The Old Man และ Shadow detective อย่าหมิ่นสูงวัย

-

The Old Man และ Shadow detective

อย่าหมิ่นสูงวัย

Cognitive impairment คือ ความบกพร่องด้านการรู้คิด เป็นภาวะทางสมองที่นำไปสู่อาการต่างๆเกี่ยวกับการรับรู้และความคิด เช่น หลงลืมหรือมีปัญหาความจำ มีปัญหาในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ปัญหาการจดจ่อ หรือปัญหาการตัดสินใจในเรื่องทั่วไปแม้เป็นกิจวัตรประจำวัน

แต่ถ้าแพทย์วินิจฉัยโดยใช้คำว่า  mild cognitive impairment หรือ MCI จะหมายถึงภาวะการรู้คิดบกพร่องเล็กน้อย ซึ่งอาจเป็นการเสื่อมถอยตามอายุ หรือเป็นสัญญาณตั้งต้นของโรคสมองเสื่อม (dementia)

ความบกพร่องด้านการรู้คิดคือสัจธรรมของมนุษย์ที่เกิดกับเราทุกคนเมื่ออายุมากขึ้นว่าไม่ใช่แค่ร่างกายที่เสื่อมถอย ไม่ฟิตเท่าเดิม ไม่แข็งแกร่งหรือ firm เหมือนเดิม ฟื้นตัวยากกว่าเดิม ในส่วนของสมองก็มีลักษณะแบบนั้นเช่นกัน

ความเสื่อมถอยเหล่านั้นอาจเป็นข้อจำกัดให้ผู้สูงวัยทำกิจกรรมต่างๆ ได้ไม่ดีเท่าสมัยหนุ่มสาว แต่หากดูแลร่างกายและจิตใจดีในระดับฟิตอยู่ อย่างหนึ่งที่คนสูงวัยมีแต้มต่อเหนือคู่แข่งหนุ่มสาวคือความเก๋าและประสบการณ์

The Old Man และ Shadow detective คือซีรีส์ 2 เรื่องที่ตัวละครนำสูงวัย เผชิญความเสื่อมถอยของร่างกายและสมองแต่ยังต้องทั้งบู๊และบุ๋นกับคู่ปรับวัยหนุ่มสาว แล้วก็โชว์ความเก๋าให้เป็นที่ประจักษ์


The Old Man

แดน เชส เป็นอดีตซีไอเอภาคสนามผู้ใช้ชีวิตหลังเกษียณเงียบๆ เขาดูแลภรรยาที่มีภาวะสมองเสื่อมจากโรค Huntington’s disease จนวาระสุดท้ายของเธอ เขาเพิ่งขอให้หมอช่วยตรวจภาวะการรู้คิด (cognitive) ของตัวเองว่าถดถอยหรือไม่ เนื่องจากระยะหลังเขาเริ่มมีอาการระแวงว่าไม่ปลอดภัย ฝันร้าย ตื่นกลางดึก และอาจเป็นเพราะสังเกตอาการของภรรยาที่มีภาวะการรู้คิดถดถอยจากโรค Huntington’s disease จึงทำให้กังวลถึงตัวเองด้วย แต่หมอก็ตอบในตอนแรกว่ายังไม่พบอะไรผิดปกติ

ชีวิตบั้นปลายที่สงบอยู่ดีๆ กับสุนัขคู่ใจกลับต้องพบความวุ่นวาย เมื่อความระแวงของเขานั้นไม่ใช่อาการทางจิต แต่เขาถูกสอดส่องและบุกรุกจากคนแปลกหน้าจริงๆ เราคนดูจึงได้รู้ว่าเขาพยายามกบดานจากโลกภายนอกมาตลอดด้วยเหตุผลบางอย่างอันเกี่ยวพันกับงานภาคสนามที่เคยปฏิบัติภารกิจในอัฟกานิสถาน

