แท็ก: ปราบต์
สุสานสยาม ตอนที่ 10 : ขุด
-๑o-
ขุด
..............
“ทางการจำเป็นต้องปกปิดเรื่องคนที่มีอาการประหลาดนี่ไว้ เพราะกลัวว่าจะเกิดความวุ่นวายอย่างที่เป็นตอนนี้แหละ”
“มันก็จริงเรื่องความวุ่นวาย” เยียรยงตอบพี่ชาย ปากยังเคี้ยวอาหารตุ้ยๆ ข้างวงข้าวมื้อเย็น “แต่ถ้าบอกตรงๆ อย่างน้อยคนก็จะได้หาทางระวังตัว หรืออาจจะมีใครนอกกลุ่มฝาถังที่รู้วิธีรักษาก็ได้”
นางโฉมยงตรงที่นั่งข้างกันหันขวับ “พูดอะไรอย่างนั้น ถ้าพวกฝาถังไม่รู้ ใครมันจะไปรู้ได้อีก”
“ก็อย่างบ้านเจ้าไหงไง” นายยุทธ์พูดเรียบๆ อย่างนึกขึ้นได้ “บ้านมันมีความรู้เรื่องสมุนไพรโบราณกันนี่”
“รู้แล้วใช้ได้ที่ไหน” ผู้เป็นภรรยาบอกละเหี่ย “สมุนไพรมันก็ต้องมาจากต้นไม้ เดี๋ยวนี้โลกมันปลูกต้นไม้กันได้ซะที่ไหน!”
คำพูดของแม่เรียกภาพเก่าย้อนเกิดในหัวของเยียรยง ภาพเงาไม้ข้างทางเมื่อวันที่เธอถูกนำตัวไปยังสถานปริศนาของพวกฝาถัง ตกลงนั่นเป็นต้นไม้จริงหรือปลอมกันแน่...
“นั่นซีนะ” นายยุทธ์พยักตามภรรยาอย่างว่าง่าย หรืออีกนัยคือคร้านจะเถียง “ว่าแต่คนที่เป็นโรคนั้นตกลงมันเกิดจากอะไรล่ะ”
ยรรยงตักอาหารเข้าปากอีกช้อน ลักษณะคล้ายจงใจคั่นเวลามากกว่าหิว “ยังไม่รู้ซีพ่อ”
เยียรยงมองพี่...
สุสานสยาม ตอนที่ 9 : เลอโฉม
-๙-
เลอโฉม
..............
“ชื่อเหมือนหนูเลยนะ”
“หืม?”
“ก็วันเนาว์ไง” คนทักพยักไปยังหน้าจอโทรทัศน์ที่ตั้งอยู่ด้านในร้าน โรงแรมจิ้งหรีดแห่งนี้จัดรูปแบบคล้ายโรงเตี๊ยมสมัยดึกดำบรรพ์ -- หรือจะพูดให้ถูก มัน ‘ดึก’ เพราะผู้ดูแลขาดความใส่ใจเสียมากกว่า แม้แต่เสื้อผ้าท่าทางของตัวแกเองก็ยังปล่อยให้ดึก ดูสกปรกเหมือนเศษขยะข้างตึกอีกชิ้นที่เผลอปลิวมากองในคอกโต๊ะทำงานของผู้จัดการโรงแรม ด้านหน้าโทรทัศน์คือชุดเก้าอี้รีทรายโก้เก่ามอมไม่แพ้กัน
ผู้จัดการเฒ่าพูดต่อไปว่า “วันเนาว์ เมื่อกี้ลุงถาม หนูว่าชื่อนี้ไม่ใช่รึ”
ใช่แล้ว เธอตอบอย่างนั้น เรียกฉันว่าวันเนาว์แล้วกัน
เจ้าของนาม ‘วันเนาว์’ พยักยิ้ม รอยยิ้มของเธอมีเสน่ห์เสมอ แต่ผู้ชายส่วนมากไม่ค่อยสนใจมันหรอก พวกนี้จึงไม่เคยมองเห็นว่าที่แท้ ในดวงตาหวานคมนั้นแห้งแดง ที่ใต้ตายังสดใสก็ด้วยเครื่องสำอาง เช่นเดียวกับริมฝีปากอวบ...
