Tilly Birds : เดินหน้าฝ่าด่าน

-

ปี 2020 แม้ธุรกิจเกือบทุกภาคส่วนจะเงียบเหงาซบเซาเพราะได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อโควิด-19 ทว่าวงการเพลงปี 2020 กลับคึกคักด้วยผลงานจากศิลปินที่แสดงพลังปล่อยซิงเกิลออกมาให้ฟังกันอย่างต่อเนื่อง ดังเช่นเพลงคิด(แต่ไม่)ถึง ที่ออกมาในช่วงช่วงโควิด-19 ระบาดระลอกแรก และได้รับกระแสตอบรับอย่างดี เพียงหนึ่งเดือน เพลงนี้มียอดวิวบนยูทูบถึง 10 ล้านวิว ปรากฏการณ์นี้ทำให้เราได้รู้จักวงดนตรีรุ่นใหม่ซึ่งมีซาวด์อันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์อย่าง Tilly Birds หลังจากความสำเร็จของคิด(แต่ไม่)ถึง ในปีเดียวกัน เพลงจำเก่ง ผลงานของ ‘กอล์ฟ’ F.HERO  ฟีทเจอริ่งกับ Tilly Birds สร้างความนิยมไม่แพ้กัน ส่งผลให้วงเป็นที่รู้จักมากขึ้นอีก ตามมาด้วยเพลงฉันมันเป็นใคร และอัลบั้มเต็มครั้งแรกของ Tilly Birds ที่ใช้ชื่อว่า “ผู้เดียว”

ปี 2020 Tilly Birds สร้างผลงานได้โดดเด่น นอกจากเพลงติดหูผู้ฟังจำนวนมากแล้ว ยังเป็นที่ชื่นชอบของนักวิจารณ์ไม่น้อย จนนับว่าเป็นปีทองของวงดนตรีดาวรุ่งวงนี้ แน่นอนว่าความสำเร็จของพวกเขาไม่ได้เกิดขึ้นฉับพลัน แต่เป็นการค่อยๆ ก้าวทีละก้าว บ่มเพาะฝีมือจนเป็นที่ประจักษ์แก่สายตา อีกทั้งความสำเร็จของพวกเขายังมาพร้อมบทเรียนชีวิตที่สำคัญด้วย

 

 

วง Tilly Birds ประกอบด้วยสมาชิกสามคน ได้แก่ ‘เติร์ด’ อนุโรจน์ เกตุเลขา (ร้องนำ), ‘บิลลี่’ ณัฐดนัย ชูชาติ (กีตาร์), และ ‘ไมโล’ ธุวานนท์ ตันติวัฒนวรกุล (กลอง) เติร์ดและบิลลี่นั้นเป็นเพื่อนเรียนมัธยมด้วยกันมา ฟอร์มวงกันตั้งแต่ก่อนขึ้นมัธยมปลาย จากนั้นเมื่อเข้ามหา’ลัยเติร์ดได้เจอกับไมโลและชักชวนเข้าร่วมวงด้วยกัน

 

บิลลี่: ผมอยากเป็นอย่างวง Green Day ขั้นแรกคือต้องมีวงของตัวเองก่อน เลยคิดฟอร์มวงขึ้นมา มองหานักร้องซึ่งตอนนั้นมีตัวเลือกไม่มากนัก และเติร์ดก็อยู่ในไม่กี่ตัวเลือกนั้น (หัวเราะ) เลยต้องชวนเติร์ด แล้วตอนนั้นเติร์ดร้องเพลงของ Adele กับ Bruno Mars อยู่ก่อน วงของเราเลยออกมาเป็น Greendele หรือไม่ก็ A Day มากกว่าจะเป็นแบบ Green Day อย่างที่คิด คือเราเริ่มจากการอยากเป็นคนอื่นก่อนแล้วค่อยๆ เจอตัวเองจากการทดลอง

เติร์ด: พวกเราหาแนวของตัวเองอยู่หลายปีเลยฮะ จนพวกผมเรียนปี 3-4 ถึงจะเริ่มลงตัวว่านี่แหละคือดนตรีในแบบของเรา

 

 

แล้วมุ่งมั่นสู่ถนนสายมืออาชีพมาตั้งแต่ต้นรึเปล่า

บิลลี่: พวกผมจริงจังแต่แรกเลยครับ เราฟอร์มวงมาเพื่อได้เล่นในเทศกาลเพลงแกลสตันเบอรี (Glastonbury Festival) ที่ประเทศอังกฤษ

