เรื่องบางเรื่องไม่ต้องพูดก็ได้

-

 

เรื่องบางเรื่องไม่ต้องพูดก็ได้

เมื่อปี 2022 ซีอีโอบริษัทดิสนีย์กล่าวต่อสื่อมวลชนว่า ภาพยนตร์ที่บริษัทของเขาสร้าง ไปได้ดีโดยไม่ต้องพึ่งตลาดจีน

เขายกตัวอย่างหนังเรื่อง Doctor Strange in the Multiverse of Madness ไม่ต้องฉายในเมืองจีน ก็กวาดรายได้ถล่มทลาย ทำเงิน 500 ล้านดอลลาร์ในอาทิตย์เดียว

พูดตรงๆ คือ ไม่ต้องง้อตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่แห่งหนึ่งในโลก

ผลก็คือเกิดกระแสต่อต้านดิสนีย์ในจีน เพราะรู้สึกว่าคำพูดดังกล่าวโอหังเกินไป

พูดแบบนี้เหมือนได้ดีแล้วลืมผู้มีพระคุณ

พวกเขาชี้ว่าเมืองจีนเคยเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัทดิสนีย์มาก่อน ตัวอย่าง เช่น เรื่อง Avengers: Endgame ทำเงินในจีนเท่ากับ 22 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมดทั่วโลก

ผลที่ตามมาอาจกระทบต่อหนังเรื่องอื่นๆ ของดิสนีย์ที่ไม่สามารถทำเงิน 500 ล้านดอลลาร์ในอาทิตย์เดียว อย่าง Doctor Strange

เรื่องนี้จะไม่เป็นประเด็นใดๆ และไม่สร้างความเสียหายใดๆ ต่อองค์กร หากซีอีโอรู้จักไม่พูด

เขาลืมไปว่าเรื่องบางเรื่องพูดไปแล้วไม่เกิดประโยชน์อะไร ต่อใครทั้งสิ้น

เขาอยู่เงียบๆ ไม่ต้องพูดก็ได้

คนบางคนอยู่ไม่เป็น

…………………

ปัญหาและการทะเลาะกันส่วนหนึ่งของชาวโลกมาจากการพูดสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องพูด แต่พูดเพราะคันปาก

หลายคนติดนิสัยพูดตอนที่ควรฟัง พูดตอนที่ควรจะเงียบ

บ่อยครั้งคำพูดที่ปลดปล่อยออกมาสะท้อนความโง่เขลาเบาปัญญา ความไม่รู้

นักเขียน มาร์ก ทเวน จึงเขียนว่า “หุบปากของท่าน และให้คนอื่นคิดว่าคุณโง่ ดีกว่าเปิดปากและทำให้คนสิ้นสงสัย”

แต่คนจำนวนมากไม่อาจฝ่าด่าน ‘หุบปาก’ พ้น เพราะมีอาการที่เรียกว่า ‘คันปาก’ หนักกว่า

ไม่เฉพาะแต่เรื่องธุรกิจ ในการใช้ชีวิตทั่วไป ก็ไม่ต้องพูดทุกอย่าง

ในชีวิตประจำวันของเรา คนจำนวนมากก็เผลอลืม หรือไม่รู้ว่ากำลังพูดในเรื่องไม่จำเป็นต้องพูด ยกตัวอย่าง เช่น ญาติซื้อของขวัญหรือขนมมาฝาก ก็บอกว่า “ซื้อมาทำไม? ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องซื้อมาให้”

อาจจะจริงที่เราบอกเขาแล้วว่า ไม่ต้องซื้อ แต่ในเมื่อเขาซื้อมาฝากถึงที่แล้ว ก็แค่กล่าวคำขอบคุณ ประโยค “ซื้อมาทำไม?” ไม่มีประโยชน์อะไรในสถานการณ์นี้

บางครั้งพบเพื่อนเก่า ก็ทักว่า “อ้วนไปหรือเปล่า?”

พูดไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร อาจทำให้อีกฝ่ายอึดอัด เพราะเขาหรือเธออาจกำลังกลุ้มใจว่าอ้วน

นักการเมืองชอบพูด “เราจะโค่นอีกฝ่ายให้ราบ” หรือ “เราจะไม่เหลือคะแนนเสียงให้อีกฝ่าย”

ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับใคร

บางคนก็พูดประโยคหรือวลีที่ไม่จำเป็น จนติดเป็นนิสัย

ประโยคฮิตคือ “ฉันว่าแล้ว”

“รู้งี้…”

“บอกแล้ว”

“เห็นมั้ย”

…………………

โซเชียล มีเดีย ทำให้การพูดกันง่ายขึ้น เร็วขึ้น ผลก็คือคนพูดมากขึ้น พูดโดยไม่ต้องคิด

โลกจึงเต็มไปด้วยขยะความคิดที่ไม่เกิดประโยชน์อะไร

นักเขียน นักปรัชญาชาวอิตาเลียน อุมแบร์โต เอโก (Umberto Eco) เขียนว่า “โซเชียล มีเดีย ให้สิทธิกลุ่มงี่เง่าพูดเรื่องที่แต่ก่อนพวกเขาพูดกันเฉพาะในบาร์หลังดื่มไวน์สักแก้ว โดยไม่สร้างความเดือดร้อนต่อสังคม แล้วพวกเขาก็ถูกเอ็ดให้เงียบ แต่เดี๋ยวนี้พวกเขามีสิทธิในการพูดเหมือนกับผู้รับรางวัลโนเบล มันคือการรุกรานของพวกงี่เง่า”

พูดไปแล้วไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ไม่ทำให้โลกสว่างไสวขึ้น ไม่ทำให้สายลมเย็นสดชื่น ไม่ทำให้นกร้องไพเราะกังวาน ก็อย่าพูด

ดังนั้นหากจะใช้ชีวิตให้เป็น ควรถือเป็นหลักปฏิบัติ ก่อนเอ่ยประโยคใดๆ ถามตัวเองว่า ถ้าพูดไปมีอะไรดีขึ้นไหม

ถ้าไม่มี ก็ไม่ต้องพูด

คันปากดีกว่าพูดไปแล้วทำให้คนฟังคันอวัยวะบางส่วน


คอลัมน์: ลมหายใจ เรื่องและภาพ: วินทร์ เลียววาริณ

All Creative Team

Writer

ร่วมสร้างสังคมอุดมปัญญา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!