The Shepherd จากแม่ค้าออนไลน์สู่นักเขียนนิยายยอดดาวน์โหลดหลักล้าน

-

‘นักเขียนไส้แห้ง’ วลีนี้อาจใช้ไม่ได้กับ ‘The Shepherd’ เพราะนักเขียนคืออาชีพที่สร้างเนื้อสร้างตัวให้แก่เธอ และเป็นอาชีพหลักของเธอในวันนี้ ‘อ้อ’ ณิชชาภัทร แซ่คิ้ว เจ้าของนามปากกา ‘The Shepherd’ แม่ค้าออนไลน์ที่เริ่มต้นเขียนด้วยความรู้สึกแค่อยากเขียน อยากพาตัวเองออกจากความเครียด โดยไม่คาดหวังว่าจะกลายเป็นนักเขียนอาชีพแต่อย่างใด แต่แล้วงานเขียนของเธอกลับเป็นที่ชื่นชอบ มีแฟนคลับ และกลายเป็นนิยายที่มียอดดาวน์โหลดมหาศาล 

ก่อนเป็นนักเขียนคุณอ้อทำงานด้านไหน

อ้อเป็น พีอาร์ ของค่ายวิทยุค่ะ เรียนจบนิเทศศาสตร์ สาขาประชาสัมพันธ์ ฝึกงานที่ค่ายวิทยุแล้วก็ทำงานที่นั่นต่อเลย ทำไปสักพักประสบปัญหาเงินเดือนไม่พอค่าครองชีพ แฟนเลยให้ลาออกมาช่วยค้าขายออนไลน์ดีกว่า เขามีธุรกิจขายสตั๊ดฟุตบอล อ้อจึงช่วยเป็นแอดมินตอบแชต ซื้อของ แพ็กของ ส่งไปรษณีย์ ทำอยู่ 4-5 ปีค่ะ 

สนใจการอ่าน-การเขียนได้ยังไง

อ้ออ่านแนวนิยายรักเยอะช่วงหลังเรียนจบ โดยเฉพาะตอนที่ออกมาทำธุรกิจส่วนตัว แถวบ้านมีร้านเช่าหนังสือ อ้ออ่านแทบทุกวัน วันละ 1-2 เล่ม แต่ยังไม่มีความคิดอยากเป็นนักเขียนนะคะ คือเราอ่านนิยายซึ่งผ่านการคัดสรรจากสำนักพิมพ์ ภาษาที่ใช้สละสลวย บรรยายด้วยมุมมองพระเจ้า รู้ตัวเลยว่าต่อให้อ่านทั้งชีวิตก็เขียนไม่ได้หรอก ยากเกินไป จนได้มาอ่าน e-book 

อ้ออ่านนิยายแทบทุกเล่มในร้านเช่าแล้ว เลยลองอ่าน e-book ใน Meb และเป็นจุดเริ่มต้นให้รู้จักหนังสือทำมือ เป็นการเปิดโลกของอ้อเลย เพราะเราเจอนิยายที่เล่าเรื่องผ่านมุมมองที่หนึ่ง ตัวเอกเห็นอะไรก็บรรยายแบบนั้น เหมือนเราเม้าให้คนอื่นฟังว่าเจออะไรที่ไหนบ้าง เริ่มมีความคิดว่า ถ้าเขียนลักษณะนี้เราก็น่าจะทำได้เหมือนกันนะ ประจวบกับช่วงนั้นเศรษฐกิจซบเซา ยอดขายลด การเมืองตึงเครียด ยิ่งเราเสพข่าวก็ยิ่งอินและเครียด เลยอยากพาตัวเองออกจากความรู้สึกนั้นด้วยการสร้างโลกใบใหม่ขึ้น อ้อเลยลงมือเขียนนิยายตั้งแต่วันนั้น โพสต์ให้อ่านในเว็บไซต์ Dek-D กับ Read A Write

