The Last of Us ความถูกต้องอยู่ที่ใด

-

ในโลกอนาคตเมื่อเกิดการระบาดของเชื้อราที่สามารถยึดครองร่างกายแล้วควบคุมมนุษย์ จากนั้นมนุษย์ที่ถูกเชื้อรายึดครองก็จะมีสภาพเหมือนซอมบี้ซึ่งหากไปกัดมนุษย์คนอื่นๆ เข้าก็หรือสามารถแพร่เชื้อราจนเกิดการระบาดได้ ในเกม The Last of Us  นั้นมีผู้ติดเชื้อด้วยรูปแบบต่างกันรอเล่นงานมนุษย์ที่ยังหลงเหลือ

===

ในเกมดังกล่าวส่วนใหญ่ผู้เล่นจะต้องควบคุมสองตัวละครหลัก คือโจลและเอลลี สลับกัน

โจลคือชายผู้สูญเสียลูกสาวในช่วงแรกเริ่มของการระบาด หลังจากนั้นโจลดำเนินชีวิตแบบเรื่อยเปื่อย รับงานโดยปราศจากอุดมการณ์ใดๆ ใช้ชีวิตอย่างสิ้นหวังว่าโลกจะดีขึ้น  

วันหนึ่งโจลได้รับภารกิจให้พาเด็กวัยรุ่นสาวไปส่งให้แก่เป้าหมาย เธอชื่อเอลลี อายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกสาวของโจลตอนเสียชีวิต 

ระหว่างทาง ทั้งคู่ต้องเผชิญผู้ติดเชื้อหลายประเภท รูปแบบของเกมคือแอ็กชันผจญภัยที่มีฉากสยองจากเหล่าผู้ติดเชื้อ แม้ว่าตัวเกมเองดูสนุกในรูปแบบการเล่น แต่สิ่งที่กระตุ้นอารมณ์ร่วมของผู้เล่นอย่างยิ่งคือปฏิสัมพันธ์อันเกิดขึ้นกับมนุษย์ทั่วไปที่ยังไม่ติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นความผูกพันระหว่างโจลกับเอลลีที่ทำให้คนดูได้เห็นอาการเย็นชาของโจลถูกหลอมละลายจนให้กลายเป็นคนที่อ่อนไหวเหมือนเคย และกลับมามีความหวังต่อสิ่งดีๆ ในชีวิตมากขึ้น

หรือปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวละครอื่นๆ ซึ่งมีจุดยืนทางศีลธรรมที่แตกต่างและนำไปสู่ทางแพร่ง (moral dilemma) ที่ท้าทายจุดยืนของตัวเราในฐานะผู้เล่นที่ควบคุมชีวิตของตัวละครหลัก

เมื่อได้รับการถ่ายทอดเป็นซีรีส์ จุดแข็งในเกมคือส่วนดราม่าถูกนำมาขยายและเพิ่มรายละเอียดตัวละครและปูมหลัง เช่น ในตอนที่ 3 (Long, Long Time) ซึ่งมีตัวเอกของเรื่องคือบิลล์กับแฟรงก์ คู่รักผู้ใช้ชีวิตในดินแดนห่างไกล

ถ้าเป็นเรื่องอื่นซึ่งเกิดในโลกที่มีคนติดเชื้อแบบนี้ หากเราเห็นตัวละครใจดีหรือเห็นใจคนอื่นเมื่อไหร่ เดาได้ว่าอีกไม่นานต้องเจอเรื่องร้ายแน่ๆ หรือสุดท้ายแล้วเมื่อถูกบีบคั้นมากๆ ความเห็นแก่ตัวก็จะชนะทุกอย่างได้ แต่เรื่องราวในตอนนี้กลับไม่เป็นอย่างที่คิด 

ต่อให้เจอคนชั่วมากดดันหรือคลิกเกอร์จะบ้าคลั่ง แต่พวกเขาก็ยังพยายามหาพื้นที่ซึ่งมีกันและกันจนถึงที่สุด

เราจึงเชื่อว่าความหวังดี หรือเมตตากรุณา รวมถึงความรักอันบริสุทธิ์ยังดำรงอยู่จริงๆ ไม่จำเป็นต้องดาร์กเท่านั้นถึงจะอยู่รอดในโลกที่โหดเหี้ยมเสมอไป และก็สอดคล้องกับชื่อหนังด้วยว่า The Last of Us ไม่ใช่แค่โจลกับเอลลี แต่ยังคงมีอีกหลายคู่หลายครอบครัว ซึ่งอยู่ด้วยกันอย่างเกื้อกูลและพยายามมีชีวิตที่ดี

 

 

Spoilers Alert: เปิดเผยจุดสำคัญในเกมและซีรีส์

===================================

โลกใน Last of Us ก็เหมือนในซีรีส์ The Walking Dead และสังคมยุค post apocalyptic ซึ่งความมีอารยะหรือ civilization ถูกลดทอนคุณค่าลง กฎหมายหรือกติกาไม่มีค่าเท่าเดิม เงินทองหรือยศไม่มีความหมายเท่าไหร่ เพราะในช่วงเวลานั้นเป้าหมายสูงสุดของมนุษย์คือ “ต้องดิ้นรนเพื่อมีชีวิตรอด”

ในฐานะคนเล่นเกมหรือคนดูหนัง, ไม่แปลกถ้าเราจะเลือกอยู่ข้างเดียวกับโจล เพราะเราถูกบังคับให้มองโลกผ่านสายตาโจลกับเอลลี

เราได้เห็นชายคนหนึ่งซึ่งสูญเสียลูกสาว และแทบไม่เหลือแรงจูงใจในการดำรงชีวิต จนมาเจอเอลลีที่ทำให้เขามีเป้าหมายใหม่ (purpose) และสามารถชดเชยความรู้สึกผิดที่ปกป้องลูกสาวไม่ได้ โดยปกป้องลูกสาวคนใหม่อย่างเอลลีแทนเป็นการไถ่บาป

