ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ทุกๆ ท่าน พบกับ “ธรรมะอมยิ้ม” เหมือนเคยนะโยม ช่วงนี้เข้าหน้าหนาวแล้ว ขอให้ทุกท่านรักษาสุขภาพให้ดี ทั้งร่างกายและจิตใจ ที่สำคัญเวลาพูดระวังปากแตกด้วย ไม่ใช่ว่าถูกนักเลงต่อยนะ แต่เป็นเพราะลมหนาวมันแรงจนอาจจะทำให้โยมปากแห้งและก็แตกเอาได้ อาตมาเตือนด้วยความหวังดี
ครั้งหนึ่ง มีโยมคนหนึ่งเตือนคนขับรถของอาตมา วันนั้นเป็นเช้าวันจันทร์ที่รถติดมากคนขับรถของอาตมากะจะเบี่ยงซ้ายออกมา ก็มีมอเตอร์ไซค์วิ่งมาพอดี แต่คนขับมอเตอร์ไซค์สติดีและหลบทัน พอรถมาติดไฟแดง รถตู้อาตมาก็จอดคู่กับมอเตอร์ไซค์อีก คนขับรถของอาตมาจึงเลื่อนกระจกลงขอโทษ คนขับมอเตอร์ไซค์ก็มองหน้าแล้วพูดว่า ขับรถแบบนี้ระวังตัวให้ดีนะ
เห็นไหมโยม ขนาดเราเบี่ยงรถจะชนเขา เขายังไม่โกรธ เขายังมีน้ำใจมาเตือนเราว่า เวลาขับรถให้ระวังตัวให้ดี ดูสิน้ำใจเขาช่างประเสริฐแท้ อาตมานับถือน้ำใจจริงๆ
โยมทุกท่าน คนเรามีตาเหมือนกัน มองสิ่งเดียวกัน แต่เห็นไม่เหมือนกัน ได้ฟังเรื่องเดียวกัน แต่เข้าใจไม่เหมือนกัน ได้ยิน ได้ฟัง ได้เห็นเรื่องเดียวกัน แต่เข้าใจไม่ตรงกัน คิดไม่เหมือนกัน
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะจิตของผู้รับฟังที่ต่างกัน มุมมองชีวิตที่ต่างกัน และภูมิรู้ ภูมิธรรมะที่ต่างกัน (สติปัญญาและการเข้าใจชีวิตตามหลักธรรมะ)
ด้วยเหตุนี้โบราณจึงกล่าวไว้ว่า เนื่องจากความคิดเห็นไม่ตรงกัน การพนันจึงเกิดขึ้น ที่จริงแล้วอาตมาไม่ชอบการพนัน ไม่ส่งเสริมการเล่นการพนัน โยมเชื่อไหม ถ้าไม่เชื่อมาพนันกันไหม นั่นไง บอกแล้วว่าไม่ชอบการพนัน
โยมทั้งหลาย คนเราเกิดมาต่างพ่อต่างแม่ ต่างที่ ต่างครอบครัว อยู่คนละประเทศ อยู่คนละมุมของโลก การมองโลกจึงต่างกันเป็นเรื่องธรรมดา ขนาดไม้ไผ่ยังต่างปล้อง พี่น้องยังต่างใจ นับประสาอะไรกับคนที่เกิดคนละมุมโลก
มันไม่แปลกหรอกโยมที่คนเราจะคิดต่างจากคนอื่น แต่แปลกตรงที่ว่า บางคนไม่ยอมรับมุมที่ต่างจากความคิดของตนเองเลย มุมชีวิตที่ต่างกันเราสามารถแบ่งปันมุมมองของชีวิตได้ ถ้าเราเปิดใจรับมุมมองที่แตกต่าง เราจะไม่มีทางแตกแยกกันเพราะความแปลกของมุมมอง แต่เราจะเห็นปัญญา เห็นความรู้ใหม่ที่เข้ามาในชีวิต
