย ผมเล่นบาสอยู่สามปี จนเกิดจุดเปลี่ยนที่ทำให้ต้องเลิกเล่น

“ผมเล่นบาสตั้งแต่ ม.1-3 พอขึ้น ม.4 เท่านั้นแหละครับ ผลการเรียนตก ผมเลือกเรียนสายวิทย์-คณิต เรียนฟิสิกส์ เคมี ชีวะ เป็นภาษาไทยก็ว่ายากแล้ว ผมยังเรียนเป็นภาษาอังกฤษอีก ยิ่งไม่รู้เรื่องเข้าไปใหญ่ แล้วใจเราหมกมุ่นอยู่กับการเล่นบาส เลิกเรียนก็เอาแต่ซ้อม ไม่ได้สนใจเรื่องเรียนนัก ผลสอบออกมาเกรด 0 ไป 8 ตัว วิชาที่ผ่านมีแค่พละ ดนตรี เลือกเสรี นอกนั้นตกหมด แล้วพ่อผมเป็นรอง ผอ.ด้วย เละครับ โดนทำโทษหนักเลย เป็นเหตุให้ต้องเลิกบาสแล้วหันมาโฟกัสกับการเรียนแทน”

เมื่อเข้าสู่มหา’ลัย ยูโรเลือกเรียนคณะนิเทศศาสตร์ แสดงว่าความฝันที่อยากเป็นดารานักแสดงกลับมาอีกครั้งหรืออย่างไร เราถาม “ไม่เชิงเป็นแบบนั้นครับ เรื่องของเรื่องคือพ่ออยากให้ผมเป็นครูเหมือนท่าน ผมจึงเลือกไปสองสาขา อันดับแรกคือดนตรี ผมพอจะเล่นดนตรีเป็นตั้งแต่เด็ก เล่นกีตาร์ เล่นเปียโน เลือกสมัครสาขาครูดนตรีที่กรุงเทพฯ แต่ไม่ติด มาติดคณะนิเทศศาสตร์ซึ่งเลือกไว้เป็นแผนสำรอง คือราชภัฏอุดรธานี”

แล้วประตูสู่วงการบันเทิงของยูโรเปิดออกได้อย่างไร “ตอนนั้นผมเรียนปี 4 เทอม 1 ใกล้จบแล้ว ผู้จัดการติดต่อมาทางโซเชียลมีเดียของผม ถามว่าสนใจไปออดิชันที่สถานีช่อง 7 เอชดีไหม เราก็ดูประวัติผู้จัดการว่าเขาดูแลศิลปินคนไหน พบว่าเขาดูแล ‘เข้ม’ หัสวีร์ ดูแล้วน่าเชื่อถือ เคยคิดมาตลอดว่าไม่มีทางมีโอกาสแบบนี้ อยู่ๆ โอกาสมาถึง ก็ต้องคว้าไว้”

ยูโรเล่าเสริมว่า ก่อนที่ผู้จัดการจะเห็นรูปเขาแล้วทัก เขาเคยไปเดินแบบซึ่งมาจากการชักชวนของเพื่อนที่เล่นฟิตเนสด้วยกัน เป็นงานเดินแบบเล็กๆ ในห้างสรรพสินค้าที่จัดหวัดอุดรธานี แค่ 1-2 ครั้ง ผู้จัดการเห็นรูปของยูโรจากงานเดินแบบ และเห็นเพียงครึ่งหน้า ก็หาทางติดต่อเขาทันที เมื่อตัดสินใจจะลองออดิชัน ยูโรก็เดินทางมากรุงเทพฯ คนเดียว และทำการออดิชันครั้งแรกในชีวิต เพียงแค่ 2-3 สัปดาห์ให้หลังก็รู้ผลเลยว่าผ่านออดิชัน ได้รับเลือกเป็นนักแสดงสังกัดช่อง 7 เอชดี

หลังจากนั้นยูโรก็เดินทางมาทำงานที่กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรกที่เขาต้องห่างบ้านและอยู่ด้วยตัวเอง “ตอนผมอยู่ที่บ้านจังหวัดอุดรธานี ผมไม่เคยต้องทำอะไรเลยนะ เช่น พวกงานบ้าน ผมใช้ชีวิตไปวันๆ เรียน เล่นเกม เล่นกีฬา มีแม่บ้านคอยทำความสะอาดให้ แม่ค่อนข้างตามใจ พอมาใช้ชีวิตคนเดียวก็ต้องหัดทำเอง ซักผ้า รีดผ้า ดูแลตัวเอง 20 ปีไม่เคยทำ มาเริ่มทำในปีที่ 21 ตอนนี้คือทำเป็นหมดเลยครับ”

