The Frog เป็น limited series หกตอนจบ ทุกตอนจะตั้งคำถามเป็นเสียงคนพูดว่า “หากต้นไม้ใหญ่ล้มในป่าลึก มันจะส่งเสียงดังโครมหรือเงียบสงัดกันแน่”
แม้ชื่อหนังจะเป็นชื่อสัตว์ (กบ) แต่เนื้อเรื่องแทบไม่เกี่ยวอะไรกับกบเลย เป็นการเล่าเรื่องคู่ขนานระหว่างคดีฆาตกรรมในโรงแรมแห่งหนึ่ง กับเหตุต้องสงสัยว่าอาจจะมี ฆาตกรรมในอีก 20 ปีให้หลังซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกับการเข้ามามาก่อกวนของหญิงปริศนาในป่าลึก
ปี 2001 กูซังจุน ชายหนุ่มหน้าซื่อจิตใจดีพาภรรยาและลูกชายมาเปิดกิจการโรงแรมในป่าตามความใฝ่ฝัน เขาและภรรยาร่วมแรงร่วมใจกันบริหารโรงแรม ในช่วงแรกกิจการดูไปได้สวย แขกที่มาพักต่างก็ประทับใจในบริการของสองสามีภรรยา
วันหนึ่งกูซังจุนเจอชายแปลกหน้าดูเหนื่อยล้าอยู่ใกล้ๆ โรงแรม จึงชวนมาพักที่โรงแรมด้วย
แต่ความเอื้อเฟื้อของเขากลับกลายเป็นการทำคุณบูชาโทษ ภรรยาของกูซังจุนไปพบศพหญิงสาวถูกฆ่าในห้องของชายแปลกหน้า แล้วเมื่อแจ้งความจึงรู้ภายหลังว่าชายแปลกหน้าคือผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมฆ่าต่อเนื่อง และการที่กูซังจุนชวนชายแปลกหน้ามาพักโรงแรมก็เท่ากับเปิดโอกาสให้ฆาตกรรายนี้แอบขนร่างของเหยื่อท้ายรถมาลงมือฆ่าหั่นศพในโรงแรม
ผลกระทบต่อเนื่องคือ ภรรยาของกูซังจุนไม่สามารถสลัดภาพศพในห้องนั้นได้ สุขภาพจิตทรุดโทรมและเธอเริ่มดื่มเหล้าจัด คดีนี้กลายเป็นข่าวใหญ่และทำให้แขกไม่กล้ามาพักโรงแรมจนกิจการเจ๊ง ลูกชายถูกเพื่อนรุมรังแกแต่ก็ไม่ปริปากบอกพ่อแม่ เพราะพ่อแม่อยู่ในภาวะสียกำลังใจจนไม่มีเวลาให้ลูก
เหตุการณ์ในปี 2021
จอนยองฮา ชายสูงอายุที่ตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตหลังเกษียณกับภรรยาในฐานะเจ้าของโรงแรมเล็กๆ กลางป่า เขาชอบจัดการสิ่งต่างๆ ในโรงแรมเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน หรือการดูแลความสะอาดเรียบร้อย
โรงแรมแห่งนี้ไม่ค่อยมีแขกมาพัก จนกระทั่งวันหนึ่งหญิงสาวชื่อ ยูซองอา ได้เข้าพักพร้อมเด็กผู้ชายซึ่งน่าจะเป็นลูกชายของเธอ
ยูซองอา มีบุคลิกแบบศิลปิน ชอบวาดภาพ รักอิสระและมักทำอะไรตามอารมณ์ที่แปรปรวน เธอดูไม่ลงรอยกับลูกชายนัก แต่ระหว่างพักโรงแรมก็ไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติ จนกระทั่งวันเช็กเอาต์ จอนยองฮาสังเกตว่าเธอเช็กเอาต์แล้วกลับเพียงลำพัง
นอกจากกล้องวงจรปิดจะยืนยันว่ายูซองอาออกจากโรงแรมคนเดียว จอนยองฮายังพบคราบเลือดในห้องพัก เขาเริ่มสงสัยว่าจะเกิดเหตุรุนแรงหรือฆาตกรรม แต่เขาก็ไม่ได้แจ้งควาหรือปรึกษาใคร เขาพยายามสงบจิตสงบใจด้วยการไปล้างคราบเลือดและทำความสะอาดห้องพักให้เหมือนเดิม แล้วก็ปลอบใจตัวเองว่าอย่าคิดมาก ไม่น่าจะเกิดเหตุร้ายหรอก เพราะหากเรื่องแพร่งพรายจนเป็นข่าวใหญ่ก็อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรม กรณีฆ่าหั่นศพในโรงแรมกลางป่าเมื่อ 20 ปีก่อนก็เป็นอุทาหรณ์อยู่