ประสบการณ์เขียนนิยายครั้งแรก

อ้อไม่คาดหวังอะไรเลย แค่ทำไปก่อน ไม่คิดว่านี่จะเป็นอาชีพของเราด้วย แม้แต่การตั้งชื่อเรื่อง เรารู้แค่ว่าส่วนใหญ่เขาตั้งชื่อไทยและอังกฤษ เราก็เอาอย่างเขา ชื่อภาษาไทยคือปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น และเล่มถัดมาก็ตั้งชื่อเป็นสุภาษิตเหมือนกันคือ หนีเสือปะจระเข้ ตกกระไดพลอยโจน แกว่งเท้าหาเสี้ยน คนจะคิดว่าเก๋จัง เอาสุภาษิตมาใช้เป็นชื่อเรื่อง ความจริงคืออ้อคิดชื่อเรื่องไม่เก่ง ฉันคิดไม่ออกค่ะ เลยเอาคำที่มีอยู่แล้ว ในเนื้อเรื่องนางเอกอาศัยในบ้าน และช่วยเหลือพระเอกที่อยู่ในบ้านด้วย มีตัวละครหนึ่งพูดว่า อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น พอเรื่องที่สองเราก็ยึดวิธีนี้ ดูเค้าโครงเรื่องว่าตรงกับสุภาษิตใด ก็หยิบมาใช้ 

ฟีดแบ็กจากผู้อ่านล่ะ

อ้อไม่แน่ใจว่าเรียกปังระดับไหน แต่มีแฟนคลับมาคุยด้วยประมาณ 10 คน ซึ่งเรามีความสุขมาก มีแรงในการเขียนจนจบ แฟนๆ เขารอเรา มีแต่เราที่จะเขียนเล่าตอนจบได้ ที่ผ่านมาไม่ว่าจะปักโครเชต์หรืออะไรก็ตาม เราไม่เคยทำจนสำเร็จเลย การเขียนนิยายคือสิ่งแรกที่อ้อทำสำเร็จ

กระแสตอบรับดีจนนำไปสู่ผลงานเรื่องใหม่

อันที่จริงอ้อไม่ได้คิดพล็อตเผื่อไว้ ไม่คิดว่าตัวละครที่สร้างให้เป็นกลุ่มเพื่อนพระเอกจะกลายเป็นพระเอกในเล่มถัดไปด้วย ทั้งนี้เป็นเพราะนักอ่านค่ะ เขาเรียกร้องอยากอ่านเรื่องของคนนี้ๆ วิธีการของอ้อคือเริ่มจากการคิดแคแรกเตอร์พระนางก่อน นางเอกนิสัยนี้เหมาะกับพระเอกแบบไหน แล้วเขาจะเจอกันได้ยังไง ทำยังไงให้เขารักกัน ฝ่าฟันอุปสรรคจนจบ happy ending ส่วนรายละเอียดระหว่างทางปล่อยให้ตัวละครพาไปค่ะ หลายครั้งที่อ้อคิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ๆ แต่สุดท้ายตัวละครของเราก็ฉีกจากนั้น เหมือนเขามีนิสัยใจคอจริงๆ

สไตล์การเขียนที่ถนัด-ไม่ถนัด และสิ่งที่จะอยากสื่อ

นิยายรักวัยรุ่นคือสิ่งที่ถนัด วัยรุ่นเป็นวัยที่มีความหุนหันพลันแล่นอยู่แล้ว จึงสมเหตุสมผลหากเขาแสดงพฤติกรรมในเชิงนิยาย ต่างกับวัยผู้ใหญ่ซึ่งมีวุฒิภาวะทางอารมณ์มากกว่า

สิ่งที่ไม่ถนัดคือฉากดราม่า บีบคั้นอารมณ์ เราร้องไห้ระหว่างเขียนไปแล้ว 100 แต่ถ่ายทอดได้แค่ 10 กลายเป็นความรู้สึกตกค้างภายในใจ ปวดหัว นักอ่านจะติงว่าทำไมไรเตอร์ไม่ขยี้ปมเลย พอเราเขียนถึงจุดนั้นแล้วเครียดไง ไม่ไหวแล้ว ตัวละครก็จะฉีกแนว อาจเป็นนิสัยตัวเองด้วยที่ไม่ชอบเรื่องดราม่า มันไม่จำเป็นกับชีวิต ถ้ารู้ว่าข้างหน้าจะเจออะไร สู้หนีออกมาก่อนดีกว่า