นอกจากการใช้ชีวิตที่เขาต้องหัดทำในสิ่งที่ไม่เคย ในแง่การทำงาน เขาประเดิมงานแรกด้วยการแสดงละครที่เขาไม่เคยมีประสบการณ์เลยในทันที “งานชิ้นแรกคือเล่นละครครับ ช่วงที่ต้องถ่ายละครนั้นผมเรียนอยู่ปี 4 เทอม 2 แล้วต้องฝึกงาน ปรึกษากับทางช่องว่าจะทำยังไงดีเพราะต้องเล่นละครด้วย ฝึกงานด้วย ผู้ใหญ่เลยส่งผมไปฝึกงานกับค่ายละครของช่อง 7 ไปทำงานเบื้องหลัง ตอนนั้นผมถ่ายละคร จันทร์-พุธ ฝึกงานที่กองละคร พฤหัสบดี-อาทิตย์ กองที่ผมไปฝึกถ่ายทำละครเรื่อง ไฮโซสะออน ละครเรื่องแรกของเพื่อนผม ‘เข้ม’ หัสวีร์ การฝึกเบื้องหลังไม่ใช่สิ่งที่หนักใจ เพราะเราเรียนนิเทศศาสตร์ก็เข้าใจงานโปรดักชันมาบ้าง แต่ที่ยากจริงๆ คือการแสดงเนี่ยแหละครับ ผมไม่มีความรู้ ไม่เคยเรียนการแสดง มาถึงก็รับบทเลย ทุกอย่างมึนงงไปหมด จึงทำผลงานออกมาไม่ดีนัก

“ตอนถ่ายเรื่องแรกผมไม่กดดันเลย เพราะระหว่างที่ถ่ายทำ ละครยังไม่ออนแอร์ เรายังไม่เห็นกระแสตอบรับจึงไม่รู้ว่าเราทำดีหรือไม่ดี ก็ทำไปเท่าที่ได้ ณ ตอนนั้นภูมิใจนะเพราะเราไม่มีประสบการณ์จริงๆ จนละครออนแอร์เท่านั้นแหละครับ ได้ดูตัวเอง ได้เห็นกระแสตอบรับ รู้สึกหดหู่ไปชั่วขณะเหมือนกัน ขนาดเราดูตัวเองยังรู้เลยว่าไม่ดี”

แล้วยูโรรับมือกระแสตอบรับที่เจอครั้งแรกอย่างไร “ฟีดแบ็กไม่ดีก็จริง แต่เราเต็มที่เท่าที่ความสามารถเรามี ณ เวลานั้นแล้ว เรื่องแรกแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว มาปรับปรุงในเรื่องต่อๆ ไปแทน อันที่จริงเรื่องที่สองก็ยังแสดงแข็งอยู่ครับ เหมือนไปพูดบท ไม่ได้มีความรู้สึกร่วมกับตัวละคร จึงเริ่มเรียนการแสดงเพิ่ม เริ่มศึกษา มาดีขึ้นเรื่องที่สาม-สี่ พูดตามตรงจนตอนนี้ก็ยังไม่กล้าพูดว่าเราเข้าใจการแสดงแล้วจริงๆ แต่ทุกเรื่องก็ค่อยๆ พัฒนาขึ้นทีละนิด ผมแสดงละครปีนี้ปีที่ 4 สำหรับผมยังรู้สึกว่าตัวเองใหม่อยู่ ยังไม่เก่ง ต้องเรียนรู้จากข้อผิดพลาดไปเรื่อยๆ”

เหตุผลที่ยังมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้แม้จะโดนตำหนิหรือวิจารณ์แค่ไหน ก็คือการเห็นคุณค่าของโอกาส “โอกาสที่ผมเข้ามาเป็นนักแสดงนั้นไม่ใช่สิ่งที่เกิดได้ขึ้นง่ายๆ  แล้วเราโชคดีมากที่มีโอกาสนั้น ผมจึงสู้ไม่ถอย เดินหน้า ต้องรักษาโอกาสนี้ไว้ต่อไป”