ความบาดหมางในอดีตถูกรื้อฟื้น เขาถูกหมายหัวจากรัฐบาล โดยมีคนสำคัญสองคนซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ในการไล่ล่าเขา คนแรกคือหัวหน้ากลุ่มก่อความรุนแรงในอดีตชื่อ ฟาราซ ฮามซาด ที่หมายหัวเขาอยู่ และอีกคนคือ ฮาร์เปอร์ เพื่อนเก่าซึ่งตอนนี้เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการเอฟบีไอที่ถูกตามมารับผิดชอบในการไล่ล่าแดน

ตัวละครนำใน The Old Man จึงเป็นกลุ่มผู้สูงวัย และมีนักแสดงสมทบส่วนใหญ่ในวัยหนุ่มสาวคอยไล่ล่า แต่ซีรีส์กลับไม่ได้ให้ความรู้สึกอ่อนล้าเฉื่อยชาตามอายุตัวละคร แม้เราจะเห็นความช้าในกระบวนการคิดหรือโต้ตอบ แต่บทแอ็กชันและการแสดงของเจฟฟ์ บริดเจสที่รับบทแดน เชส ก็ทำให้เห็นความเดือดสนุก แม้จะลุ้นเหนื่อยชนิดหืดขึ้นคอไปจนจบ

Shadow detective

คิมแทครกหรือเราขอเรียกย่อๆ ว่า “ลุงคิม” คือ ตำรวจสายสืบใกล้เกษียณ มีอาการป่วยด้วยภาวะวิตกกังวลและแพนิก

ลุงคิมทำงานเป็นลูกน้องของผู้กำกับสถานีตำรวจเมืองกึมโอ ซอกวางซู แต่นอกเครื่องแบบการทำงานทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนที่ร่วมหัวจมท้ายในอาชีพตำรวจมาด้วยกัน แต่ลุงคิมเป็นตำรวจที่ไม่ได้หวังความเจริญก้าวหน้าเท่าไหร่นอกจากมุ่งมั่นจับคนร้าย ตรงข้ามกับซอกวางซูที่คิดไกลถึงการลงเล่นการเมือง

ลุงคิมเพิ่งไปพัวพันกับสายปริศนาที่โทร.มาแบบไม่ระบุเลขหมาย ปลายสายบอกว่าจาก “เพื่อน” ลุงถามกลับว่าใครเป็นเพื่อนแก แต่เพื่อนบอกลุงไม่ต้องรู้ รู้แค่ว่าเพื่อนของลุงกำลังจะตายบนภูเขา

พอลุงคิมไปที่ภูเขา ลุงกลายเป็นผู้ต้องสงสัยทันที หลังจากนั้นเพื่อนคนนี้ก็โทร.มาบอกให้ลุงตามรื้อคดี เก่าๆ ที่เคยทำ เพราะหลายคดีในมือลุงนั้นปิดคดีแบบจับคนร้ายผิดตัว และถ้าลุงไม่ทำตาม เพื่อนจะเล่นงานคนใกล้ชิดลุงรวมถึงครอบครัวแล้วก็ทำให้เห็นจริงๆ

คำถามคือ “เพื่อนคือใคร” เพราะเพื่อนดูจะรู้ความเคลื่อนไหวต่างๆ ของตำรวจในสน.ราวกับเป็นคนใกล้ตัว แล้ว “ใครฆ่าเพื่อนจริงๆ ของลุงบนเขา มันทำด้วยเหตุอะไร”

และในขณะที่ลุงคิมไล่ล่าหาตัวจริงของเพื่อน ลุงเองก็ถูกไล่บี้จากผู้กำกับการกุกจินฮัน นายตำรวจหนุ่มตงฉินผู้ไม่เคยเกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม หัวหน้าฝ่ายสืบสวนคนใหม่ในสถานีตำรวจกึมโอผู้ยึดมั่นตามหลักฐานที่ได้มาและเชื่อว่าลุงคิมคือฆาตกร