ด้วยความที่เป็นนิยายวัยรุ่น ย่อมมีเรื่องเซ็กซ์ เมา ขาดสติ พลาดพลั้งทำนองนี้ได้ แต่อ้อจะเน้นเรื่อง safe sex ค่ะ เมื่อเกิดขึ้นแล้วควรแก้ปัญหาหรือมีวิธีป้องกันยังไง ต้องหาหมอไหม 

พระ-นางสไตล์ไหนที่โดนใจนักอ่าน

สมัยนี้ชอบนางเอกสู้คน หากไม่สู้คนอ่านแล้วอึดอัด บุคลิกร่าเริง สดใส มีจริตนิดหน่อย ส่วนพระเอกก็ตามแบบนิยายรัก หล่อ เท่ เก๊กๆ หน่อย แล้วก็ต้องคลั่งรัก ร้ายกับคนทั้งโลกแต่ดีกับเธอคนเดียว 

พระ-นางในแบบของอ้อคือคนปกติทั่วไป ไม่จำเป็นต้องมีทัศนคติเลิศเลอตลอดเวลา หรือขับเคลื่อนสังคมอย่างสุดกำลัง มีดีบ้าง พลาดบ้าง บางครั้งนางเอกก็มีลักษณะไม่ตรงตามแบบฉบับที่คนอ่านชอบ เรารู้ว่าคนอ่านไม่นิยมหรอก แต่เราก็ไม่แก้ เพราะเธอต้องมีนิสัยแบบนี้เพื่อเติมเต็มพระเอก

มีแนวเรื่องแบบไหนที่อยากลองเขียนเพื่อท้าทายตัวเองบ้าง

ยังไม่มี เพราะอ้อไม่เก่งถึงขนาดจะเขียนได้ทุกแนว อ่านน่ะอ่านได้ แต่ให้เขียนอะไรซับซ้อนคงไม่ไหว แต่ก็มีอะไรเล็กๆ ที่เราท้าทายผู้อ่านด้วยการให้นางเอกไม่เวอร์จิ้น แม้ว่ายุคนี้จะไม่สนใจแล้ว แต่อ้อเกิดในยุคที่สังคมให้ความสำคัญอยู่ และนักอ่านของอ้อส่วนมากคือวัยผู้ใหญ่ ไม่ใช่วัยรุ่น เขายังชินกับนางเอกที่บริสุทธิ์ ไม่ผ่านมือชายมาก่อน เป็นการพยายามทั้งของคนเขียนและนักอ่านที่จะก้าวข้ามไปด้วยกัน นอกจากนี้ ยังมีนางเอกทำศัลยกรรม พระเอกสูงแค่ 172 เซนติเมตร 

จากลงเป็นตอนให้อ่านออนไลน์สู่การเป็น e-book ได้ยังไงคะ

พอเขียนจนจบก็คิดขึ้นว่าน่าจะหารายได้จากตรงนี้นะ เราเลยวางขายใน Meb คำนวณแล้วว่าต้องขายได้ 15 โหลดถึงจะได้ทุนคืน โดยไม่รวมค่าแรงในส่วนของเรานะ เอาแค่เงินที่ลงทุนไปก็พอ เราไม่แน่ใจหรอกว่าจะขายได้ เพราะเราลงเรื่องให้อ่านฟรีจนจบแล้ว แต่ก็บอกแฟนคลับไว้ว่าจะมีขายนะ ปรากฏว่าแฟนคลับโทร.ไปทวงถามจาก Meb ว่าปล่อยให้ซื้อได้รึยัง เราตื่นนอนมาดูยอดอีกที 20-22 ดาวน์โหลดแล้ว หูย ดีใจมากๆ ไม่ต้องรอทั้งชีวิตให้ครบ 15 เล่มแล้ว เล่าไปก็จะร้องไห้ ผู้อ่านซัปพอร์ตเรามากจริงๆ วันแรกยังไม่ครบ 24 ชั่วโมงเต็ม ก็ขายไปได้ 56 เล่มเลย 

รายได้หลักตอนนี้มาจาก e-book?

