หน้าแรก แท็ก นิยายรัก

แท็ก: นิยายรัก

รักเล็กๆ ในมหาศาล ในมหานคร : ตอนที่ 17 (ตอนจบ)

0
- ๑๗ (ตอนจบ) - .................. ในไร่กว้างกลางอ้อมกอดของภูเขาสูง ที่นี่ผมได้สัมผัสหลังม้าเป็นครั้งแรก นานนับเดือนที่เคี่ยวกรำฝึกฝนกับอาชาหนุ่มซึ่งเจ้านายมอบให้ใช้งานจนคุ้นเคย ชำนาญบังเหียนและเข้าใจม้า บังคับทิศทางและความเร็วได้ดั่งใจ บางครั้งผมควบม้าคู่กายห้อตะบึงไปด้วยความเร็วจนฝุ่นฟุ้งตลบ ภาพที่เคยเห็นจากหนังจีนผสานกับจินตนาการและความเป็นจริง สำหรับเหยื่อความโกรธแค้นเกลียดชังที่ถูกม้าสี่ตัวทะยานแยกร่าง ก่อนดวงชีวิตจะมอดดับ รสชาติแห่งความเจ็บปวดทรมานคงพุ่งถึงขีดสุด ม้าที่ผมนั่งบนหลังไม่เคยแยกร่างใคร ร่างปราดเปรียวของมันทะยานไปในสายลมเปลี่ยว ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่งามตาประดุจอาณาจักรอันเงียบสงบ พืชพันธุ์ที่ถูกเพาะหว่านเมื่อถึงฤดูฝนชูยอดเขียวสดอาบแดดเช้าละมุน ผมบังคับม้าให้ช้าลง ดึงจิตใจคืนสู่ความสงบ ความเศร้าจากการพลัดพรากคล้ายบาดแผลฝังลึกในจิตใจเรื่อยมา ผมฝันซ้ำๆ ขณะหลับลงในเสียงขับกล่อมของลมหนาว ไหมน้อยยืนยิ้มจากอีกด้านหนึ่งของแผ่นกระจกหนา เป็นภาพหม่นมัวในระยะที่เกือบเอื้อมมือสัมผัส หากถูกกั้นไว้ด้วยม่านแห่งกาลเวลาซึ่งหนาและแข็งแกร่ง ผมมองเห็นเธอเพียงฝ่ายเดียว ไม่อาจเดินเข้าหา...

รักเล็กๆ ในมหาศาล ในมหานคร : ตอนที่ 16

0
- ๑๖ - .................. ผมได้งานรับจ้างเข็นของในตลาดสด เริ่มงานแต่เช้ามืดไปจนถึงเที่ยงวัน ทุกวินาทีที่ผ่านชีวิตไป ใจผมจดจ่ออยู่กับผนังป้อมยาม ในความวาดหวังที่ไม่เคยสูญสลาย จดหมายของไหมน้อยรอผมอยู่ที่นั่น และผมคว้าไว้ได้ก่อนที่จะถูกมือซึ่งไม่หวังดีนำไปทำลายทิ้ง แม้สกปรกมอมแมมไปตลอดหัวจรดเท้า ผละมือจากคันรถเข็นแล้วผมไม่ยอมเสียเวลาอาบน้ำ ตกบ่ายผมนั่งรถเมล์แล้วต่อมอเตอร์ไซค์รับจ้างมายังโรงงานเทียนไข มองผ่านซี่กรงประตูไปยังแผ่นไม้กระดาน ก้มหน้าลงถอนหายใจทุกครั้งที่พบความว่างเปล่า ดักรอพี่แดงที่ร้านขายของชำ พยายามอยู่หลายวันกว่าได้พบ ครั้นแล้วรอยยิ้มแห่งหวังก็จางหายไปจากใบหน้าของผมหลังได้คำตอบ “กูพยายามแล้วนะ ออกมาดูให้ทุกบ่าย แต่ไม่เคยเจอจดหมายที่ส่งถึงมึงอีกเลย” ผมคอตก พูดเสียงเบา “พี่แดงดูให้ผมอีก ต้องมีมาสักวันหนึ่ง อย่าปล่อยให้ไปอยู่ในมือเฮียคุง” อีกสามสี่ครั้งที่ผมแวะเวียนมาดักรอ ทว่า... พี่แดงไม่เคยมีคำตอบอื่น ...ไม่มีจดหมายมาถึงผม ไม่มีมาเลย วันสงกรานต์ผมหยุดรับจ้างเข็นของ พาร่างเปียกน้ำและคราบแป้งที่พวกเด็กๆ...