การเลือกที่จะเพิกเฉยและบ่ายเบี่ยงเพื่อเลี่ยงความรับผิดชอบ (ในการทำสิ่งที่ถูกต้องคือแจ้งความ) อาจจะช่วยให้ผ่านช่วงเวลานั้นไปได้ แต่มันก็คอยหลอกหลอนจิตใจอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งปีถัดมา ยูซอนอากลับมาที่โรงแรมนี้อีกครั้งด้วยท่าทียียวนกวนประสาท และประกาศว่าอยากครอบครองโรงแรมเธอไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธเรื่องที่ว่าเธอฆ่าลูกชายตัวเอง
ถ้าเปรียบกับคำถามที่มีอยู่ในซีรีส์ทุกตอนว่า “หากต้นไม้ใหญ่ล้มในป่าลึก มันจะส่งเสียงดังโครมหรือเงียบสงัดกันแน่” ก็เท่ากับจอนยองฮาเลือกที่จะกลบเกลื่อนว่านั่นคือเสียงเงียบสงัด (ไม่มีอะไร) ทั้งที่ได้ยินเสียงดังชัดเจนว่ามีไม้ล้ม (อาจมีเด็กถูกฆ่าตาย)
The Frog กำกับโดยโมวานอิลแห่งซีรีส์ Misty และ A World of Married Couple การเลือกทำซีรีส์ที่มีแค่ 6 ตอนช่วยลดจุดอ่อนคือความเยิ่นเย้อซึ่งปรากฏในเรื่องก่อนหน้านี้ การเลือกใช้ดนตรีประกอบหรือมุมกล้องล้วนให้คุณภาพเหมือนหนังโรงคุณภาพดี
จุดเด่นของ The Frog คือการเล่าเรื่องสลับกันระหว่างเหตุการณ์สองช่วง ไม่มีการบอกใบ้ให้คนดูรู้ว่าสองเหตุการณ์นั้นเกี่ยวข้องกันอย่างไร ยกเว้นตัวละครตำรวจหญิงเพียงคนเดียวที่มีส่วนร่วมกับสองเหตุการณ์นี้ และแม้จะเป็นซีรีส์ทริลเลอร์คดีฆาตกรรมและการคุกคามของหญิงปริศนา แต่ก็ยังเล่าเรื่องแบบเนิบช้า (slow burn) โดยทยอยทิ้งคำถามไว้ในแต่ละตอนให้คนดูที่ยังสามารถอดทนรอคำตอบได้ลุ้นว่าจริงๆแล้ว ‘เกิดอะไรขึ้นกันแน่?’
ชื่อซีรีส์ The Frog ได้รับการเฉลยในช่วงท้ายเรื่องโดยเปรียบเทียบ ‘เหยื่อ’ กับเรื่องของกบที่ถูกคนขว้างหินใส่ กบได้แต่ถามตัวเองซ้ำๆ ว่าเพราะอะไรมันถึงโดนแบบนี้ จนวินาทีสุดท้ายใกล้ตายก็ยังไม่ได้คำตอบ
สิ่งที่หนังต้องการสื่อผ่านตัวละครเหยื่อที่เป็นเสมือนกบ หรือให้ข้อคิดแก่คนดูที่เคยประสบชะตากรรมแบบตัวละคร คือเราต้องคอยเตือนสติตัวเองว่าเหตุสุดวิสัยที่เกิดขึ้นในบางช่วงของชีวิตนั้น ไม่มีคำอธิบายอื่นใดนอกจากถึง ‘คราวเคราะห์ หรือความซวย หรือความบังเอิญโชคร้าย’ ซึ่งเป็นการเปล่าประโยชน์ที่จะโอดครวญ เพราะมีแต่จะทำให้เรารู้สึกหดหู่ น้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตา เพียงแค่ยอมรับว่าเรื่องร้ายเกิดจากโชคร้าย และทุ่มเทแรงกายแรงใจหาทางรับมือผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้วดำเนินชีวิตต่อไป ย่อมดีกว่าการพร่ำเพ้อรำพันเหมือนคนอมทุกข์ที่หาทางออกให้ชีวิตไม่ได้
คอลัมน์: มองโลกผ่านจอ เรื่อง: “ผมอยู่ข้างหลังคุณ”
(www.facebook.com/ibehindyou, i_behind_you@yahoo.com) ภาพ: อินเทอร์เน็ต