สามีชั่วคืน คือละครซึ่งทำให้ชื่อของยูโรเป็นที่รู้จักมากขึ้น ผลงานเรื่องนี้มีพัฒนาการอย่างไรบ้าง “ผมพัฒนาขึ้นเกือบทุกด้านเลย เมื่อก่อนเราว่าตัวเองอ่านบทเยอะแล้ว 3-4 รอบได้ แต่เหมือนเราอ่านไม่แตกฉาน อ่านไม่เข้าใจ เพราะเราโฟกัสแค่บทของเราคนเดียว เราไม่เคยสนใจบทคนอื่นนัก แต่ที่จริงแล้วทุกตัวละครดำเนินเรื่องสัมพันธ์กัน ต้องเข้าใจด้วยว่าตัวละครอื่นเขาคิดกับตัวละครของเราอย่างไร เขาถึงแสดงอารมณ์แบบนั้น สามีชั่วคืนบทผมค่อนข้างหนักเพราะเป็นนักแสดงนำ ต่างจากเรื่องก่อนๆ ที่เรารับบทตัวรองจึงไม่กดดันเท่า พอเป็นนักแสดงนำแล้วเรื่องราวต่างๆ ต้องผ่านตัวละครตัวนี้ โชคดีที่ผู้กำกับคือพี่ ‘เติ้ล’ ตะวัน จารุจินดา อธิบายให้เราเข้าใจได้ง่าย เพราะพี่เติ้ลเคยเป็นนักแสดงด้วยจึงมีวิธีอธิบายว่าตัวละครนี้คิดอะไร แล้วคนอื่นเขาคิดยังไงกับเรา ที่ทำแบบนี้เพราะมีความหมายนะ หรือเหตุผลเบื้องหลังของแต่ละตัวละครแวดล้อมเรา ผมใช้เวลากับละครเรื่องนี้หนึ่งปี ได้ความรู้มามาก ได้พัฒนาการแสดงไปอีกขั้นครับ”

ยูโรยังเลือกให้บท ‘กษะ’ ในสามีชั่วคืน คือบทบาทที่ยากที่สุด ณ ตอนนี้สำหรับเขา “ด้วยความที่เป็นตัวนำของเรื่อง จึงต้องแบกรับหลายอย่าง เช่นความรู้สึกของตัวละครต่างๆ ผมโดนพี่เติ้ลกวดขันหนักเหมือนกัน ชุดใหญ่เลยแหละกว่าจะเข้าถึงแคแรกเตอร์ได้ ใช้เวลาไม่น้อย”

ผลงานที่มีให้ติดตามในอนาคตของนักแสดงหนุ่มคนนี้ ได้แก่ ละครเรื่อง เข็มซ่อนปลาย ทางช่อง 7 เอชดี และละครอีสานซึ่งกำลังถ่ายทำเรื่อง ฮักหลายมายเลดี้ ซึ่งโคจรมาเจอผู้กำกับที่เคยร่วมงานอย่าง ‘เติ้ล’ ตะวัน จารุจินดา อีกครั้ง “เรื่องนี้ต้องพูดภาษาอีสาน ผมเคยเล่นซีรีส์ที่พูดอีสานไปแล้วเรื่อง ไทบ้านคึกคัก มนต์รักอบต. ทาง WeTV ถึงแม้ผมจะเป็นคนอีสานแต่ที่บ้านพูดภาษากลาง เราฟังรู้เรื่องหมดแต่พูดได้เป็นบางคำ ซีรีส์เรื่องนี้ต้องพูดอีสานทั้งเรื่อง ผมมีพูดสำเนียงเพี้ยนบ้าง ไม่เป๊ะร้อยเปอร์เซ็นต์ พอเรามีโอกาสเล่นละครที่ได้พูดอีสานอีกก็อยากปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิมครับ”

ทำงานวงการบันเทิงเข้าสู่ปีที่ 5 แล้ว ยังมีสิ่งที่ไม่ชินอีกไหม เราถามนักแสดงหนุ่ม “ผมว่าผมชินแล้วนะ เจออะไรมาหลายๆ อย่างและพอรู้ว่าจะเป็นยังไง ผมปรับตัวได้ไม่มีปัญหาเพราะพื้นฐานเป็นคนเข้ากับคนง่าย ถึงแม้จะกลับไปคิดคนเดียวเหมือนเดิม แต่เวลาเข้าสังคมก็สบายๆ สนุกสนาน

“ทว่าหากถามถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำงาน ชัดเจนที่สุดคือเรื่องความรับผิดชอบ การทำงานเปลี่ยนเราในเรื่องนี้มากๆ จากเด็กที่ไม่เคยทำอะไรเองเลย ต้องรับผิดชอบทั้งกับตัวเองและส่วนรวมมากขึ้น ใส่ใจงานที่ได้รับมอบหมาย ไม่เคยตื่นเช้าก็ต้องตื่น”