เติร์ด: จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงทำเพลงฝรั่งกันมาก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นเพลงไทยทีหลังครับ แต่ถ้าสมมติเราไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่คิด สมาชิกทุกคนก็มีหนทางของตัวเอง อย่างผมคงไปสายภาพยนตร์ เขียนบทหรือกำกับ ส่วนบิลลี่นั้นมีช่องยูทูบลงผลงานการโปรดิวซ์เพลง เขาคงไปโปรดิวซ์ให้ศิลปินอื่น ส่วนไมโลก็เคยเล่นแบ๊คอัพให้ศิลปินวงอื่น ทั้งไมโลและบิลลี่เขาทำเพลงได้หมดครับ

 

Tilly Birds ทำเพลงกันเองโดยไม่มีสังกัดและออก EP (extended play) ที่มีชื่อเดียวกับวงในปี 2017 ก่อนจะเข้าร่วมรายการ Band Lab การแข่งขันวงดนตรีในปี 2018 จากนั้นออกซิงเกิลและอัลบั้มภายใต้สังกัด Gene Lab

 

การเข้าร่วมรายการและมีสังกัดได้สร้างการเปลี่ยนแปลงอะไรแก่วงบ้าง

บิลลี่: หลังจากปล่อย EP ได้สามสี่เดือนก็รู้ข่าวว่าพี่ ‘โอม’ Cocktail กำลังทำค่ายและเฟ้นหาวงเพื่อเป็นศิลปินในค่าย เป็นจุดที่เราต้องตัดสินใจ ถ้าอยากเติบโตเราจำเป็นต้องมีค่ายเพลง จริงๆ มีคุยกับหลายๆ ค่ายแต่ก็มายุติที่ค่าย Gene Lab พี่โอมเหมือนรู้ว่าเราสนใจ ช่วงนั้นแกไลฟ์สดโปรโมทค่ายบ่อย แล้วเราก็ตามดูทุกไลฟ์ ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่า ดี! สิ่งที่เปลี่ยนอย่างแรกเลยคือจำนวนสมาชิก เริ่มแรก Tilly Birds มี 4 คน แต่มาเหลือ 3 คนตอนเข้าแข่งขันในรายการ นอกจากนั้น เมื่อเราทำงานกับค่ายใหญ่ที่มีระบบเราก็ได้พบเจอ “ความช้าที่แปลกใหม่” จากเดิมที่เราตัดสินใจกันเอง กระบวนการต่างๆ ของค่ายก็ถือเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับพวกเราครับ

ไมโล: ในส่วนแนวเพลงนั้นตามที่บิลลี่บอกว่า เราเริ่มจากการทำตามคนอื่นก่อนจะมาเจอตัวเองจากการทดลอง ซึ่งส่วนใหญ่เกิดในยุคที่เราอยู่ในค่าย Gene Lab อย่างเพลง คิด(แต่ไม่)ถึง ก็เป็นหนึ่งในการทดลองเหมือนอีกหลายๆ เพลง ทว่าเพลงนี้ดันไปโดนใจคนส่วนใหญ่ ยอดฟังจึงเยอะ คนร้องตามกันได้ และด้วยความที่เพลงทั้งหมดคือการทดลองของพวกเราจึงมีความหลากหลายทางดนตรีค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตามยังคงมีความ Tilly Birds เป็นแกนหลัก

 

 

ถ้าให้นิยามแนวเพลงของวง Tilly Birds แนวไหนที่ใกล้เคียงที่สุด

ไมโล: คงเป็นอัลเทอร์เนทีฟร็อคครับ เพราะพื้นฐานพวกเราคือร็อค แล้วค่อยดัดแปลงตามความชอบของแต่ละคน ใกล้เคียงที่สุดคงเป็นอันนี้แหละครับ

 

รู้สึกอย่างไรกับปรากฏการณ์ยอดวิวหลักร้อยล้านของเพลงคิด(แต่ไม่)ถึง

เติร์ด: อย่างที่บิลลี่เคยพูดไว้เมื่อปีที่แล้ว เพลงคิด(แต่ไม่)ถึงนั้นทำให้เรารู้ว่า Tilly Birds ก็สามารถดังได้นะ เนื่องจากเพลงพวกเราอาจแปลกใหม่อยู่สักหน่อย อาจต้องใช้เวลาค่อยๆ ซึมซับ ทำความเข้าใจกับแนวเพลงนี้ แต่คิด(แต่ไม่)ถึง ทำให้เราเห็นว่า จริงๆ เพลง Tilly Birds ไม่ต้องรอสิบปีให้คนคุ้นเคยกับเพลง เป็นเหมือนจุดเปลี่ยนทางความคิด โอเค พวกเราทำเพลงให้ดังได้นะ

