ประเด็นที่ 1 ฉีดวัคซีนดีหรือไม่ดี
ตอบว่าฉีดวัคซีนดีแน่ เพราะมองในแง่ประเทศชาติ ถ้าไม่มีวัคซีน สำหรับโรคอุบัติใหม่ซึ่งไม่มีใครมีภูมิคุ้มกันเลย แถมเป็นโรคที่แพร่เร็วอย่างโควิด-19 นี้ ถ้าไม่มีวัคซีนและกดโรคไม่อยู่ โรคจะระบาดไปถึงร้อยละ 80 ของประชากร แปลว่าคนไทย 56 ล้านคนจะติดเชื้อนี้ หากคิดอัตราตายเฉลี่ยทั่วโลก (2.07%) คนไทยก็จะตายด้วยโรคนี้ 1.1 ล้านคน การฉีดวัคซีนแม้คำนวณจากประสิทธิผลต่ำสุด (50%) วัคซีนก็ยังช่วยชีวิตคนไทยไว้ได้ถึง 550,000 คน ส่วนผลเสียของวัคซีนที่ซีเรียสยังไม่มีเลย แม้ขณะนี้มีการฉีดวัคซีนไปทั่วโลกถึง 1,380 ล้านโด๊สแล้วก็ยังไม่ปรากฏผลเสียที่ซีเรียสใดๆ
มองในแง่ปัจเจกบุคคลการฉีดวัคซีนช่วยลดความเสี่ยงการป่วยเป็นโรคโควิดได้ถึง 50-94% การไม่ฉีดวัคซีนจะทำให้เราติดโรคนี้ในไม่เวฟใดก็เวฟหนึ่งซึ่งจะมาเป็นระลอกๆ เมื่อติดโรคแล้วเรามีโอกาสตายถึง 2.07% ซึ่งเป็นอัตราตายที่สูงกว่าการเข้าผ่าตัดบายพาสหลอดเลือดหัวใจเสียอีกนะ แล้วเรื่องอะไรที่เราจะเสี่ยงชีวิตในเมื่อมันป้องกันได้ด้วยวัคซีน
อนึ่ง การไม่ฉีดวัคซีนแล้วคิดจะไปรอใบบุญจากภูมิคุ้มกันฝูง (herd immunity) ผมบอกล่วงหน้าได้เลยว่าเป็นยุทธศาสตร์ส่วนตัวที่ผิดพลาดเพราะ
(1) คนไทยจำนวนมากตั้งใจจะไม่ฉีดวัคซีนเพราะความไม่เข้าใจข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ทำให้หวาดกลัวพิษภัยของวัคซีนจนขี้ขึ้นสมองเหมือนคนกลัวผี ทั้งๆ ที่ในชีวิตไม่เคยเห็นผี แค่คนไทยจำนวนเพียงหนึ่งในสี่คิดแบบนี้ ภูมิคุ้มกันฝูงที่ท่านหวังพึ่งก็ไม่มีวันได้เกิดขึ้น เพราะมันจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อคนไทยประมาณร้อยละ 80 ของประเทศมีภูมิคุ้มกันแล้ว
(2) การบริหารจัดการระบบการฉีดวัคซีนของรัฐอย่างที่ผ่านมา ท่านใช้ตรรกะง่ายๆ คำนวณดูก็ได้ว่าหากต้องฉีดวัคซีนถึง 56 ล้านคนหรือ 112 ล้านโด๊ส รัฐบาลจะใช้เวลากี่ปี ในระหว่างที่รออยู่ ท่านอาจติดเชื้อเสียก่อน
(3) วัคซีนโควิดไม่ใช่ของที่หาซื้อเอาในตลาดได้ ผู้ผลิตเจาะจงขายให้แก่รัฐเท่านั้นด้วยเหตุผลที่ผมขอไม่พูดถึง แถมการส่งมอบวัคซีนยังเป็น “โรคเลื่อน” และ “โรคขาด” เป็นประจำ แล้วท่านยังหวังได้หรือว่าจะมีวัคซีนมาส่งมอบให้ฉีดได้ครบ 80% ก่อนที่ตัวท่านจะติดเชื้อโควิด
ประเด็นที่ 2 วัคซีนอะไรดีกว่าอะไร
มองในแง่ประสิทธิผล วัคซีน m-RNA เช่น ของไฟเซอร์และโมเดอร์นามีประสิทธิผลดีที่สุด (94% ถ้าฉีดครบสองโด๊ส) วัคซีนไวรัสตัวพา เช่น AstraZineca ดีรองลงมา (62.1-90.0%) และวัคซีนเชื้อตาย เช่น Sinovac ให้ประสิทธิผลต่ำแต่อยู่ในระดับยอมรับได้ (50.4-83.5%)
มองในแง่ความปลอดภัยระยะสั้น วัคซีนทั้งสามแบบมีความปลอดภัยเท่าเทียมกัน คือไม่มีผลเสียอย่างที่คนหวาดกลัวกันไปต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นเลือดแข็งตัวในสมอง การเกิดภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง การเป็นอัมพาต เหล่านี้ยังไม่มีหลักฐานใดๆ ทั้งสิ้นที่พิสูจน์ได้ว่าเกิดจากวัคซีนโควิด
มองในแง่ความปลอดภัยระยะยาว ตรงนี้เป็นเพียงจินตนาการเพราะยังไม่มีข้อมูล จึงเปรียบเทียบไม่ได้
ควบคู่ไปกับมุมมองว่าอะไรดีกว่าอะไร ต้องมองจากมุมที่ว่าอะไรหาได้และอะไรหาไม่ได้ด้วย เพราะของที่ว่าดีนั้นหากหาไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์ สู้ยอมรับของที่ดีรองลงมาซึ่งวงการแพทย์ยอมรับว่ามีประโยชน์ คุ้มแก่ความเสี่ยง และหาได้ในชีวิตจริงจะดีกว่า
คอลัมน์: สุขภาพ
เรื่อง: นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
ภาพ: www.freepik.com