ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่สาธุชนคนดีทุกท่าน ช่วงนี้เป็นวิกฤติของคนไทย ทั้งด้านเศรษฐกิจ ด้านการบ้านการเมือง สิ่งที่เป็นปัญหาใหญ่อีกอย่างของคนเมืองคือฝุ่น คนกรุงเทพฯ สูดดมฝุ่นทุกๆ วัน รวมถึงอาตมาด้วย ตอนนี้ยังไม่ได้ไปตรวจดูเลยว่า ปอดอยู่ในสภาวะปกติหรือไม่ ยังไงเสียอาตมาก็ฝากให้ทุกท่านดูแลสุขภาพด้วย ก่อนออกจากบ้านไปทำงานอย่าลืมใส่หน้ากากด้วย โอ๊ะ! ไม่ใช่ อย่าลืมใส่ผ้าปิดจมูกด้วย
ถ้าบอกว่าใส่หน้ากาก เดี๋ยวโยมก็ใส่หน้ากากเข้าหากัน จะทำให้ขาดความจริงใจต่อกันไปด้วย
เมื่อพูดถึงเรื่องฝุ่น ฝุ่นที่มีตอนนี้มาจากควันรถ จากการก่อสร้าง ฝุ่นเหล่านี้มาจากภายนอก เราควบคุมได้ยาก
ส่วนฝุ่นภายในใจ ที่เราเรียกว่า “กิเลส” หรือความโลภ ความโกรธ ความหลง นั้นเกิดขึ้นจากตัวเรา จากใจเรา เราสามารถกำจัดมันได้ โยม กระจกที่ไม่เคยเช็ดจะขุ่นมัว มองอะไรก็ไม่ชัด ถ้าเราเช็ดเราขัด จะมองชัดถึงตีนกาเลยนะโยม
โยมทั้งหลาย สิ่งใดก็ตามที่เราไม่ดูแล ไม่ทำความสะอาด ฝุ่นย่อมเกรอะรกรุงรัง สุดท้ายมันก็พังก่อนอายุขัยอันควร จิตเราก็เช่นกัน ถ้าเราปล่อยให้ความโลภ ความโกรธ ความหลง เข้ามาครอบงำ ในไม่ช้าจิตใจของเราก็จะเต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว เห็นผิดเป็นชอบ เห็นชั่วเป็นดี ถ้าเป็นแบบนี้เราจะให้ความสำคัญแต่ด้านวัตถุ ให้ความสำคัญเพียงรูปร่างหน้าตา มองคนแค่มีบ้านหลังใหญ่ มีรถคันงาม
ขอให้โยมทุกท่านได้รู้ว่า “หน้าตาดีจะอยู่กับเราครึ่งชาติ สมองดีจะอยู่กับเราค่อนชาติ ความดีจะอยู่กับเราตลอดชาติ และกรรมดีจะอยู่กับเราทุกชาติ”
โยมบางคนบอกว่า หลวงพี่ขา ทำความดียากเหลือ แถมยังให้ผลช้าอีกต่างหาก ทุกอย่างมีเหตุมีปัจจัยนะโยม อาตมาเคยพูดเรื่องนี้แล้ว แต่จะขอยกมาเพียงสั้นๆ เพื่อให้โยมเข้าใจ กฎแห่งกรรมนั้นเป็นหลักธรรมที่มีความซับซ้อน มีเหตุผลเชื่อมโยงกันมาก เพื่อจะให้เกิดความเข้าใจในสิ่งเหล่านี้ ว่าเหตุใดทำดีจึงไม่เห็นผล เพราะว่า
หนึ่ง กรรมที่ให้ผลตามกาล มี 4 อย่างคือ
1. ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม กรรมที่ให้ผลในปัจจุบัน ในชาตินี้
2. อุปปัชชเวทนียกรรม กรรมที่ให้ผลในชาติหน้าหรือชาติถัดไปจากชาตินี้
3. อปราปรเวทนียกรรม กรรมที่ให้ผลในชาติต่อๆ ไป
4. อโหสิกรรม กรรมที่ให้ผลเสร็จแล้ว หรือกรรมไม่มีผล
สอง กรรมที่ให้ผลตามหน้าที่ มีอยู่ 4 อย่างคือ
1. ชนกกรรม กรรมแต่งให้เกิด เกิดมาสวย หล่อ รวย จน
2. อุปัตถัมภกรรม กรรมสนับสนุน ทำอะไรก็ดี หรือทำอะไรก็ติดขัด
3. อุปปีฬกกรรม กรรมบีบคั้น ทั้งการดีและไม่ดี