 

พวกคุณบาลานซ์การทำเพลงอย่างไรระหว่างเพลงที่อยากทำกับเพลงที่ขายได้

บิลลี่: Gene Lab ค่อนข้างเป็นค่ายที่ให้อิสระในการทำงาน เขามองว่าเราเป็นวงเด็กรุ่นใหม่ อยากให้เรารู้จักทดลองเหมือนชื่อค่าย ดังนั้นเรื่องการนำเพลงเขาจะไม่ยุ่ง ให้อิสระเต็มที่ ค่ายดูแลเรื่องโปรโมทมากกว่า

ไมโล: ผมมองการบาลานซ์อีกแง่ ผมมองว่าทุกก้าวที่วงของเราเดินไปย่อมมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ เวลาที่เราทำเพลงเราจะคิดเสมอว่า คนที่ได้ฟังเพลงสองต้องฟังเพลงหนึ่งมาแล้ว คนที่ฟังเพลงหนึ่งต้องเคยฟังตั้งแต่เราทำเพลงภาษาอังกฤษ ดังนั้นเราจึงไม่ได้มุ่งทำเพลงที่ขายได้เพื่อให้คนหมู่มากรู้จักเราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่เราต้องคิดถึงคนที่ติดตามเรามานานด้วย ผมก็เป็นคนที่ติดตามผลงานตัวเองด้วยเหมือนกัน ดังนั้นการบาลานซ์จึงอาจเป็นแค่ความพยายามเพื่อทำให้คนที่ตามเราและตัวเราเองมีความสุข

 

 

เติร์ดทวีตไว้ว่าเพลงของ Tilly Birds ขัดกับขนบเพลงไทย เราอยากรู้ว่าเพลงของคุณขัดกับขนบอย่างไร

เติร์ด: เรามักได้ฟีดแบ๊คจากคนฟังเพลง Tilly Birds ว่า ที่ผ่านมาเลิกฟังเพลงไทยไปแล้ว แต่กลับมาฟังเพลงของเรา เพราะเพลงของเราไม่เหมือนเพลงไทย มันมีกลิ่นอายสากลอะไรบางอย่าง ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของวงเหมือนกัน ความไม่ค่อยเหมือนเพลงไทยทำให้คนฟังรู้สึกแปลกใหม่ น่าสนใจ แต่มีบางส่วนที่กลับไม่คุ้นหู รู้สึกว่าเพลงของเราฟังยาก เราจึงลองทำให้ฟังง่ายขึ้นอย่างเพลงคิด(แต่ไม่)ถึง คนฟังก็เข้าถึงได้ ร้องตาม จำง่าย ฟังง่าย

ไมโล: จริงๆ คือพวกผมไม่ค่อยฟังเพลงไทยกัน ผมกับบิลลี่โตมากับเพลงสากล เติร์ดเป็นคนที่ฟังเพลงไทยมากกว่าใครในวง เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมเวลาเราทำเพลงไทย จึงไม่ค่อยเหมือนเพลงไทยแบบชาวบ้านเขา (หัวเราะ)

 

 

พวกคุณเป็นวงร็อคที่เปิดตัวในช่วงดนตรีฮิพฮอพกำลังมาแรง สิ่งนี้สร้างความท้าทายอะไรในการทำงานบ้าง

บิลลี่: ความจริงแล้วผมฟังฮิพฮอพมาตั้งแต่เด็ก ไม่ได้รู้สึกติดใจอะไร แถมบางเพลงของ Tilly Birds เราทดลองทำบางอย่างให้คาบเกี่ยวกับฮิพฮอพ แม้ไม่ใช่ฮิพฮอพทีเดียว แต่คนฮิพฮอพเข้าใจได้ เช่น เพลงฤดูหนาว มีกลิ่นฮิพฮอพโอลด์สคูล เพลงอยู่ได้ได้อยู่ มีกลิ่นแทร็ป ทั้งนี้ก็ยังฟังออกอยู่ดีว่านี่คือ Tilly Birds ที่เป็นวงร็อค

 