ดังนั้นเมื่อมองโลกผ่านสายตาของโจลกับเอลลี เขาคือพ่อที่ดี คือคนที่รักครอบครัว ยอมทำสิ่งซึ่งผู้คนประณามเพื่อครอบครัว เราก็ย่อมจะเห็นว่าการตัดสินใจของโจลที่ปกป้องเอลลีไม่ให้ถูกพรากชีวิตเพื่อผลิตวัคซีนนั้น “ถูกต้อง”

 

แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นมุมมองของแพทย์หรือนักวิทยาศาสตร์ในหนังผู้หวังจะกอบกู้มนุษยชาติจากการผลิตวัคซีนที่นำมาจากร่างกายของเอลลี่ เราก็อาจเห็นว่าโจล “ผิด”

แม้จะเป็นความเสี่ยงที่อาจล้มเหลว แต่ก็ยังพอใจชื้นว่าการสร้างวัคซีนจากเอลลีมี “ความหวัง” 

ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกตัดสินใจทำผิด (ฆ่าเอลลีเพื่อทดลองผลิตวัคซีน) เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง หรือ The greater good เพราะถ้าพวกเขาผลิตวัคซีนสำเร็จ จะช่วยชีวิตคนได้นับล้านๆ ช่วยรักษาเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่ให้สูญสิ้นจากเชื้อรา  

ในทางกลับกัน เมื่อเปลี่ยนมุมมองมาเป็นผู้คนที่มีชีวิตในหนัง

ถ้าเราอยู่ในยุคเชื้อราครองโลกและเป็นแม่ที่กำลังตั้งครรภ์รอลูกเกิด, เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ต้องปกป้องคนในบ้านที่จวนจะอดตาย, เป็นแฟนที่มีคนรักป่วยใกล้ตายและอยากได้โลกปกติคืนมาเพื่อรักษาโรคประจำตัว ฯลฯ ในทางแพร่งของศีลธรรม เราอาจลังเลใจว่าจะเลือกอยู่ข้างโจลคือลุ้นให้เอลลีหนีไปได้ หรือจะข้างกลุ่มไฟร์ฟลาย (และกลุ่มหมอที่รอคิดค้นวัคซีน)

สมมติเราเป็นคนรักหรือญาติของทีมไฟร์ฟลายที่โรงพยาบาล เรารู้แก่ใจว่ากลุ่มหมอและนักวิทยาศาสตร์ไม่ใช่คนชั่ว พวกเขาพยายามหาทางกอบกู้โลกและช่วยชีวิตคนนับล้านแต่กลับถูกฆ่าทิ้ง เราก็อาจจะยิ่งโกรธแค้นและมองโจลเป็นฝ่ายผิด

ถูกหรือผิดในหลายสถานการณ์จึงขึ้นกับมุมมอง (point of view) และการเล่นกับมุมมองแบบนี้ก็ในเกมภาค 2 ชัดเจนขึ้น

=====

The Last of Us จึงเป็นกรณีศึกษาที่ดีสำหรับการถกเถียงกันในเรื่องศีลธรรมและความถูกต้องทางจริยธรรม (morality/ ethics)

มีทั้งประเด็นประโยชน์นิยม (utilitarianism) ซึ่งหนังชวนให้คิดว่า หากช่วยหนึ่งชีวิต (พาเอลลีหนีจากการผ่าตัด)ก็จะทำให้โจลกับเอลลีมีความสุขร่วมกัน แต่ถ้าสละชีวิตเอลลี่ก็มีโอกาสทำให้คนนับล้านชีวิตมีความสุข (ผลลัพธ์ไม่เต็มร้อย แต่อย่างน้อยมีหวัง) 

มีทั้งตัวอย่างปัญหาแบบรถราง (trolley problem) ที่เป็นทางแพร่งศีลธรรม ว่าถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายต้องสับรางรถไฟเพื่อช่วยชีวิตคนบนเส้นทางคู่ขนานนั้น คุณจะทำอย่างไร ระหว่างยืนเฉยๆหรือช่วยโจลปล่อยให้เอลลีหนีไป (สับรางรถไฟไม่ให้แล่นไปชนคนหนึ่งคน แต่รถออกนอกทางไปชนคนหลายคน) กับช่วยเหล่าไฟร์ฟลายขัดขวางโจลแล้วพาเอลลี่มาผ่าตัด (สับรางให้รถไฟชนคนหนึ่งคน เพื่อไม่ให้ไปชนคนหลายคน)

คำถามเหล่านี้มีค่าควรแก่การถกเถียงเพื่อหาคำตอบว่า “ความถูกต้องอยู่ที่ใด” ในการอยู่ในสังคม 

ในชีวิตจริงนั้น เราก็อาจเจอการถกเถียงและขัดแย้งกันในสังคมเพื่อหาสิ่งที่คิดว่าถูกต้อง เฉกเช่นกรณีศึกษาในหนังเรื่องนี้ ซึ่งหลายครั้งก็จบด้วยความรุนแรง เพราะมีฝ่ายหนึ่งยึดมั่นในความเห็นของตนจนเกินไปว่าคือความถูกต้อง (ทั้งที่จริงๆ แล้วอาจเป็นการเข้าใจผิด)


คอลัมน์: มองโลกผ่านจอ

เรื่อง: “ผมอยู่ข้างหลังคุณ”

( www.facebook.com/ibehindyou , i_behind_you@yahoo.com )

All Creative Team

Writer

ร่วมสร้างสังคมอุดมปัญญา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!