ทั่วโลกกำลังลุ้นวัคซีนโควิด-19 มีข่าวว่าประเทศนั้นเริ่มฉีดแล้ว ประเทศนี้เริ่มฉีดแล้ว ความจริงเป็นเพียงการทดลองวัคซีนเฟสที่สามซึ่งต้องฉีดในคนให้ได้สักสี่ห้าพันคน ตอนนี้มีอยู่ห้าชาติที่ดำเนินการถึงเฟสที่สาม ในอดีตวัคซีนที่ล้มเหลวไม่เป็นท่าไม่ว่าจะเป็นวัคซีนเอดส์ วัคซีนไข้เลือดออก ล้วนติดแหง็กอยู่ที่เฟสที่สามนี้ทั้งนั้นแหละ แล้วอีกอย่างหนึ่ง วัคซีนซาร์สโควี-1 ซึ่งเป็นเชื้อโรคตัวพี่ของโควิด-19 (ที่มีชื่อทางการว่าซาร์สโควี-2) ก็ล้มเลิกไปเพราะยังแก้ปัญหาผลข้างเคียงของวัคซีนที่ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันไม่ได้นะ เพียงแต่ระฆังหมดยกช่วยไว้ คือโรคซาร์สโควี-1 สงบลงเสียก่อน วงการแพทย์จึงไม่ได้ทดลองต่อ ที่เกริ่นมาทั้งหมดนี้เพื่อให้เห็นอีกมุมว่ามันมีแนวโน้มที่จะไม่มีวัคซีนโควิด-19 ใช้ แล้วเราจะไปต่อกันยังไง
ทุกวันนี้เราอยู่ได้เพราะเราควบคุมโรคไว้ไม่ให้ระบาด แต่เราจะต้องเปิดประเทศไม่ช้าก็เร็ว จะปิดประเทศอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ย่อมเป็นไปไม่ได้ นั่นหมายความว่าหากไม่มีวัคซีนเราก็หมดทางเลือกแล้ว เราจะต้องเปลี่ยนนโยบายกดโรค (suppression) มาเป็นนโยบายผ่อนปรนโรค (mitigation) คือปล่อยให้โรคแพร่ระบาดทีละนิดๆ พอไม่ให้ล้นเตียงโรงพยาบาล จนคนส่วนใหญ่ได้สัมผัสเชื้อแล้วโรคก็จะค่อยๆ สงบลงเอง
อ้าว! นั่นหมายความว่าต้องปล่อยให้คนไทยจำนวนหนึ่งเสียชีวิตสิ ตอบว่าใช่ครับ เพราะอย่าลืมว่าในฉากทัศน์ที่ไม่มีวัคซีนนี้เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนะ
ประเด็นของผมก็คือหากเริ่มผ่อนปรนให้แก่โรค ใครบ้างที่จะมีแนวโน้มตายมาก ตามสถิติของโควิด-19 เราก็รู้อยู่แล้วว่าคนที่มีแนวโน้มตายมากคือคนที่เป็นโรคเรื้อรัง อันได้แก่ โรคเบาหวาน, โรคอ้วน, โรคไตเรื้อรัง, โรคหัวใจ, โรคความดันเลือดสูง, โรคมะเร็ง, โรคทางเดินลมหายใจอุดกั้นเรื้อรัง (COPD), โรคหอบหืดระดับปานกลางถึงรุนแรง, โรคอัมพาต, โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง, คนสูบบุหรี่ และคนสูงอายุ
ในบรรดาโรคที่ผมไล่เรียงมานี้ หากไม่นับการเป็นคนสูงอายุ เรื่องอื่นล้วนสามารถดูแลตัวเองให้ดีขึ้นได้ด้วยการเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิต (lifestyle modification) นะครับ หมายถึงกินอาหารจำพวกพืชผักผลไม้ให้มากขึ้น ออกกำลังกายจริงจังสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ จัดการความเครียดให้ดี และหมั่นถูกแดดอ่อนยามเช้าหรือเย็นเพื่อรับวิตามินดี ซึ่งสำคัญมากต่อการสร้างภูมิคุ้มกันโรค
ทำสิ่งเหล่านี้จนตัวชี้วัดสำคัญเจ็ดอย่างของท่านคือ 1. น้ำหนัก 2. ความดัน 3. ไขมัน 4. น้ำตาล 5. การกินพืชผักผลไม้ 6. การออกกำลังกาย 7. การไม่สูบบุหรี่ มาอยู่ในเกณฑ์ปกติหมด ท่านจึงจะสามารถป้องกันตัวเองจากการติดโรคโควิด-19 ไว้ล่วงหน้าได้ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีวัคซีน
ดังนั้นหากไม่มีวัคซีน และเราจำเป็นต้องเปิดประเทศ การเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตนี่ไงที่จะเป็น “วิถีใหม่” ของเราชาวไทยทุกคน แล้วเวลาที่จะลงมือก็ไม่ใช่ไปรอทำเอาตอนรู้แน่ว่าไม่มีวัคซีนและต้องเปิดรับโรคแน่แล้ว ไม่ใช่ไปรอทำตอนนั้น เพราะคงไม่ทันเสียแล้ว เราต้องเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตเสียตั้งแต่วันนี้และตอนนี้
คอลัมน์: สุขภาพ
เรื่อง: นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์