เพลงของ Tilly Birds เพลงใดเป็นเพลงโปรดของแต่ละคน

บิลลี่: เพื่อนเล่นไม่เล่นเพื่อน เพลงใหม่ที่เพิ่งปล่อยไป ใครที่รู้จัก Tilly Birds จากคิด(แต่ไม่)ถึง หรือจำเก่ง หรือฤดูหนาว ทั้งหมดรวมอยู่ในเพลงนี้ เป็นเพลงที่ตอกย้ำอีกทีว่า We are Tilly Birds ส่วนซิงเกิลถัดจากนี้เป็นยังไงให้ลุ้นเอา

เติร์ด: ผมชอบฤดูหนาว เพราะมันเท่! (บิลลี่และไมโลหัวเราะพร้อมกัน) มันดี! ฤดูหนาวมีซาวด์ที่ออริจินอลมากๆ นี่คือ Tilly Birds 2019 มีทั้งซาวด์อิเล็กทรอนิกและดนตรีจริง และมีท่อนแรพด้วย เป็นเพลงที่ครบรส ความหมายของเนื้อก็ดี มีชื่อภาษาอังกฤษเท่ๆ อย่าง Bangkok Winter ด้วย สรุปคือมันเท่ครับ

ไมโล: เพลงที่ชอบที่สุดในตอนนี้ บอกเหตุผลที่ชอบก่อนคือเพลงนี้เป็นเหมือนก้าวต่อไปที่สำคัญสำหรับวง ทุกคนอาจไม่คาดคิดว่าพวกเราจะทำเพลงแนวนี้ออกมา หรือบางคนอาจคาดหวังไว้แต่ยังไม่เคยเห็นจริงๆ สักที อยากจะบอกว่าตอนนี้มันเกิดขึ้นจริงแล้ว ส่วนเพลงนี้คือเพลงอะไรนั้น ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ครับ เพราะอยู่ในอัลบั้มใหม่ของเราที่จะปล่อยในปีนี้ ฝากติดตามด้วย

บิลลี่: ใบ้หน่อยว่าเพลงลำดับที่เท่าไหร่ของอัลบั้ม

ไมโล: เพลงสุดท้าย

เติร์ด: อ้อหรอ (แปลกใจ)

 

 

เมื่ออัลบั้ม “ผู้เดียว” กระแสตอบรับดีส่งผลให้เกิดแรงกดดันในการทำอัลบั้มใหม่ไหม

เติร์ด: เราลุ้นทุกครั้งเวลาปล่อยเพลง เป็นความรู้สึกตื่นเต้นผสมความกังวล ลุ้นปฏิกิริยาของคนฟัง ลุ้นว่าคนจะชอบเหมือนที่เราชอบไหมวะ แต่เราก็พร้อมเสี่ยงนะ เพราะเรามั่นใจในผลงาน

บิลลี่: เราจะกังวลกระบวนการทำงานมากกว่า เช่น MV นี่ลุ้นมากจะออกมาอย่างที่คิดไหม หรือตัวเพลงมาสเตอร์จะเหมือนกับที่คิดไหม แต่พอถึงตอนปล่อยเพลงออกไป เป็นช่วงที่กังวลน้อยที่สุด กลายเป็นความตื่นเต้นแทน “หนูรอเพลงสไตล์คิด(แต่ไม่)ถึงอีกเพลงอยู่นะคะ” ความสนุกคือ เราไม่ให้! (หัวเราะพร้อมกันหมด)

 

ณ วันนี้ทุกคนอยู่ในฐานะนักดนตรีอาชีพแล้ว สิ่งที่เราเจอนั้นเหมือนหรือต่างจากที่เคยคิดฝันบ้างไหม

เติร์ด: จริงๆ นักดนตรีอาชีพเป็นสิ่งใหม่สำหรับผมนะ ผมไม่เคยทัวร์ต่างจังหวัด เพิ่งได้เห็นว่าแต่ละที่ไม่เหมือนกัน คนฟังไม่เหมือนกัน บางคนรู้จักทุกเพลง บางคนรู้จักบางเพลง บางคนแม้ไม่รู้จักแต่เขาตั้งใจฟัง มีถามเพื่อนว่านี่เพลงอะไร เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเจอ แล้วก็ดีใจที่ได้เล่นดนตรีจริงๆ จังๆ สักที เพราะนี่คือสิ่งที่เราใฝ่ฝันและทำมาตั้งแต่เด็ก ในที่สุดก็ผลิดอกออกผลให้เห็น