4. อุปฆาตกรรม กรรมตัดรอน
สาม กรรมที่ให้ผลตามลำดับนั้นมี 4 อย่าง คือ
1. ครุกรรม กรรมหนัก กรรมหนักย่อมให้ผลก่อน ทั้งฝ่ายดีและไม่ดี และจะจัดตาม 2 3 4
2. อาสันนกรรม กรรมที่ตามระลึกได้เมื่อจวนเจียนจะตาย หรือกรรมที่ทำเมื่อใกล้ตาย
3. อาจิณณกรรม กรรมที่ทำเป็นอาจิณ ทำบ่อยๆ กรรมที่ทำจนเคยชิน หรือพหุลกรรม กรรมมาก กรรมที่ทำไว้มากๆ หรือแม้ทำครั้งเดียว แต่ส้องเสพเสมอเป็นนิตย์
4. กัตตตากรรม กรรมสักว่าทำ
พูดเรื่องกรรม การให้ผลของกรรมก็จะดูหนักๆ ไปนะโยม มาฟังเรื่องนี้แล้วกันว่า เพราะทำกรรมอะไรถึงให้ผลไวปานนี้
มีสามีภรรยาคู่หนึ่งไปทำบุญที่วัด หลังจากทำบุญเสร็จ ก็เดินชมบริเวณวัด ฝ่ายสามีเดินไปเจอบ่อน้ำ มีป้ายเขียนว่าบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ขออะไรจะสมหวังดังใจหวัง
เขาจึงตั้งใจอธิษฐานขอพร แล้วก็โยนเหรียญลงไปในบ่อ ภรรยาเมื่อเห็นสามีทำ ก็อยากทำบ้าง เขาชะโงกหน้าไปดูที่บ่อ ทันใดนั้นภรรยาของเขาก็ลื่นตกบ่อตายคาที่
ฝ่ายสามีตกใจมาก อุทานว่า ว้าว บ่อน้ำนี้ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ขอปุ๊บได้ปั๊บเลย
โยมอย่าถามนะว่าบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้อยู่วัดไหน รู้นะคิดอะไรอยู่
อย่างว่านะโยม ถึงคราวตาย อยู่ที่ไหนมันก็ตาย เรียกว่ากรรมมาตัดรอน ตามกฎแห่งกรรม ถ้าอยากมีความสุข ทำบุญ ทำความดี อย่าคิดว่าจะต้องได้สิ่งโน้นสิ่งนี้ตอบแทน เราทำเพื่อสลัดความตระหนี่ถี่เหนียว เพื่อละความโลภ ถ้าเราทำแบบนี้ใจเราก็จะมีความสุข
ขอให้โยมได้รู้ว่า “ถ้าทำความดีด้วยความบริสุทธิ์ใจแล้ว ความดีนั้นจะเป็นเกราะคุ้มภัยให้โยมเอง” หากเราคิดว่า ทำบุญแล้วต้องได้สิ่งนั้นสิ่งนี้ตอบแทน แทนที่ใจจะสุข กลับต้องได้ความทุกข์เข้ามาแทน
โยมทุกท่าน ชีวิตของเราอย่าทำให้มันซับซ้อน ทำชีวิตให้เรียบง่าย มีความสุขแบบง่ายๆ หากเราคิดว่าชีวิตนี้มีความสุขได้ยากเหลือเกิน เราก็จะกลายเป็นคนที่มีความทุกข์ได้ง่ายโดยทันที
ทุกสิ่งอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต มีทั้งดีและร้าย อยู่ที่ว่าเราจะเลือกเก็บอะไรไว้ในสมอง ถ้าเราเลือกเรื่องร้ายๆ วันดีๆ ก็จะพลอยแย่ด้วย
ตรงกันข้าม อะไรที่แย่ๆ เข้ามาในชีวิต เราควรมีตราชั่งไว้บ้าง มีไว้เพื่อช่างหัวมัน
ที่อาตมาให้โยมทำแบบนี้ เพราะว่าชีวิตนี้สั้นอยู่แล้ว อย่าให้ความทุกข์มาบั่นทอนชีวิตลงอีกนะโยม
เจริญพร
คอลัมน์: ธรรมะอมยิ้ม
เรื่อง: พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต / ภาพ: ขวัญญาณี ศิรธนอนันต์
All magazine มีนาคม 2563