บทเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนได้รับการประกาศยกย่องจากวรรณคดีสโมสรในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวว่าเป็นยอดของวรรณคดีคำกลอน วรรณคดีเป็นประณีตศิลป์ชั้นสูงที่ใช้ภาษาเป็นสื่อในการแสดงออกถึงความงดงามดังนั้นผู้ที่จะเข้าถึงความงามของวรรณคดีจึงต้องเข้าใจภาษาและวัฒนธรรมในยุคที่แต่งวรรณคดีเรื่องนั้นอย่างแจ่มแจ้ง
เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนเป็นเรื่องราวที่ถ่ายทอดวิถีชีวิต วัฒนธรรม รวมทั้งภาษาของชนชั้นกลางสมัยอยุธยาตอนปลายถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้นได้กระจ่างชัดที่สุดเรื่องหนึ่ง สำนวนกลอนที่เราได้อ่านนี้แต่งขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ดังนั้นคนรุ่นเก่าที่ยังร่วมสมัยกับวัฒนธรรมเดิมจึงอ่านเสภาขุนช้างขุนแผนได้อย่างรู้แจ้งแทงตลอด แต่คนรุ่นใหม่ที่เติบโตขึ้นมาในสังคมยุคปัจจุบันซึ่งวัฒนธรรมเปลี่ยน ทั้งภาษาก็เปลี่ยน จึงอาจไม่เข้าใจเรื่องนี้ได้ลึกซึ้งเทียบเท่าคนรุ่นเก่า บางครั้งนำแนวคิดรุ่นใหม่ไปตั้งประเด็นวิพากษ์วิจารณ์จนกลายเป็นข้อโต้แย้งทางวิชาการก็เคยมีมาแล้ว และคงจะต้องมีอีก
ขุนแผนยอดทหารแห่งกรุงศรีอยุธยานอกจากจะเป็นตัวเอกในบทเสภาแล้ว ยังมีชื่อกล่าวไว้ในคำให้การชาวกรุงเก่า ซึ่งฝ่ายพม่าจดบันทึกจากปากคำของเชลยศึกชาวไทยที่กวาดต้อนไปเมื่อเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ว่า ขุนแผนเป็นทหารกล้า มีวิทยาคมอยู่ยงคงกระพัน ในบทเสภาระบุว่าขุนแผนเป็นแม่ทัพไปตีเมืองเหนือ 2 ครั้ง ครั้งแรกไปรบเมืองเชียงทอง ได้นางลาวทอง สามารถเอาชนะทัพพระเจ้าเชียงใหม่แต่มิได้ตีเมืองเชียงใหม่ ครั้งที่ 2 ปรากฏในตอนพลายงามอาสา เป็นเวลาที่ขุนแผนติดคุกอยู่ พลายงามทูลขอให้ขุนแผนเป็นผู้คุมทัพไปตีเมืองเชียงใหม่ ครั้งนั้นขุนแผนทูลขอสมัครพรรคพวกในคุกเพียง 35 คนเป็นไพร่พลยกทัพไปตีเมืองเชียงใหม่ กับพลายงามผู้บุตร
ก็แลไพร่พล 35 นายที่ขุนแผนขอเบิกตัวออกจากคุกล้วนแต่เป็นนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ มีทั้งตีชิงวิ่งราวและปล้นฆ่า แต่ละคนเป็นผู้เรืองอาคมอยู่ยงคงกระพัน เมื่อออกจากคุกแล้วต้องเข้าเฝ้าต้องถวายรายงานว่าตนเป็นใครมาจากไหนและต้องโทษด้วยคดีอะไร
๏ ข้าพเจ้าอ้ายพุกอยู่ลุกแก เมียชื่ออีแตพระเจ้าข้า
โทษปล้นให้รำระบำป่า ให้อีมารำรื้อไปมือเดียว
ถัดไปอ้ายมีบ้านยี่ล้น เมียชื่ออีผลปล้นตาเขียว
แทงถูกอีชังกำลังเยี่ยว ปากเบี้ยวล้มหงายน้ำลายฟด
ถัดไปไอ้ปานบ้านชีหน เมียชื่ออีสนปล้นบางปลากด
ผูกคอตาจ่ายกับยายรด เอาไฟจดจุดขนหล่นร่วงไป
ถัดนั้นอ้ายจันสามพันตึง เมียชื่ออีอึ่งบ้านเหมืองใหม่
พวกโจรปล้นขุนศรีวิชัย เอาไม้เสียบก้นแกจนตาย
นั่นเป็นตัวอย่างพฤติการณ์โจรของเหล่าทหารขุนแผน สถานที่ต่าง ๆ ซึ่งเป็นภูมิลำเนาและที่ก่อเหตุล้วนมีอยู่จริง เช่น บ้านลุกแก บางยี่ล้น บางชีหน บางปลากด สามพันตึง เหมืองใหม่ ฯลฯ ทีนี้ลองมาดูความเป็นจอมอาคมขมังเวทย์ของทหารเอกทั้ง 35 นายที่แสดงถวายพระพันวษาทอดพระเนตรท่ามกลางสาธารณชนเพื่อให้ทรงแน่พระทัยว่าพวกขุนแผนสามารถชนะศึกเชียงใหม่คราวนี้ได้
๏ นายบัวหัวกะโหลกบ้านโคกขาม ถวายบังคมงามแล้วออกหน้า
นอนหงายร่ายมนต์ภาวนา ให้เอาขวานผ่าเป็นหลายซ้ำ
โปกโปกขวานกระดอนนอนพยัก ไม่แตกหักลุกมาหน้าแดงก่ำ
นายคงเคราเข้านั่งบริกรรม ให้เอาหอกกรอกตำเข้าจำเพาะ
เอาเป็นว่า ในการแสดงถวายให้ทอดพระเนตร ไม่มีอาวุธชนิดใดทำอันตรายทหารชาวคุกทั้ง 35 นายได้ ขุนแผนตั้งทัพเอาฤกษ์เอาชัยที่วัดใหม่ชัยชุมพลซึ่งวัดดังกล่าวก็มีอยู่จริง ปัจจุบันเรียกว่า“วัดใหม่ประชุมพล” อยู่ในเขตอำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อออกเดินทัพนั้นก็มีพิธีสงฆ์พระสวดชยันโตตามตำราพิชัยสงคราม ขุนแผนให้นายจันสามพันตึงเป็นกองหน้า ครั้งนั้นทหารขุนแผนเตรียมอุปกรณ์ผ่อนคลายไปครบครัน
บ้างคอนกระสอบหอบกัญชา ตุ้งก่าใส่ย่ามตามเหงื่อไหล
บ้างเหล้าใส่กระบอกหอกคอนไป ล้าเมื่อไรใส่อึกไม่อื้ออึง
บ้างห่อใบกระท่อมตะพายแล่ง เงี่ยนยาหน้าแห้งตะแคงขึง
ถุนกระท่อมในห่อพอตึงตึง ค่อยมีแรงเดินดึ่งถึงเพื่อนกัน
ทหารยุคขุนแผนก้าวหน้าไปหลายร้อยปี เตรียมเวชภัณฑ์ผ่อนคลายทั้งกัญชาและใบกระท่อมพร้อม แบบนี้รบเมื่อไรก็มีแต่ “เราชนะ”
คอลัมน์: ตะลุยแดนวรรณคดี
เรื่อง: บุญเตือน ศรีวรพจน์
ภาพ: ขวัญญาณี ศิรธนอนันต์