บิลลี่: ผมน่าจะหนักสุด อย่างเติร์ดยังเคยร้องเพลงมาบ้าง ไมโลนี่เคยไปเล่นแบ๊คอัพและทัวร์กับวงอื่น แต่ผมนี่เป็นเด็กสตูดิโอสุดๆ ไม่เคยออกมาเจออากาศภายนอกเลย การได้ออกไปเล่นดนตรีตามที่ต่างๆ เป็นสิ่งแปลกใหม่ ได้พบเจอสิ่งที่เห็นได้ยากในชีวิตประจำวัน อย่างคนเมาต่อยกับพัดลม (หัวเราะ) สนุกดีครับ

ไมโล: ถึงผมจะเคยทัวร์มาแล้ว แต่นี่คือการได้เล่นดนตรีกับเพื่อนๆ ได้โชว์ในฐานะ Tilly Birds ได้เล่นเพลงของเราในฐานะผู้ส่งสารแบบจริงจัง อีกอย่างการทัวร์เหมือนเป็นการท่องเที่ยวในตัว ได้ไปลองอาหารพื้นถิ่น คนอีสานเขากินเผ็ดจนน้ำตาไหลเลย ทรมานแต่ชอบ การได้สัมผัสประสบการณ์ต่างๆ เหล่านี้ทำให้เราเติบโตขึ้นในทุกด้าน ประทับใจที่วันนี้ได้มาเล่นดนตรีเป็นอาชีพ

 

 

ปี 2020 เปรียบเสมือนปีที่แจ้งเกิดเต็มตัวของ Tilly Birds แล้วปีที่ผ่านมามีความหมายสำหรับแต่ละคนอย่างไรบ้าง

บิลลี่: ในแง่วง Tilly Birds สำหรับผมรู้สึกว่าคือปีแห่งการรีสตาร์ท ทุกคนหยุด แล้วก็ถึงตาของพวกเรา เป็นปีแห่งการหยุดและเริ่มใหม่

ไมโล: ผมก็รู้สึกรีสตาร์ทเหมือนกัน แต่ในแง่ชีวิตส่วนตัว ผมย้ายบ้านใหม่ เริ่มทำสตูดิโออัดเพลงที่บ้าน มีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นหลายอย่าง ทั้งภูมิใจ ดีใจ แล้วก็เสียใจ เป็นปีที่สำคัญสำหรับพวกผม

เติร์ด: สำหรับผมมีทั้งดีและไม่ดี เหมือนเป็นปีแห่งรถไฟเหาะ สุดเหวี่ยงมาก ขึ้นสุดลงสุด

เราขอคุยกับเติร์ดเพิ่มเติม เพราะปีที่เป็นดั่งรถไฟเหาะของเติร์ดนั้น เขาได้พบกับความสำเร็จในด้านความฝันและการงาน ที่กำลังไปได้สวยสุดๆ ทว่าอีกแง่มุมหนึ่ง เติร์ดก็พบกับสัจธรรมแห่งชีวิต นั่นคือการพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ภายในปีเดียวเขาสูญเสียทั้งพ่อและแม่ คนสำคัญที่สุดในชีวิตไป ไม่ว่าเรื่องนี้จะเกิดกับใครล้วนยากที่จะทำใจได้ สำหรับเติร์ดในวัย 25 ปีซึ่งกำลังเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ดูเหมือนโชคชะตาจะส่งบททดสอบอันหนักหนาสาหัสให้แก่เขา

 

สิ่งที่ได้พบเจอมอบบทเรียนชีวิตอะไรแก่เติร์ดบ้าง

เติร์ด: เหมือนเรามองว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้มั้ง คนใกล้ตัวหรือคนที่เรารู้จักไม่อาจอยู่กับเราได้ตลอดไป สุดท้ายแล้วเราต้องหาทางอยู่ด้วยตัวเองให้ได้ จะจัดการชีวิตตัวเองยังไง จะอยู่ต่อไปยังไง เหมือนที่บิลลี่บอกว่าเป็นปีแห่งการรีสตาร์ท สำหรับผมคือการรีสตาร์ทตัวเอง เราเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ มีหลายเรื่องที่ต้องจัดการ เช่น ที่อยู่ ฯลฯ พูดตามตรง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดจริงๆ และผมมักจะคิดเอาว่า จักรวาลหรือพระเจ้าคงต้องการให้เราเรียนรู้อะไรสักอย่าง และถ้าเราสามารถก้าวผ่านอุปสรรคนี้ไปได้สำเร็จ เราจะโตขึ้นมาก เราจะเข้มแข็งขึ้นมาก เหมือนพระเจ้ากดสูตรเร่งให้เราเติบโตเดี๋ยวนี้