รักเล็กๆ ในมหาศาล ในมหานคร : ตอนที่ 15

0
- ๑๕ - .................. ผมตามกลิ่นน้ำเทียนที่เดือดคลั่งมาถึงโรงพยาบาล ไหล่คล้องสายกระเป๋าเสื้อผ้า วิทยุเทปฝากโรงรับจำนำย่านบางพลัดไว้เพื่อลดภาระการสัญจร จิตใจที่หนักอึ้งด้วยความเศร้าและโกรธเกรี้ยวยิ่งหดหู่เมื่อพบว่าคนงานพลัดถิ่นในเมืองใหญ่แห่งนี้ไม่ต่างอะไรกับมนุษย์นิรนาม โรงพยาบาลใหญ่ซับซ้อนไปด้วยอาคารผู้ป่วยและตึกที่แยกประเภทของโรคออกไป ผมสิ้นหวังกับรายชื่อผู้ป่วยบนกระดาน ชอล์คสีขาวที่เขียนไว้ตามลำดับทั้งชื่อและนามสกุลไม่มีคนที่ผมตามหา ทั้งผม จ้อย ไหมน้อย และใครต่อใครที่ถูกสำนักจัดหางานจับโยนสู่ทะเลเหงื่อ ใบสมัครที่ลงชื่อตามบัตรประชาชนล้วนถูกลืมไปสิ้น ผมไม่เคยถามชื่ออย่างเป็นทางการของจ้อย ชื่อผมไชยา... บิดเพี้ยนมาจากคำเรียกขานของเพื่อนร่วมงาน ผมเปลี่ยนเป้าหมายที่จะเสาะถามหานามของมนุษย์ไร้ชื่อ ผ่านโต๊ะประชาสัมพันธ์ของตึกผู้ป่วย ผมถามหาคนไข้ที่ถูกน้ำร้อนลวก ไม่ใช่น้ำร้อนหรอก จริงๆ เป็นขี้ผึ้งที่ถูกหลอมละลายด้วยความร้อน มันอาบลงบนร่างที่เต็มไปด้วยเลือดเนื้อ แล้วเกาะจับผิวหนังเมื่อถูกความเย็นจนแข็งตัว คุกรุ่นด้วยความทรมานสืบเนื่องประหนึ่งร่างทั้งร่างกลายเป็นภูเขาไฟรอเวลาระเบิด ประตูอาคารหลังแล้วหลังเล่าที่ผมเดินเข้าออก...

รักเล็กๆ ในมหาศาล ในมหานคร : ตอนที่ 14

0
- ๑๔ - .................. ผมนั่งรถเมล์ผิดสายหลงทางไปไกล กว่าจะหาคันที่ผ่านสนามหลวงกลับมาเริ่มตั้งหลักได้ก็เกือบสี่ทุ่ม ถึงหน้าปากซอยเข้าโรงงานผมเดินเท้าไปช้าๆ ด้วยความรู้สึกหนาวในอก และเปล่าเปลี่ยวในดวงชีวิต ไออุ่นและความสุขที่เคยสัมผัสใกล้ชิดเหมือนพรากจากไปชั่วกาล พรุ่งนี้ตื่นเช้าขึ้นมาทำงานหน้าเตา ไม่มีดวงตาคอยจ้องมองจากโต๊ะห่อเทียน และบนหน้าต่างห้องพักคนงานหญิง ไร้ซึ่งรอยยิ้มที่คอยส่งผมเข้านอน นานแค่ไหนกว่าไออุ่นแห่งรักจะหวนคืน ผมเพิ่งรู้ และเพิ่งเข้าใจตอนนี้เองว่ายามที่ใครรอคอยคนรักที่พรากจากไป ชีวิตนับเป็นนาที เนิ่นช้า ยาวนาน และทรมานราวกับคนขาดอากาศหายใจ ผมรักเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือว่ามันค่อยๆ ซึมซับมากับสัมผัส ไม่ว่ามือที่จับกระชับ อ้อมแขน ไออุ่น และความผูกพันที่มากขึ้นเรื่อยๆ กว่าจะรู้ว่าผมรักเธอมากขนาดนี้ก็ในวันพรากจากกัน ผมเดินไปข้างหน้าเหมือนคนไม่มีชีวิตจิตใจ...