โลกนี้กว้างเกินกว่าที่เราจะมองเห็นแค่คนเดียว ถ้ามีคนอื่นมาช่วยมองแล้วแบ่งปัน เท่ากับเราไม่ต้องเสียเวลาไปรอบโลกเพื่อหามุมมองของชีวิต
เพื่อให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างความคิด โยมลองฟังเรื่องนี้ดูก็แล้วกัน
มีคู่รักคู่หนึ่งนั่งรถประจำทางไปยังเมืองเล็กๆ กลางหุบเขา ในรถคันนั้นมีผู้โดยสารเต็มคัน มีแค่เขาสองคนที่จะลงก่อนเข้าหมู่บ้านในหุบเขานั้น ขณะที่รถวิ่งไปตามถนน ทั้งสองรู้สึกชื่นใจกับอากาศอันบริสุทธิ์
สักพักก็ถึงจุดหมาย ทั้งสองลงจากรถแล้วมองตามรถคันนั้นด้วยความสุขใจ รถคันนั้นวิ่งไปยังไม่พ้นสายตาของทั้งคู่ เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น หินก้อนมหึมาได้ถล่มลงมาจากภูเขา ทับรถคันนั้นพังยับเยิน ทุกคนที่อยู่ในรถเสียชีวิต คู่รักคู่นั้นตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
แล้วทั้งสองก็พูดกันว่า ถ้าเราไม่ลงจากรถคันนั้นก็ดีนะที่รัก
อ้าว! เป็นไงโยม ทำไมเขาคิดแบบนั้น เขาอยากจะตายพร้อมคนทั้งหมดที่อยู่ในรถอย่างงั้นหรือ
คนส่วนใหญ่คงจะคิดว่า คุณพระคุ้มครองเราแท้ๆ โชคดีมากเลยที่เราลงจากรถคันนั้นทัน ไม่งั้นคงตายโหงไปแล้ว แต่คู่รักคู่นี้กลับพูดต่างจากคนส่วนใหญ่
แล้วโยมล่ะคิดอย่างไร อย่าคิดว่า เราต้องรีบไปดูทะเบียนรถนะ เผื่อเอามาเสี่ยงโชค
ตอบมานะโยม อย่าอ่านเฉยๆ ช่วยกันทำมาหากินด้วย
จริงๆ แล้ว คู่รักคู่นี้เขาคิดว่า ถ้าเขาไม่ลงจากรถ รถคันนั้นคงไม่ต้องเสียเวลาจอด และมันก็คงวิ่งผ่านจุดที่หินถล่มลงมาไปแล้ว
เห็นไหมโยม ในชีวิตคนเราส่วนมากมักคิดถึงตัวเองก่อนเป็นหลัก ถ้าเรามองมุมที่ต่างไปจากความคิดของตนเอง และพยายามเข้าใจมุมมองของคนอื่น เราจะเห็นคุณค่าซึ่งกันและกัน
เป็นไงโยม โยมตอบถูกไหม ถ้าโยมตอบถูกโดยไม่เคยอ่านที่อื่นมา แสดงว่าจิตใจโยมนั้นดีงามมาก มองเห็นโอกาสที่จะช่วยเหลือผู้อื่นก่อน
โยมเห็นไหมว่า มุมมองของชีวิตนั้นสำคัญแก่ชีวิตตนเองและชีวิตผู้อื่น
ให้เพื่อแบ่งปันเท่ากับความสุข ให้แล้วยึดติดก็เป็นความทุกข์
คิดดีต่อคนอื่นเท่ากับสร้างสุขให้ตนเอง
คิดร้ายคิดลบ จุดจบก็เป็นความทุกข์
เราอย่าบั่นทอนชีวิตด้วยความคิดที่ติดลบ ถ้าเรามีความคิดที่ติดลบ จะคบใครก็ไม่ยืดยาว เจริญพร
คอลัมน์: ธรรมะอมยิ้ม
เรื่อง: พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต
ภาพ: ขวัญญาณี ศิรธนอนันต์