สุสานสยาม ตอนที่ 8 : เด็กดีแห่งสยาม
-๘-
เด็กดีแห่งสยาม
..............
กระดานไฟฟ้าดิ้นอยู่ในกระเป๋าซิ่นติดต่อกัน คงมีสายเรียกเข้า อย่างไรก็ตาม เยียรยงไม่ได้สนใจดึงมันขึ้นมาดู เพราะขณะนี้กำลังอยู่ในแถวเคารพธงชาติ
แผ่นดินสยามนามประเทืองว่าเมืองทอง
ไทยเข้าครองตั้งประเทศเขตแดนสง่า
สืบเผ่าไทยดึกดำบรรพ์โบราณลงมา--
ความตั้งใจยืนตรงมีอันสิ้นสุดเพราะถูกคนข้างๆ สะกิด “สุรามันเป็นอะไรวะ”
การเข้าแถวของแต่ละห้องเรียนนั้นจัดแบบหน้ากระดาน ตามหลักการแล้วต้องเรียงตามส่วนสูง คนเตี้ยสุดอยู่ทางซ้าย เยียรยงกับกระปุกอยู่ช่วงกลางแถว ยืนติดกันเพราะความสูงไล่เลี่ย ส่วนสุราลัยควรต้องต้องกระเถิบห่างไปด้านขวาเพราะสูงกว่ามาก ทว่ารายหลังไม่ชอบใจ ถือว่าเพื่อนอยู่ตรงนี้จึงจำหลักอยู่ตรงนี้ เยียรยงเคยอึดอัดใจที่เพื่อนไม่รักษากฎ ต่อเมื่อเห็นเพื่อนคนอื่นและครูไม่อินัง จึงเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เพื่อความสบายใจของทุกคน
วันนี้สุราลัยที่ยืนอยู่ทางขวาของเธอทำหน้ามุ่ยขยุกขยิก – หมายถึงหน้ามุ่ยกว่าทุกวันที่ก็มุ่ยอยู่แล้ว
สุราลัยไม่ใช่คนที่จะพอใจอะไรง่ายๆ เจ้าหล่อนไม่เห็นด้วยกับการต้องเข้าแถว ต้องเคารพธงชาติ เรื่อยไปถึงต้องสวมชุดเครื่องแบบนักเรียน ซึ่งถูกดัดแปลงมาจากชุดไทยสักสมัยในอดีตอันไกลโพ้น ของนักเรียนชายเป็นเสื้อขาวราชปะแตน...
สุสานสยาม ตอนที่ 7 : สมรภูมิใหม่
-๗-
สมรภูมิใหม่
..............
ภาพที่เห็นทำให้คนที่อยู่บริเวณทางขึ้นรถไฟฟ้ายิ่งหลีกลี้ อาหารที่วันเนาว์กินไม่สามารถทำให้หล่อนอิ่มได้ เคราะห์หามยามร้ายคนข้างเคียงอาจเป็นรายถัดไป แม้แต่คูนที่เป็นญาติกันก็วิ่งหนี
ในที่สุด วันเนาว์ – สัตว์ประหลาดตนนั้น – ก้าวไปกระชากกะโหลกศีรษะของนางประไพขึ้นมาทั้งตัว พยายามดูดดื่มให้สมกับความหิว แต่แล้วก็เหมือนเดิม ไม่ช้ามันไอ สุดท้ายขย้อนออก
เหตุการณ์ดำเนินไปเช่นนั้นอีกราวสิบนาที จึงมีเสียงดังขึ้นคล้ายขยายด้วยเครื่องเสียง “ประกาศ ประกาศ ชาวขยะใดๆ ที่อยู่ใกล้เชิงสถานีไฟฟ้า จุ่งเร่งย้ายห่างเพื่อเปิดทางให้เจ้าพนักงานปฏิบัติการรักษาความสงบ ปิดหู แลปิดลูกนัยน์ตาเพื่อรักษาความปลอดภัยของตัวท่านเอง ประกาศ--”
จังหวะนั้น ถนนข้างๆ จึงมีรถมาจอดขนาบ...