รักเล็กๆ ในมหาศาล ในมหานคร : ตอนที่ 13

0
- ๑๓ - .................. จ้อยผละจากเตาไปยังแทงค์น้ำเย็นหน้าห้องคุณพิชัย หายไปนานจนผมคิดว่าเขาเข้าไปคุยกับนักออกแบบเทียนไข จ้อยไม่ได้เข้าไปขอความรู้เรื่องแต่งเทียนอันพิสดาร หรือความลึกล้ำแห่งลายไทยซึ่งคนอย่างเขาไม่เคยรู้จักทั้งศาสตร์และศิลป์ เขาชอบคุยเรื่องเพลงและคารมที่จะใช้จีบสาว จากนั้นก็ฉวยโอกาสดูการบังคับมือของคุณพิชัย ทั้งการแกะสลักลายเทียน ลากปากกาเขียนแบบ เขาอยากเขียนจดหมายลายมือสวยๆ ส่งไปจีบสาว มือเรียวยาวของคุณพิชัยมั่นคง ไม่ว่าในยามแต่งเทียนหรือเขียนอะไรลงบนสมุด ตัวอักษรเบียดชิดกันอย่างเป็นระเบียบ ทิ้งระยะห่างเท่ากันเหมือนมีบรรทัดวิเศษในใจ นั่นเป็นความฝันซึ่งไม่มีวันเป็นจริงได้ของจ้อย ทุกครั้งที่เขาวกกลับมาสำรวจลายมือไก่เขี่ยของตัวเอง เสียงบ่นดังๆ ตามมา ทำไงจะลายมือสวยสักเสี้ยวหนึ่งของคุณพิชัย ผมยกกระป๋องน้ำเทียนเทลงในถังแยกแทนเขา ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง จ้อยยิ้มร่ามาพร้อมจดหมายในมือ ยักไหล่และซอยเท้าเหมือนจะเต้นบั๊ม เขาอวดจดหมายที่สาวๆ...

รักเล็กๆ ในมหาศาล ในมหานคร : ตอนที่ 12

0
- ๑๒ - .................. ผมเดินเข้าห้องเถ้าแก่ตามลำพังเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ามาเป็นคนงานที่นี่ เท้าเปล่าย่ำไปบนพรมหนานุ่ม ตวัดหางตามองผ่านรูปขยายใหญ่ของชายเตี้ยในชุดขาวล้วนประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเกริกเกียรติ เผชิญหน้ากับตู้กระจกใบใหญ่ซึ่งอัดแน่นไปด้วยโล่เกียรติยศ ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเจ้านาย หน้าตาผมคงเครียดเล็กน้อยด้วยความกังวล เดาไม่ถูกว่าเถ้าแก่เรียกเข้าพบด้วยสาเหตุใด อาจเพราะความผิดหลายประการที่เฮียคุงเก็บรายละเอียดสะสมเอาไว้ แล้ววันดีคืนดีแกก็กล่าวรายงานชนิดดอกทบต้น ความผิดประดามีหนักบ้างเบาบ้างคงถึงเวลาส่งขึ้นศาลเถ้าแก่เตี้ย ทั้งส่งจ้อยบุกรุกห้องพักคนงานหญิงยามวิกาล เท่านั้นยังไม่พอ ไม่กี่วันถัดมาผมก็ล้ำเข้าไปในแดนต้องห้าม เสี่ยเตี้ยเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยอาการสงบ สีหน้าเรียบเฉยราวกับผิวเทียนที่ถูกแช่แข็งมานานแรมปี ดวงตารูปสามเหลี่ยมใต้คิ้วหยักสั้นจ้องมองมายังผมเงียบๆ ค่อยๆ กระเถิบแผ่นหลังห่างเบาะพิง หยิบถ้วยกระเบื้องใบเล็กบรรจุน้ำสีแดงๆ มาวางลงตรงหน้าผม “เหล้าดองยาจีน กินบำรุงร่างกาย” แกขยับมุมปากยิ้มเป็นครั้งแรก คล้ายความห่วงใยที่เจ้านายมีต่อผู้รับใช้ และแฝงคำสั่งเด็ดขาดอยู่ในที ผมยกถ้วยจ่อปากและดื่มรวดเดียว...