ใช่ค่ะ เล่มที่ 1-4 อ้อเปิดให้อ่านฟรีจนจบแล้วค่อยมารวมเล่มเป็น e-book แต่เล่มที่ 5 เป็นต้นไป อ้อเปิดให้อ่านฟรีแค่บางตอน จากนั้นต้องซื้อเหรียญเพื่ออ่านตอนต่อไป หรือจะซื้อเป็น e-book ก็ได้ ข้อดีของ e-book คือไม่โดนเก็บออกจากชั้นวาง สามารถซื้อเล่มก่อนหน้าได้ง่าย เพราะฉะนั้นยอดโหลดแต่ละเล่มจึงไม่แตกต่างกันมาก เฉลี่ยอยู่ประมาณ 1.5 – 2 ล้านบาทต่อหนึ่งเรื่อง 

แฟนเลยบอกให้ออกจากบริษัทฉันเถอะ ไปเขียนนิยายอย่างเดียวดีกว่า เพราะรายได้มีแนวโน้มมากกว่าที่แฟนให้อีก ช่วงเขียนผลงานเรื่องที่ 2-3 เนี่ยแหละค่ะที่หันมาเขียนนิยายเต็มเวลา

แม้จะมี e-book แต่ไม่ทิ้งการออกหนังสือเล่ม

ที่ผ่านมาอ้อเป็นคนเบื่อง่าย ทำอะไรไปสักพักก็เลิก แต่นิยายเป็นสิ่งแรกที่อ้อทำสำเร็จ จึงอยากพิมพ์เล่มให้เป็นความภูมิใจ เล่มแรกพิมพ์ประมาณ 25 เล่ม เป็น print on demand จากนั้นมีร้านออนไลน์มาติดต่อขอรับไปขาย เลย reprint มาเรื่อยๆ น่าจะเกิน 50 ครั้งแล้วค่ะ แต่อ้อสั่งทีละ 20-30 เล่ม มียอดสั่งเข้า เราก็บอกโรงพิมพ์ขอเพิ่มอีก 20 เล่มนะ อ้อไม่กล้าสต๊อกสินค้าไว้เยอะ เราไม่มีที่เก็บด้วย แต่ทำไปทำมาก็สต๊อกไว้เยอะเหมือนกันค่ะ

ขั้นตอนการจัดทำหนังสือเล่มคุณอ้อทำเองใช่ไหมคะ

เล่มแรกอ้อจ้าง แล้วมีแก้เยอะก็เกรงใจ แล้วเสียเวลารอด้วย ตอนหลังนี้เลยหัดทำเอง ตรงไหนเราทำได้ก็ทำเอง ส่วนการพิสูจน์อักษร มีแฟนนิยายมาช่วย เขาอยากอ่านก่อนจึงเสนอตัวช่วยพิสูจน์อักษรแลก ทำไปทำมาก็อิน ระยะหลัง ยังช่วยแสดงความเห็น เสมือนเป็น บก.ให้เรา

สถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายลงมีผลกระทบต่อยอดดาวน์โหลดอย่างไร

อ้อโชคดีที่เป็นนักเขียนซึ่งเกิดในยุคโควิด-19 เป็นช่วงที่นิยายรุ่งเรือง คนกักตัวไม่มีอะไรทำก็หันมาอ่านนิยาย ที่เคยได้ยินมาว่านักเขียนไส้แห้ง เราไม่เห็นจะเป็นแบบนั้นเลย แต่พอหมดช่วงโควิด-19 คนกลับไปทำงานตามปกติ ยอดขายลดลง ถึงจะไม่ใช่ลดในระดับขายไม่ดีเลย แต่ก็ลดลงจากเดิม สมมติว่าเล่มที่ขายดีที่สุดเคยขายได้ 7 วัน 5,000 โหลด แต่ผลงานถัดมา ยังไม่ถึง 5,000 โหลดเลยค่ะ ช่วงแรกเราเศร้านะ แต่ก็ทำความเข้าใจ ยอมรับผล ยอมรับสภาพการเปลี่ยนพฤติกรรมของคนอ่าน 