เป้าหมายในวงการบันเทิงที่อยากทำให้สำเร็จนั้น เขาขอแค่ทำผลงานออกมาได้ดีเป็นที่พอใจของตัวเองและแฟนๆ  ส่วนชื่อเสียงในอนาคตนั้น ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องไปถึงระดับซูเปอร์สตาร์ แค่ก้าวช้าๆ ตามจังหวะและโอกาสของตัวเองก็พอ “ตอนนี้ที่ผมให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งคือการพัฒนาตัวเองให้เก่งกว่านี้ขึ้นไปอีก รองมาคือเรื่องรูปร่างและสุขภาพ ที่ผ่านมาผมอาจไม่ได้ดูแลตัวเองมากเท่าที่ควร ก็อยากโฟกัสกับตรงนี้ให้มากขึ้น ต้องยอมรับว่ารูปร่างหน้าตาเป็นส่วนหนึ่งของอาชีพดารานักแสดงที่ต้องให้ความสำคัญ อันดับสามคือการดูแลครอบครัว ถึงจะอยู่ห่างแต่เราก็คุยกันตลอดครับ”

ความกลมเกลียวในครอบครัวนี้เอง ทำให้ในวันที่อ่อนแอครอบครัวคือสิ่งที่ช่วยพยุงจิตใจของเขาให้ดีขึ้น “ถ้ามีเรื่องทุกข์ใจเมื่อไหร่ สิ่งแรกที่ผมจะทำคือโทร.หาแม่ แม่ของผมเป็นสายเอนเตอร์เทน เป็นคนสนุกสนาน ตลกเฮฮา ถ้าเกิดเครียดเมื่อไหร่ แม่จะเปลี่ยนความเครียดนั้นให้กลายเป็นเรื่องตลก ทำให้เราผ่อนคลายอารมณ์ ผ่อนคลายจากปัญหาและความทุกข์นั้น นิสัยของผมส่วนที่เข้ากับคนง่าย อยู่กับคนอื่นแล้วเฮฮาคือถอดจากแม่มาเต็มๆ แม่จึงเป็นความสบายใจของผมครับ”

ความสุขของยูโรในวันนี้อาจไม่แตกต่างจากนักแสดงคนอื่นๆ แต่ก็เป็นขุมพลังสำคัญที่ทำให้นักแสดงหนุ่มเดินหน้าต่อไปได้ “ผมดีใจทุกครั้งที่ได้เห็นแฟนคลับรักและสนับสนุนเรา ได้เจอแฟนคลับที่ตั้งใจมาหา เราเลยมีพลังอยากทำงานทุกอย่างให้เขาได้เห็นครับ”

ปณิธานในปี 2565 ยูโรมีความตั้งใจอยากให้แฟนๆ ได้เห็นตัวเขาที่สมบูรณ์แบบขึ้นกว่าเดิม “ผมจริงจังเรื่องรูปร่างมากครับ ตั้งใจมากๆ ปีนี้จะต้องมีซิกซ์แพกให้ได้ ผมสัญญากับผู้จัดพี่ ‘เติ้ล’ ตะวัน ไว้ตั้งแต่เล่นสามีชั่วคืน ว่าจะเพิ่มกล้ามท้อง จนเปิดกล้องก็ยังไม่มี (หัวเราะ) จริงๆ หวังจะมีซิกซ์แพกมาหลายปีแล้ว แต่ไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย เราติดงานและไม่ได้ออกกำลังกายสม่ำเสมอด้วย ช่วงนี้ว่างหน่อยจึงอยากบิลด์ให้สำเร็จ ปีนี้ต้องทำให้ได้ครับ”

เชื่อว่าความพยายาม สู้ไม่ถอยต่อให้เจออุปสรรคใดๆ จะหนุนนำให้นักแสดงหนุ่มคนนี้ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน


ขอบคุณสถานที่ถ่ายทำ

MeStyle Museum Hotel99

ซอยประชาราษฏร์บำเพ็ญ19 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพ 10310

Tel: 02 690 8899, Line Official: @mestylehotelgroup

E-mail: rsvn@mestylehotelgroup.com, Website: www.mestylemuseum.com

Facebook: MeStyle Museum Hotel, Instagram: Mestylemuseum


ขอบคุณเครื่องแต่งกาย
● VANILLIN
● Wonder Anatomie

Stylist : @ballionista
Make up : @kp_makeupth
Hair Stylist : @yo_hairstylist

ภิญญ์สินี

Writer

กองบรรณาธิการ ศิษย์เก่าเอกปรัชญาและศาสนา ชอบติดตามกระแสสังคม และเทรนด์แฟชั่น สนใจศิลปวัฒนธรรม และสีมงคล ลายนิ้วหัวแม่มือคือลายมัดหวาย

อนุชา ศรีกรการ

Photographer

ช่างภาพที่เกิดวันเดียวกับวันถ่ายภาพโลก เลยทำอย่างอื่นไม่เป็นแล้ว

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!