เทคโลโลยีทำให้โลกที่เคยกว้างใหญ่ใบนี้แคบลงและเชื่อมถึงกันง่ายขึ้น แต่ละคนมีเฟรนด์ลิสต์ในโซเชียลมีเดียหลักร้อยหลักพันคน แต่ทำไมกลับรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยวมากขึ้น หากวันนี้คุณมองไปแล้วไม่เห็นใคร อย่างน้อยให้หนังสือได้เป็นเพื่อนปลอบโยนหัวใจก็ยังดี ถนนวรรณกรรม ขอแนะนำสำนักพิมพ์ Springbooks ซึ่งมีชื่อเสียงในการทำหนังสือฮีลใจ เช่น เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด, โตขึ้นจึงรู้ว่า, เพราะไม่สมบูรณ์แบบจึงงดงาม, แค่โตไปเป็นคนธรรมดา ฯลฯ ผ่านการคัดสรรโดยบรรณาธิการคนเก่ง พรชนก บัวสุข หนังสือของสำนักพิมพ์นี้จะเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆ ช่วยให้เราผ่านความเจ็บปวดและคอยเติมเต็มความสุขในแต่ละวัน
จุดเริ่มต้นของสำนักพิมพ์
สปริงบุ๊กส์เป็นสำนักพิมพ์ในเครืออมรินทร์ฯ ซึ่งมีหนังสือหลากหลายแนวตอบโจทย์คนอ่านแทบทุกวัย ทว่ากลับยังไม่มีหนังสือสำหรับคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ จึงเกิดเป็นสำนักพิมพ์สปริงบุ๊กส์ขึ้น เพื่อรองรับผู้อ่านกลุ่มนี้
ก่อตั้งมาแล้วกี่ปี
สำนักพิมพ์เปิดตัวเดือนกันยายน 2554 และครบรอบ 12 ปี ในปี 2566 นี้
ที่มาของชื่อสำนักพิมพ์
มาจากปณิธานแรกที่อยากทำหนังสือซึ่งช่วยพัฒนาและยกระดับความคิดและจิตใจของผู้อ่าน จึงนึกถึงสปริง เพราะอยากเป็นหนังสือที่ดึงคนอ่านให้กระโดดสูงขึ้น นอกจากนี้คำว่า Spring ยังหมายถึงฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นฤดูแห่งการเริ่มต้นอีกด้วย
แนวทางหนังสือของ Springbooks
สปริงบุ๊กส์ผลิตหนังสือหลากหลายแนวเพื่อตอบโจทย์คนอ่านที่หลากหลาย มีทั้งความเรียง บทความเกี่ยวกับชีวิตและความสัมพันธ์ รวมถึงจิตวิทยาพัฒนาตนเอง ทั้งงานของนักเขียนไทยและที่แปลมาจากภาษาอื่น ส่วนใหญ่มักแปลจากเกาหลีเพราะบริบทใกล้เคียงกับบ้านเรา
เอกลักษณ์อันแตกต่างจากสำนักพิมพ์อื่น
เรามีหนังสือซึ่งเนื้อหาตอบโจทย์คนอ่านที่หลากหลาย ทั้งของนักเขียนไทยและนักเขียนต่างประเทศ รวมถึงมีวิธีการนำเสนอหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นความเรียง บทความ หรือจะเล่าเรื่องผ่านภาพ และเรายังมีช่องทางโซเชียลมีเดียที่มีฐานผู้ติดตามอันแข็งแกร่ง ไว้สื่อสารและรับฟีดแบ็กจากผู้อ่านโดยตรง เพื่อพัฒนาและผลิตหนังสือที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ นอกจากนี้สปริงบุ๊กส์ยังออกหนังสือใหม่อย่างสม่ำเสมอ ผู้อ่านสามารถเลือกสรรเล่มที่เหมาะกับความต้องการหรือความสนใจในแต่ละช่วงได้อยู่ตลอด
เกณฑ์การคัดเลือกผลงานที่จะนำมาตีพิมพ์
เกณฑ์ในการคัดสรรต้นฉบับทั้งของนักเขียนไทยและงานแปลจากนักเขียนต่างประเทศ หลักๆ เราคำนึงถึงผู้อ่าน ตอนคัดเลือกจะพยายามดูว่าเล่มนี้เหมาะกับใคร ใช่กลุ่มเป้าหมายของสำนักพิมพ์เราไหม รวมถึงขอบข่ายเนื้อหาแต่ละเล่มว่าเป็นเรื่องที่กลุ่มเป้าหมายเราให้ความสนใจ หรือมีแนวโน้มว่าจะสนใจหรือไม่ และอาจต้องประเมินไปถึงว่า กว่าหนังสือเล่มนี้จะออกมาเป็นเล่ม ประเด็นที่พูดถึงนั้นจะเอ้าท์หรือหมดความน่าสนใจไปแล้วหรือยัง สังเกตได้ว่าหนังสือของสปริงบุ๊กส์ส่วนใหญ่มีเนื้อหาค่อนข้าง timeless เข้ากับทุกยุคทุกสมัย ตัวอย่าง เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด แม้หนังสือเล่มนี้ออกมา 11 ปีแล้ว แต่ยังคงโดนใจผู้อ่าน ไม่เพียงแค่นักอ่านวัยรุ่นเท่านั้น แต่คนที่เคยอ่านเล่มนี้ช่วงวัยรุ่น เมื่อได้กลับมาอ่านอีกครั้ง สิ่งที่ได้จากหนังสือเล่มนี้อาจแตกต่างกับสมัยอดีต เปลี่ยนแปลงไปตามช่วงวัยที่ได้อ่าน