มีคำแนะนำแก่ผู้ที่อยากหาเลี้ยงชีพด้วยการเขียนไหมคะ

พูดตามสัตย์จริง อ้อไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเราประสบความสำเร็จ เราก้าวเข้ามาก็กลายเป็นแบบนี้เอง เหมือนไม่ได้ฝ่าฟันเท่าคนอื่น อ้อถูกโหวตเป็นนักเขียนอยู่ใน 30 อันดับแรกของ Meb ติดต่อกัน 4 ปี โดยไม่รู้เลยว่าการได้สิ่งนี้นั้นลำบากขนาดไหน มีนักเขียนกี่พันคนที่ต้องต่อสู้ด้วย เราไม่รู้อีโหน่อีเหน่ และยังเคยชักชวนเพื่อนที่ทำงานประชาสัมพันธ์ด้วยกัน หรือเพื่อนที่ชอบอ่านนิยายให้มาเขียนสิ รายได้ดีนะ ปรากฏว่าไม่มีใครมาถึงจุดเดียวกันในแง่ของยอดขาย ยิ่งออนไลน์มันเห็นผลเร็วและชัด ใครขายดี ใครขายไม่ดี ยิ่งมีผลต่อจิตใจ อ้อเห็นความทรมานของเขา บางคนลบนิยายที่เขียนเลย เส้นทางนี้ถ้าไม่ประสบความสำเร็จก็เจ็บปวดนะ ถ้าจะเบนเข็มมาทำอาชีพนี้ต้องใจรักจริงๆ รักมากจนสามารถสร้างสรรค์งานได้แม้ไม่มีแรงสนับสนุน แม้ตัวคนเดียว อ้อชื่นชมคนที่แม้แรงสนับสนุนน้อยแต่ก็ยังผลิตงานด้วยใจรัก เพราะถ้าเป็นอ้อทำไม่ได้แน่นอน 

โมเมนต์สุข-ทุกข์กับอาชีพนักเขียน

สุขสำหรับอ้อคือการได้เจอนักอ่าน เจอสิ่งที่เราทำได้ดี ไม่ใช่ในแง่ฝีมือนะ เราไม่เก่งขนาดนั้น แต่ในแง่ที่ทำให้คนชื่นชอบ เราเป็นคนไม่ทะเยอทะยาน คิดว่าจะทำงานออฟฟิศจนตาย ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะมีคนชื่นชอบผลงานของเรามากมาย ส่วนความทุกข์ ไม่มีค่ะ เพราะเมื่อเทียบกับสิ่งที่ผ่านมาในชีวิตก่อนหน้า ณ ตอนนี้คือดีที่สุด จะมาเศร้าอะไรอีกวะ 

73 เล่มในดวงใจของ ‘The Sheperd’

  • Melt สะกิดรักละลายใจ เขียนโดย ‘Derpp’

เป็นเล่มที่ทำให้อ้อรู้จักการบรรยายผ่านสายตาตัวเอก และเป็นนิยายวัยรุ่นซึ่งคนอายุ 30 อ่านเข้าใจ สนุกตามได้ เป็นแรงบันดาลใจให้กล้าลองเขียนนิยายบ้าง

  • กลซ่อนใจ เขียนโดย ‘ภัสรสา’

นักเขียนในดวงใจที่ติดตามผลงานตลอด เขาสร้างตัวละครมีมิติ มีบุคลิกลักษณะเป็นคนจริงๆ ไม่ใช่แค่บทบรรยายแต่สัมผัสแคแรกเตอร์ไม่ได้เลย

  • ยินดีที่ได้พบกัน เขียนโดย ‘ราตรี อธิษฐาน’

เป็นเล่มที่หักมุม อ้าว คนนี้ไม่ใช่พระเอกเหรอ เราประทับใจวิธีการเล่าของคนเขียนมาก รู้สึกเก๋ดีที่ทำให้เราเข้าใจผิดได้ เลยนำวิธีการนี้มาใช้ เพื่อให้คนอ่านของเราได้ลุ้นด้วย


 

ภิญญ์สินี

Writer

กองบรรณาธิการ ศิษย์เก่าเอกปรัชญาและศาสนา ชอบติดตามกระแสสังคม และเทรนด์แฟชั่น สนใจศิลปวัฒนธรรม และสีมงคล ลายนิ้วหัวแม่มือคือลายมัดหวาย

อนุชา ศรีกรการ

Photographer

ช่างภาพที่เกิดวันเดียวกับวันถ่ายภาพโลก เลยทำอย่างอื่นไม่เป็นแล้ว

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!