สุสานสยาม ตอนที่ 6 : เมืองพิชัย
-๖-
เมืองพิชัย
..............
เยียรยงคงถูกชนล้มถ้าไม่เพราะธนลภย์ฉุดมือหลบไปด้านข้างเสียก่อน แม้แผลที่ตักของเจ้าตัวจะยังไม่หายดี แต่เด็กหนุ่มก็คล่องแคล่วพอตัว ขณะเดียวกัน ชายในหัวโขนทะยานต่อไปราวกับมองไม่เห็นเธอ ถนิมพิพาภรณ์สั่นส่ายดังกลิ๊กๆ ตามร่างนั้นไปสู่อีกทางแยกหนึ่ง แต่แล้วก็หยุดนิ่งเหมือนต้องสาปตามเก่า
“อะไรของเขา” เยียรยงบ่น กลับมาลงน้ำหนักบนเท้าของตัวเองได้อย่างระมัดระวัง
ธนลภย์กำลังเพ่งมองแผ่นหลังใครคนนั้นเช่นกัน ด้วยความคิดบางอย่าง เสียงเจ้าตัวเยือกสั่น “รีบไปกันเถอะ”
“เดี๋ยวก่อน!” เยียรยงปัดมือเพื่อนที่พยายามลากจูง ดุ่มดั้นไปยังชายในหัวโขนที่แทบชนเธอล้ม “คุณ ขอโทษนะคะ!--”
เสียงถามชะงักแค่นั้น แล้วปลายเท้าก็ชะงักทั้งที่ยังไม่ทันถึงตัว มุมมองใหม่ทำให้พบว่า ตรงหน้าชายคนดังกล่าว ห่างไปราวห้าก้าว ใครอีกกลุ่มกำลังยืนอยู่
หน้ากำแพงตันมีรูเท่าคนลอดอยู่ข้างล่าง ร่างสันทัดประเปรียวสามร่างยืนชิดกันอยู่ แต่ละรายสวมเสื้อแขนยาว...
สุสานสยาม ตอนที่ 5 : เอษะกาศ
-๕-
เอษะกาศ
..............
อีกสิบนาทีสิบเอ็ดโมง พื้นที่หน้าห้องเรียนพิเศษวิชาตรรกะในอตรรกศาสตร์มีนักเรียนมาอออยู่เต็มไปหมด เยียรยงก้าวเข้ามาพลางกอดกระเป๋าผ้ารีทรายโก้บรรจุสัมภาระไว้ด้านหน้าเหมือนทุกที ที่จริงวันนี้เธอมีเรียนวิชาฝีซีกอีกตึกไม่ไกล แต่เรื่องที่อยากรู้มีกำลังมากกว่า นอกจากนั้น ฝีซีกเป็นวิชาที่เธอค่อนข้างถนัด แม้มันจะดูยุ่งยากเนื่องจากต้องใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์มาประยุกต์เพื่ออธิบายปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ กระนั้นโจทย์จริงๆ มีอยู่ไม่กี่แนว ถ้าคุณจำวิธีแก้โจทย์ข้อเก่าๆ ได้ก็จะสามารถทำข้อใหม่ๆ ได้ และปกติ เยียรยงมักหยิบโจทย์ต่างๆ ในวิชานี้มาทำฆ่าเวลาระหว่างเข้าห้องน้ำอยู่แล้ว
กวาดสายตาหาผู้นัดหมาย เด็กสาวพบร่างสูงผอมของธนลภย์นั่งอยู่มุมด้านในสุด เจ้าตัวกำลังคร่ำเคร่งถึงกับหลับตาท่องตำราในกระดานไฟฟ้าของตัวเอง
“ดีนะ ไม่มีการบ้าน”
เสียงทักเรียกเจ้าตัวเปิดตา ริมฝีปากจีบหยักบอบบางที่พึมพำอยู่แต่แรกหยุดลง “หืม? มาแล้วเหรอ”
เยียรยงยิ้มให้ด้วยไมตรี ตอบคำถามแรก “ก็อ่านหนังสือได้แบบนี้...