แล้วมีเกณฑ์คัดเลือกผลงานนักเขียนไทยอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนว self-help ให้ข้อคิดและเสริมสร้างกำลังใจ ซึ่งมีการลอกเลียนกันมาก
คัดสรรโดยดูหลายๆ อย่างประกอบ ทั้งการนำเสนอ มีการเล่าเรื่องที่คนอ่านมีประสบการณ์ร่วมหรือเชื่อมโยงกับสิ่งที่ผู้เขียนถ่ายทอดหรือไม่ เล่าเรื่องในแบบฉบับเฉพาะตัวรึเปล่า บางทีประเด็นที่พูดถึงอาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เราเชื่อว่าทุกคนต่างก็มีเรื่องเล่าเป็นของตนเอง อยู่ที่ว่านักเขียนแต่ละคนจะปรุงแต่งเรื่องเล่าของออกมาอย่างไร
หนังสือแปลของเกาหลีกำลังมาแรง ทำไมหนังสือของประเทศนี้ถึงน่าสนใจและครองใจนักอ่าน
คนไทยค่อนข้างสนใจและอินกับวัฒนธรรมเกาหลีอยู่แล้ว ทั้งจากศิลปิน ซีรีส์ หรือแม้แต่อาหาร ประกอบกับบริบทสังคมมีความใกล้เคียงกัน ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันที่สูง ความกดดันในการใช้ชีวิต ฯลฯ หนังสือเกาหลีหลายเล่มจึงสามารถเชื่อมโยงกับนักอ่านไทยได้ นอกจากนี้เนื้อหา ภาพปก และภาพประกอบยังมีเอกลักษณ์ จนโดนใจใครหลายคน ทำให้หนังสือที่แปลจากภาษาเกาหลีเลยถูกจริตนักอ่านไทยค่อนข้างมาก
แนวโน้มของตลาดหนังสือ Springbooks เป็นอย่างไร
ถ้ามองย้อนกลับไปจะพบว่าสปริงบุ๊กส์ก็มีการปรับเปลี่ยนมาตลอดตามความสนใจของคนแต่ละช่วง แนวทางของหนังสือที่เราทำเองในช่วงเริ่มก่อตั้ง เทียบกับปัจจุบันก็ค่อนข้างแตกต่างกันพอสมควร ภาพรวมหนังสือของสปริงบุ๊กส์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงฐานคนอ่านก็เพิ่มขึ้น มีนักอ่านหน้าใหม่เกิดขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
Key success ที่ทำให้สำนักพิมพ์ดำเนินธุรกิจจนหนังสือติดตลาด
การทำความเข้าใจและรู้ถึงความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการปรับตัวและเติบโตไปด้วยกันกับคนอ่าน
ความท้าทายของการทำหนังสือ
น่าจะเป็นการสร้างสรรค์หนังสือที่ทำให้คนอ่านเซอร์ไพรส์อยู่เสมอ ดีใจทุกครั้งที่มีคนบอกว่าเริ่มอ่านหนังสือเพราะสปริงบุ๊กส์ หรือกลายเป็นนักอ่านและตกหลุมรักหนังสือจากผลงานของสำนักพิมพ์เรา สปริงบุ๊กส์จึงไม่หยุดชาเลนจ์ตัวเอง เพื่อสร้างนักอ่านหน้าใหม่ให้มากขึ้น
3 เล่มที่อยากแนะนำจากสำนักพิมพ์ Springbooks
- เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด
เขียนโดย คิมรันโด; แปลโดย วิทิยา จันทร์พันธ์
เป็นเล่มที่ขายดีตลอดกาลของสำนักพิมพ์ แม้จะออกมา 11 ปีแล้ว ก็ยังคงติดอันดับขายดีอย่างต่อเนื่อง เป็นหนังสือที่วัยรุ่นอ่านดี วัยอื่นๆ อ่านได้ สำหรับผู้ที่ต้องการใครสักคนที่เข้าใจ คอยให้คำแนะนำ ขณะเดียวกันก็เป็นเหมือนเพื่อนสนิท หนังสือเล่มนี้ตอบโจทย์สุดๆ
- นี่เราใช้ชีวิตยากเกินไปหรือเปล่านะ
เขียนโดย ฮาวัน; แปลโดย ตรองสิริ ทองคำใส
เป็นเล่มที่ชวนให้เราตั้งคำถามว่าชีวิตที่เป็นอยู่ใช่สิ่งที่เราต้องการจริงๆ หรือเปล่า หากทำสิ่งนี้แล้วสุดท้ายเราจะมีความสุขไหม หนังสือเล่าถึงเรื่องราวของผู้เขียน คุณฮาวันซึ่งลาออกจากงานประจำมาเป็นฟรีแลนซ์ และมีสไตล์การเล่าเรื่องสุดกวน เล่มนี้กระตุ้นให้เราทบทวนชีวิตได้อย่างน่าสนใจ
- คนที่เราควรใจดีด้วยที่สุดก็คือตัวเราเอง
เขียนโดย 11 นักเขียน
หนังสือที่พูดถึงการรักตัวเองโดยนักเขียน 11 คน ผ่านการเล่าเรื่องหลากหลายรูปแบบ มีทั้งหมด 5 พาร์ต 1. บทเรียนที่ทำให้รักตัวเองมากขึ้น 2. เพราะเราต่างมีช่วงเวลาที่ลืมว่าตัวเราสำคัญที่สุด 3. ความรักกับการรักตัวเอง 4. Love Yourself Conversation
และ 5. จดหมายถึงตัวเองใน 11 ปีข้างหน้า
คอลัมน์: ถนนวรรณกรรม
เรื่อง: ภิญญ์สินี
ภาพ: Springbooks