รักเล็กๆ ในมหาศาล ในมหานคร : ตอนที่ 11

0
๑๑ .................. ยอดสั่งและยอดขายเทียนไขเพิ่มสูงขึ้น วันหยุดของคนงานห่อเทียนทั้งรายเดือนและรายวันมีอันต้องหายไป เถ้าแก่ย้ำเสมอว่าประเทศพุทธศาสนาต้องใช้เทียนจุดบูชาพระ ทั้งพระสงฆ์ที่เดินเหินไปไหนมาไหนได้ บิณฑบาตภิกขาจารและสวดมนต์ได้ไพเราะ พระพุทธรูปน้อยใหญ่และพระประธานในอุโบสถ รวมไปถึงพ่อพระแม่พระส่วนตัวของแต่ละครอบครัว เท่านั้นยังไม่พอ ศาลเจ้า ศาลพระภูมิ และศาลเพียงตาต่างๆ ก็ยังต้องใช้เทียน ไม่เพียงศาสนาพุทธ ลัทธิหรือศาสนาอื่นๆ ต่างก็พึ่งแสงสว่างจากเทียนไข ชีวิตมนุษย์ก็เช่นเดียวกัน ไม่ว่าตอนคลอดออกจากครรภ์มารดา หรือถูกส่งร่างลงไปฝังดินล้วนเกี่ยวข้องกับเทียนไขทั้งสิ้น แถมตอนมีชีวิตอยู่ยังต้องฉลองวันเกิดกันคนละหลายรอบ ฉะนั้นคนทำเทียนไขจึงต้องอดทน เสียสละ อุทิศตน และตระหนักในความสำคัญอันยิ่งใหญ่ตัวเองว่าทำงานเพื่อประเทศชาติ วันหยุดที่ไหมน้อยและคนงานห่อเทียนพร้อมหน้ากันรับใช้ชาติ จ้อยขาดเพื่อนร่วมทางอย่างผองเหล่าสี่สหาย ผมพาเขาไปเยือนทางรถไฟ ผ่านตรงที่เคยนอนตากน้ำค้างจ้อยหัวเราะก๊าก...

รักเล็กๆ ในมหาศาล ในมหานคร : ตอนที่ 10

0
- ๑o - .................. ผมสังเกตแสงไฟบนห้องพักชั้นสาม พี่แดงและคนห่อเทียนรายเดือนอีกสองน่าจะยังอยู่กันครบ ครั้นลดสายตาต่ำลง ชั้นล่างกลับมืดสนิท เฮียคุงกลับมาจากไปเยี่ยมอาม่าที่แม่กลองแล้ว นั่นแสดงว่าหากแกไม่เข้านอนแต่หัวค่ำก็ออกไปข้างนอก ถ้าเป็นเช่นนั้น หากไม่ฝากธุระไว้กับพี่แดง แกอาจพกลูกกุญแจไขประตูพวงใหญ่ติดตัวไปด้วย ผมเดินย้อนจากด้านหลังมาถึงหน้าประตูซึ่งไหมน้อยยืนหิ้วถุงเสื้อยืด ใบหน้าของเธอซีดลงด้วยความกังวล ผมฝืนยิ้มปลอบเธอเป็นเชิงส่งสัญญาณด้านบวก ปัญหานี้พอแก้ไขได้ไม่ยาก ไม้ตายสุดท้ายที่คิดสำรองไว้ก็เจ้าต้นเขียวเสวยข้างกำแพง ไม่มีตัวช่วยไหนจะดีไปกว่าเพื่อนร่วมงานเสียงดังและใจกล้า เดินเข้าบ้านพัก ถึงห้องเจอหน้าจ้อยผมใจชื้น เขานั่งคุยกับคนงานใหม่ซึ่งเฮียคุงให้มาช่วยหน้าเตา “เขาไปกันหมดแล้วมึง” จ้อยเงยหน้าขึ้นพูด “ใครไปไหน” ผมถาม “ภูเขียวกับอีกสามคน ลาออกกันหมดเลย” ผมเงียบ เคยแว่วยินเสียงบ่นมาบ้าง ภูเขียวและคนเทเทียนทั้งหมดมีปัญหากับการมาของเฮียคุง เช้าที่พวกเขาเคยตื่นทำงานกันแบบสบายๆ...