สุสานสยาม ตอนที่ 4 : รอยเขี้ยว
-๔-
รอยเขี้ยว
..............
ถนนข้างนอกเขตกำแพงฝาถังมีเลนน้อยกว่า เล็กแคบกว่า ทั้งที่มีรถและคนคับคั่งกว่า ขนาดของรถก็ค่อนข้างใหญ่เทอะ เพราะเป็นยนตรกรรมตกยุค พวกนี้กดแตรดังระงมและจอดติดเป็นแพอยู่บนถนนนองน้ำ อันเป็นสภาพปกติที่ชาวขยะจะต้องเผชิญในวันฟ้ารั่ว
ทันทีที่เห็นรถซึ่งคงจะประทับตรา รปภ. หรือสัญลักษณ์บางอย่างของพวกฝาถัง ทั้งถนนก็โกลาหล รถคันอื่นๆ ที่จอดติดอยู่ต้องพยายามขยับหลีกทาง เพื่อให้ขบวนที่เยียรยงติดมาด้วยสามารถแล่นต่อไปได้ เด็กสาวรู้ว่าภายในรถเหล่านั้น คนจำนวนหนึ่งจะก่นด่าอยู่ในใจ แต่ก็ไม่มีทางปฏิเสธ นอกจากหมุนพวงมาลัยเปิดทางให้กว้างที่สุด แม้รถของตัวเองจะต้องขูดสีกับกำแพงหรือรถคันข้างๆ ก็ตาม
ตึกรามสองข้างทางยังเป็นอาคารขนาดใหญ่ ไม่สวยงามเท่าตึกด้านในเขตกำแพง แต่ก็สะอาดและแทบไม่มีกองขยะสุมข้าง ใต้รางรถไฟฟ้ามีเสาขนาดใหญ่เรียงรายกลางถนน ป้ายรถประจำทางใต้สถานีปลายทางคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่เพิ่งเลิกงาน แต่ละคนหน้าดำคร่ำเครียดรอเวลาที่รถคันใหม่จะมาถึง...
สุสานสยาม ตอนที่ 3 : ประวัติศาสตร์โรงงาน
-๓-
ประวัติศาสตร์โรงงาน
..............
แววตกใจบนดวงตาในกระจกเงาเปลี่ยนเป็นโกรธขึ้ง ขุนระเบ็งกัดกรามแน่นจนข้างขมับปูดโปน เสียงกระซิบกรีดเฉือน “ไอ้พวกเหี้ย บ้านเมืองยิ่งจะชิบหาย!”
เยียรยงหันตามโดยอัตโนมัติ เพ่งผ่านกระจกหลังอันเต็มไปด้วยน้ำฝนท่วมท้น ทว่านอกจากถนนมืดๆ อันมีไฟสลัวรางเป็นหย่อมๆ กับเงาตะคุ่มของตัวอาคารไกลออกไป ไม่มีอะไรเลยนอกจากนั้น
“เกาะรถแน่นๆ!” เสียงเข้มดังอีก
ยรรยงตกใจ คำพูดคล้ายรู้ทันอะไรสักอย่าง “จะทำอะไร ทางนี้ไม่ให้--”
“จะเก็บมันไว้ทำซากอะไร!”
อย่างทันทีทันใด รถกระชากตัวสวนไปข้างหลังรุนแรง เยียรยงที่ไม่ทันระวังถึงกับหัวคะมำลงหว่างเบาะ “โอ๊ย!”
“เยีย!” พี่ชายประคองเธอ ร้องบอกคนข้าง “หยุดนะครับ!”
คราวนี้รถกระชากตัวจอด ร่างของเยียรยงลอยไปกระแทกพนัก ระหว่างนั้นขุนระเบ็งเพ่งมองกระจกหลัง คงไม่เห็นเป้าหมาย จึงเอี้ยวจ้องแทน
จังหวะนี้เอง...