ชีวิตลุงคิมตกชะตากรรมเดียวกันกับตัวละครในหนัง The Fugitive คือพระเอกที่ถูกไล่ล่าเป็นผู้ต้องสงสัย ต้องหาทางพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ในขณะที่บรรยากาศตอนดูก็เหมือนหนังเรื่อง Scream คือสนุกกับการเดาว่า “ใครคือเพื่อน” ซึ่งแต่ละคนน่าสงสัยทั้งสิ้น แล้ววิธีเล่าก็คล้าย Scream คือพอทำให้เราสงสัยใครมากๆ ก็จะมีฉากที่แสดงหลักฐานเพื่อให้คนคนนั้นพ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัย จนเดาไม่ได้เลยว่าใครกันแน่คือคนร้ายตัวจริง

            Shadow Detective เป็นซีรีส์สืบสวนที่น่าจะดีสุดในปีนี้จากเกาหลีฯ เน้นกระบวนการสืบสวนในแนว old school ของนักสืบรุ่นลุง และหนังก็ทำได้น่าเชื่อถือจริงๆว่าคนคนนี้มีความเก๋าสมเป็นนักสืบมากประสบการณ์

ประเด็นซีรีส์ก็น่าสนใจที่แสดงลูกหลงหรือ collateral damage ของการที่คนในฝั่งรัฐผู้ถือกฎหมายในมือ (เช่น ตำรวจ ศาล) คิดว่าตัวเองกำลังทำดี ก็หาทางเล่นงานคนร้ายโดยไม่สนระเบียบราชการ ไม่สนจริยธรรม  แต่คือการเล่นขี้โกงแล้วไม่เคารพระบบ ไม่เคารพหลักการวิชาชีพ ด้วยการยัดของกลางใส่ความผู้ต้องสงสัยที่มั่นใจว่าเป็นคนร้าย

รวมถึงการแสดงภาพตัวละครหลักเรื่องนี้ว่าทุกคนต่างก็มีส่วนเล่นสกปรก ส่วนไม่ดีติดตัว

บ้างก็ทำผิดจริงๆ เช่น รับใต้โต๊ะ

บ้างก็ทำผิดด้วยการสร้างหลักฐานปลอม

บ้างก็ทำผิดแบบรู้เห็นคนทำผิดแต่ปกปิดให้เพราะสนิทกัน

บ้างก็ทำผิดโทษฐานฆ่าคนตาย

แต่เราจะเห็นว่า shade แห่งความชั่วร้ายของคนเราไม่เหมือนกันเสมอไป

– คนที่รักพี่น้อง ไม่ทำร้ายคนจิตใจดี อาจชั่วร้ายในแง่รับใต้โต๊ะ

– คนชั่วที่ฆ่าคนอื่นง่ายๆอาจพยายามซื่อตรงในการทำงาน

– คนที่ทำผิดได้ทุกอย่างตั้งแต่สั่งฆ่า คอรัปชั่น อาจรู้สึกละอายต่อเพื่อนตัวเองยิ่งกว่าคนทั่วไป

– ฯลฯ

ทั้งหมดนี้ทำให้เราเห็นมิติของความเป็นมนุษย์ผ่านความชั่วร้าย แล้วได้ทบทวนว่าการตัดสินว่าคนนั้นดีกว่าคนนี้ หรือคนนั้นชั่วกว่าคนโน้น อาจเป็นเพียง “shade ความดี/ชั่ว” ซึ่งเราให้น้ำหนักสูงตามที่เรามีอยู่ในใจ แต่ก็มิใช่ข้อสรุปว่าใครจะดีกว่ากันเสมอไป


คอลัมน์: มองโลกผ่านจอ

เรื่อง: “ผมอยู่ข้างหลังคุณ”

All Creative Team

Writer

ร่วมสร้างสังคมอุดมปัญญา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!