 

 

คุณพยุงตัวเองในวันที่อ่อนแอได้อย่างไร

เติร์ด: คำตอบของผมอาจฟังดูบ้างาน แต่ก็เป็นเรื่องจริง คือทำงานฮะ หาอะไรทำเพื่อจะได้โฟกัสกับสิ่งนั้น พยายามทำตัวเองให้มีสุขภาพดีทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะสิ่งที่เราเจอนั้นหนักมากจริงๆ การทำเพลงจึงเป็นเหมือนกำลังใจให้เรา พอเราทำเพลงใหม่เสร็จก็มีไฟอยากปล่อยเพลง อยากไปทำงาน อยากออกไปเล่น อยากเขียนเพลงกับคนอื่น อยากร่วมงานกับศิลปินอื่น เราทำช่องยูทูบของตัวเองด้วย มีร้องคัฟเวอร์เพลงคนอื่นด้วย เราอยากเติบโตในสายงานนี้ให้เต็มที่ และพยายามหาอะไรทำตลอดเพื่อใจจะได้ไม่ข้องแวะกับอารมณ์เศร้า แน่นอนว่าต้องมีความรู้สึกเศร้าอยู่แล้ว เราถึงต้องทำสิ่งดีๆ ให้แก่ตัวเอง

 

Tilly Birds มีความใฝ่ฝันใดที่ยังอยากจะทำให้สำเร็จบ้าง

บิลลี่: ของผมสั้นๆ เลยละกัน แกลสตันเบอรี ครับ

ไมโล: ถ้าในเร็วๆ นี้คงอยากมีคอนเสิร์ตใหญ่ของเราเอง ผมอยากคิดโชว์ คิดคอสตูม คิดรายชื่อศิลปินรับเชิญ หวังว่าจะได้เกิดขึ้น ถ้าวันนั้นมาถึงอยากให้ทุกคนติดตามด้วยนะครับ

เติร์ด: ผมไม่ได้มองไกลไปถึงอีกสิบปีขนาดนั้น เอาแค่ปีนี้ก่อน อยากรู้ว่าปล่อยอัลบั้มใหม่แล้วจะมีฟีดแบ๊คอย่างไร  แล้วค่อยคิดว่าจะไปต่อยังไงจากนั้น พยายามอยู่กับอะไรที่ใกล้ตัวก่อน ดูผลลัพธ์ของเพลงที่กำลังจะปล่อย อัลบั้มที่กำลังรอจะเสร็จ และผลลัพธ์นั้นจะหนุนส่งให้เราเติบโตไปในทิศทางไหนค่อยมาดูกันครับ

 

 

แล้วถ้าเพลงหรืออัลบั้มใหม่ฟีดแบ๊คไม่เป็นไปตามที่เราหวังไว้ล่ะ?

เติร์ด: เราก็จะทำต่อไป อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้น มันคือการทดลอง เราไม่สามารถพยากรณ์ความสำเร็จได้ ถ้าผลลัพธ์คือแป้ก เราก็แค่ทำต่อ คลำทางกันต่อ แต่ไม่ทิ้งสไตล์เพลงที่อยากทำแน่นอน

    สามหนุ่มแห่ง Tilly Birds กระซิบมาว่าปีนี้แฟนๆ ได้จุใจกับซิงเกิลเพลงที่จะปล่อยอย่างต่อเนื่อง พร้อมด้วยอัลบั้มใหม่ที่จะได้ฟังในปีนี้แน่ ขอเอาใจช่วยให้ 2021 เป็นปีที่ดีอีกปีของพวกเขา

 


ขอบคุณสถานที่

ME Style MIXX

97 ซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 18 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310

โทรศัพท์: 08 5807 3074, 0 2690 6789

ภิญญ์สินี

Writer

กองบรรณาธิการ ศิษย์เก่าเอกปรัชญาและศาสนา ชอบติดตามกระแสสังคม และเทรนด์แฟชั่น สนใจศิลปวัฒนธรรม และสีมงคล ลายนิ้วหัวแม่มือคือลายมัดหวาย

อนุชา ศรีกรการ

Photographer

ช่างภาพที่เกิดวันเดียวกับวันถ่ายภาพโลก เลยทำอย่างอื่นไม่เป็นแล้ว

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!