รักเล็กๆ ในมหาศาล ในมหานคร : ตอนที่ 9

0
- ๑๒ - .................. ส้มตำบนผืนเสื่อในสวนหย่อมข้างม้าหินที่ผมเคยอาศัยนอนตากยุงรสเผ็ดจัดจ้าน ไหมน้อยแก้มแดงระเรื่อ ร่มเงาแห่งเมืองขับผิวของเธอขาวผ่อง ฝ้าแดดบนสองข้างแก้มเหมือนไม่เคยปรากฏ ริมฝีปากแดงด้วยเลือดฝาดและความเผ็ดของพริก จมูกรั้นน้อยๆ ของเธอพลอยแดงก่ำไปด้วย เรากินส้มตำ จ้องมองสายน้ำไหล และก็จ้องตากันยิ้ม ๆ บทหนังรักบางเรื่องที่ผมเคยดูผุดขึ้นมาในห้วงคะนึง ...กระจกที่ส่องหน้าหญิงสาวได้งามที่สุด ไม่ต้องไปหาจากที่อื่นใด หากอยู่ในดวงตาของชายหนุ่มที่รักเธออย่างสุดหัวใจ ความงามสง่าและหล่อเหลาเอาการของชายหนุ่มไม่ต่างไปจากนั้น โดยเฉพาะดวงตาของไหมน้อยซึ่งคอยตามติดผมเท่าที่เธอจะสามารถทำได้ เราออกจากโรงงานตั้งแต่เช้า อากาศค่อนข้างเย็น ผมสวมหมวกไหมพรมและผ้าพันคอที่ไหมน้อยถักให้ เธอเอนร่างพิงไหล่ผมขณะนั่งอยู่บนเบาะรถเมล์ จนกระทั่งถึงลานหญ้าในส่วนหย่อมริมน้ำ เรานั่งลงข้างกันบนเสื่อ เรากินส้มตำและข้าวเหนียวในก่องเล็กๆ ไหมน้อยปั้นข้าวเหนียวยกขึ้นสูดดม “ข้าวเก่าไม่หอม” เธอว่า “ถ้าอยู่บ้านตอนนี้...

รักเล็กๆ ในมหาศาล ในมหานคร : ตอนที่ 8

0
- ๘ - .................. ชายร่างสูงโย่งเกือบหกฟุต แม้อายุน่าจะย่างเข้าห้าสิบกลางๆ แต่ยังกำยำล่ำสัน หน้ากระดูก คางแหลม จมูกงุ้มพิมพ์เดียวกับพ่อมดในนิยายฝรั่ง แกติดรถเถ้าแก่ร่างเตี้ยมาพร้อมกระเป๋าใบใหญ่ เปิดกระโปรงท้ายรถยกกระเป๋าลงมาแล้วเดินตามเถ้าแก่เข้าไปในห้องส่วนตัว อีกพักใหญ่ถัดมาแกก็ตามเจ้าของโรงงานมาเพื่อแนะนำตัว เทียบส่วนสูงกันแล้ว เตี่ยของเจ้าต้นสนสูงไม่ถึงไหล่ของชายหน้ากระดูก แต่ฝ่ายหลังก็เดินตามชายซึ่งเตี้ยกว่าต้อยๆ เหมือนถูกจูง แนะนำตัวกับคนเทเทียนทั้งสี่แล้ว เสี่ยเตี้ยเคลื่อนกายม่อต้อของแกไปยังโต๊ะห่อเทียน เป็นวันที่แม่ครัวประจำโรงงานมานั่งอยู่ด้วย พี่แดงจึงได้รับการแนะนำในฐานะคนเก่าแก่ที่สุด จากนั้นก็เป็นคนที่อยู่ประจำ ส่วนคนงานรายวันไปกลับได้รับการแนะนำแบบรวมหมู่ทีเดียวจบ ขณะทั้งสองเดินผ่านหน้าเฮียคังและแนวเทียนไขที่วางกองไว้หลังการหั่นท้ายอย่างประณีตหมดจดไปทุกเล่มแล้ว เฮียคังเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วหยิบมีดเล่มใหญ่อันคมกริบของแกกดลงบนเป้าหมาย ไม่มีการแนะนำผู้มาใหม่ เถ้าแก่พาร่างเตี้ยๆ ของแกตรงลิ่วมายังหน้าเตา “หัวหน้าคุมเตา”...
error: Don\'t copy !!!