นพ.วงการแพทย์ถือว่าการทำวิจัยแบบสุ่มตัวอย่างแบ่งกลุ่มเปรียบเทียบเป็นวิธีวิจัยที่เชื่อถือได้มากที่สุด ในแง่ของการลดน้ำหนักมีการทำวิจัยแบบนี้ไปแล้วหลายครั้ง โดยทำกับสูตรอาหารต่างๆ กัน เป็นสูตรนับแคลอรี่บ้าง กินคาร์โบไฮเดรตให้ต่ำบ้าง กินไขมันให้ต่ำบ้าง กินแคลอรี่จากหมวดอาหารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน ในปริมาณเท่ากันบ้าง ทุกงานวิจัย ทุกสูตรอาหาร ล้วนลดน้ำหนักได้ดีมากขณะทำวิจัย ซึ่งส่วนใหญ่ใช้เวลาทำวิจัย 3-6 เดือน แต่เมื่อตามไปดูหลังจากเลิกวิจัยแล้วหนึ่งปีก็พบว่า ทุกสูตรล้วนน้ำหนักพลิกผันขึ้นมาใกล้เคียงกับก่อนทำวิจัย แถมบางคนยังได้น้ำหนักเพิ่มอีกคนละ 1-2 กก. เหมือนกันแทบจะทุกสูตร ไม่มีข้อยกเว้น
แต่งานวิจัยชื่อ The BROAD Study ซึ่งทำที่นิวซีแลนด์นี้ให้ผลระยะยาวที่แตกต่างจากงานวิจัยอื่น งานวิจัยนี้เขาทำในชุมชนที่เมืองจิสบอร์น ประเทศนิวซีแลนด์ และเอาคนที่ได้รับวินิจฉัยว่าเป็นโรคอ้วนหรือน้ำหนักเกิน อายุอยู่ระหว่าง 35-70 ปีมา 65 คน จับฉลากแบบสุ่มแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งให้กินอาหารพืชเป็นหลักแบบไขมันต่ำ (plant based, whole food – PBWF) และไม่กินเนื้อสัตว์เลย อีกกลุ่มหนึ่งให้กินอาหารปกติที่คนนิวซีแลนด์เขากินกัน ทั้งสองกลุ่มให้กินได้มากๆ ตามสบายไม่มีการจำกัดแคลอรี่ ใครอยากกินเท่าไหร่กิน ขอเพียงให้กินอาหารแบบที่ตัวเองจับฉลากได้เท่านั้น มีการประชุมผู้เข้าร่วมวิจัยทุกสัปดาห์อย่างเข้มงวดนาน 12 สัปดาห์ เพื่อให้แน่ใจว่ายังยึดมั่นอยู่กับอาหารของตน หลังจากนั้นก็ปล่อยให้กินด้วยตัวเองแล้วติดตามและประเมินผลที่ 6 เดือน แล้วหยุดการติดตามแบบปล่อยอย่างสิ้นเชิงและประเมินผลอีกครั้งที่ 12 เดือน
อาหารแบบกินพืชเป็นหลัก (PBWF) ซึ่งใช้ในงานวิจัยนี้เป็นอาหารที่มีไขมันต่ำโดยธรรมชาติ คือได้แคลอรี่จากไขมันเพียงร้อยละ 7-15 ของแคลอรี่ทั้งหมด ย้ำว่าไม่ให้กินเนื้อสัตว์เลย สิ่งที่ให้กินเป็นพื้นก็มีธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าว ข้าวโอ๊ต ถั่วต่างๆ ทุกชนิด ผัก และผลไม้ โดยไม่จำกัดชนิดหรือจำนวนและไม่ต้องนับแคลอรี่ด้วย พวกแป้งในอาหารธรรมชาติ เช่น มันเทศ มันฝรั่ง ขนมปัง พาสต้า ก็ให้กินได้ไม่อั้น แต่ห้ามใช้น้ำมันที่สกัดหรือหีบออกมาจนเหลือน้ำมันล้วนๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันมะกอกหรือน้ำมันมะพร้าวห้ามหมด ส่วนพืชที่มีไขมันสูงโดยธรรมชาติ เช่นอะโวกาโดและนัทนั้น ไม่ถึงกับห้ามแต่ก็แนะนำให้กินน้อยๆ หน่อย นอกจากนี้ยังแนะนำให้ลดน้ำตาล ลดเกลือตามกำลังความสามารถของแต่ละคน และให้เสริมวิตามินบี 12 วันละ 50 ไมโครกรัม ผู้เข้าร่วมวิจัยต้องเข้าประชุมเรียนทำอาหารสัปดาห์ละ 2 ครั้ง นาน 12 สัปดาห์ ขาดไม่ได้
ผลการวิจัยเมื่อครบ 6 เดือน พบว่ากลุ่มกินอาหารพืชเป็นหลักลดดัชนีมวลกายได้ 4.4 กก./ตรม. (เฉลี่ยเป็นน้ำหนักคนละ 12.1 กก.) ขณะที่กลุ่มกินอาหารปกติลดดัชนีมวลกายได้ 0.4 กก./ตรม. คือน้อยกว่ากันสิบเท่า และเมื่อเลิกงานวิจัยแล้วตามไปชั่งน้ำหนักเมื่อหนึ่งปีผ่านไป พบว่ากลุ่มที่กินพืชเป็นหลักก็ยังยืนหยัดลดดัชนีมวลกายได้ 4.2 กก./ตรม. (เฉลี่ยเป็นน้ำหนักคนละ 11.5 กก.)
งานวิจัยนี้สรุปได้ว่า อาหารแบบพืชเป็นหลัก (PBWF) ลดน้ำหนักได้ดีที่สุดในบรรดาการลดน้ำหนักด้วยอาหารที่ไม่มีการจำกัดแคลอรี่และไม่มีการบังคับเรื่องการออกกำลังกายเท่าที่วงการแพทย์เคยทำวิจัยแบ่งกลุ่มเปรียบเทียบกันมาแล้วทุกรูปแบบ และเป็นการลดน้ำหนักได้อย่างยั่งยืนเมื่อติดตามดูผลหลังจากครบหนึ่งปี แตกต่างกับสูตรลดน้ำหนักอื่นๆ ที่น้ำหนักล้วนพลิกผันเหมือนเดิมเมื่อตามไปดูหลังจากหนึ่งปีแล้ว ดังนั้น สำหรับคนอ้วนที่คิดจะลดน้ำหนักให้ยั่งยืนได้ผลดีและมีสุขภาพดีด้วย อาหารพืชเป็นหลักดีที่สุดครับ
คอลัมน์: สุขภาพ
เรื่อง: นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
ภาพ: Pexels.com
All free magazine พฤศจิกายน 2562