สุสานสยาม ตอนที่ 2 : เครื่องดึงความจำ
-๒-
เครื่องดึงความจำ
..............
โถงรอคอยแผนกคัดกรองของโรงพยาบาลรอบนอกตัวเมืองโรงงานนั้นคลาคล่ำไปด้วยผู้ป่วยและญาติ เสียงจอแจฟังไม่ได้ศัพท์ กลิ่นฉุนคละอวลชวนคลื่นเหียน แต่สมาชิกโรงงานตั้งแต่ระดับขยะทั่วไปลงไปนั้นมักคุ้นชินอยู่แล้ว เพราะอาหาร ที่อยู่ และสิ่งแวดล้อม ต่างก็หลอมรวมเป็นกลิ่นกายอันยากจะขจัดสิ้น เฉพาะบางรายที่เหม็นมากเป็นพิเศษ และเรียกแมลงไม่พึงประสงค์มาเวียนล้อมอยู่ตลอดเวลา พวกที่รู้ตัวจะพยายามหลบไปนั่งห่างๆ แถวมุมห้องไม่ให้รบกวนผู้อื่น
ผู้ป่วยส่วนมากมาพบแพทย์เนื่องจากโรคผิวหนังและโรคทางเดินหายใจ ความเป็นอยู่ในกองขยะและคลุกคลีกับพื้นท่วมขี้เถ้าเป็นสาเหตุหลัก อาทิตย์ก่อนตอนที่เยียรยงไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนพ่อ เธอได้ยินคนรอตรวจข้างๆ บอกว่านี่ยังไม่นับว่ามีคนมาก เด็กสาวถึงกับกลืนน้ำลาย มองตาและเข้าใจพ่อเป็นครั้งแรก
ก่อนหน้านี้พ่อบ่นเวียนหัวอ่อนเพลีย แต่พอให้มาตรวจกลับปฏิเสธ กระทั่งเยียรยงต้องลาเรียนแล้วคะยั้นคะยอให้พ่อมาด้วยกันนั่นละ เจ้าตัวจึงอุบอิบยอม
เยียรยงสุขภาพดีจนแทบไม่เคยต้องหาหมอ ที่แท้สภาพโรงพยาบาลที่คนบ่นกันเป็นแบบนี้ รอนานสามชั่วโมงกว่าจะได้พบแพทย์ จากนั้นตรวจสามนาทีเหมือนไม่มีความใส่ใจใดๆ...
สุสานสยาม ตอนที่ 1 : สยามติงสติวรรษ
-๑-
สยามติงสติวรรษ
..............
ศุภมัสดุ พระพุทธศรีศักราช ๒๖xx ปีมะเมีย โทศก วันพฤหัส เดือนหก แรมเก้าค่ำ เพลาสี่นาฬิกาห้าบาท ณ อาคารอำนวยการสยามอลังการ มหาสัปปุรุษรวบรวมกำลังหาญตรึงเหตุระส่ำได้ในท้ายสุด หลังจากผู้ทุรยศปลุกปั่นไพร่ราบรุกรบแลจุดพระเพลิงหมายเผามหานาครให้ไหม้เป็นจุณไป ฝ่ายขบถแตกพะพ่ายย้ายจะแจ้น ที่ร่วงในแดนอัคคีก็มอดไปตามวิบาก หากถูกจับได้ก็หมายโทษชั่วโคตรชั่วเหง้า มหาสัปปุรุษแลพวกพ้องรุมเข้ากินเมือง มีข้าทาสเฟื่องคอยคุ้ม ตีรุมกลุ้มไพร่มิให้กำเริบการใหญ่เยี่ยงในกาลก่อน
ลุกึ่งศักราช มหาสัปปุรุษแลวงญาติจึ่งวางบัญญัติเพื่อพิภากษาแลกระลาการใหม่หลายโกฏิ รวมเรียกว่าแผนแม่บทสยามติงสติวรรษ อันสมาชิกทุกคนควรปฏิบัติตามเพื่อความศานติ แลหากคราใดอุบัติมีสงกา...