เส้นทาง… มิตรภาพ

-

ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ทุกๆ ท่าน พระมหาสมปองมาแล้ว  มาพร้อมกับธรรมะอีกเช่นเคย ธรรมะอยู่กับชนกลุ่มใด ชนกลุ่มนั้นย่อมมีความสุข  ถ้าเรานำธรรมะมาใช้ในชีวิตประจำวัน ใช้ธรรมะเป็นแสงสว่างของสังคม พูดแบบตรงๆ คือ  ธรรมะใดก็ไร้ค่าถ้าไม่ทำ  ธรรมะใดก็มีค่าถ้าเราทำ  ธรรมะมากลำบากจดจำ  ธรรมะคำสองคำ  จำได้แน่นอน  ถ้าได้ฟังจะได้ยินแค่หู  ถ้าลองปฏิบัติดูจะรู้แก่ใจ

ธรรมะเป็นสิ่งรู้ได้เฉพาะตน  ธรรมะให้ผลได้ไม่จำกัดกาล  เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว  เพราะเหตุนี้  เราจึงไม่ใช่แค่รู้ธรรมะ  เราต้องเข้าใจธรรมะ  เพราะว่าคนที่รู้ธรรมะชอบเอาชนะคนอื่น คนที่เข้าใจธรรมะจะเอาชนะใจตนเอง  เราต้องเข้าใจ  เข้าถึง  พึ่งได้  ไม่ได้หาเสียงนะโยม

เข้าใจ คือ เข้าใจธรรมะ เข้าใจความเป็นจริงของโลก  ของสรรพสิ่งทั้งปวงว่า เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ทุกอย่างเป็นเช่นนี้เอง

เข้าถึง คือ รู้ธรรมะอย่างแจ่มแจ้ง เข้าใจสภาวะความสุข ความทุกข์ คำสรรเสริญเยินยอ และคำนินทา รู้ว่าสิ่งเหล่านี้เกิดมาคู่กับโลก เราต้องเข้าถึงธรรมะ จึงจะไม่เป็นทุกข์เพราะสิ่งเหล่านี้

พึ่งได้ เมื่อเราเข้าใจธรรมะ เข้าถึงธรรมะ ธรรมะย่อมเป็นพึ่งของหมู่สัตว์นั้นได้ เพราะสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ไม่ว่ากรรมดีหรือกรรมชั่ว เราย่อมเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น

ใครจะชั่วหรือเลว ก็เป็นกรรมของเขา

          ใครใส่ร้าย หรือนินทา ก็เป็นบาปของเขา

          เราเมตตา นิ่งสงบได้ ย่อมเป็นบุญของเรา

ผลแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ เราอาจหนีอำนาจกฎหมายบ้านเมืองได้ แต่เราหนีกฎแห่งกรรมไม่ได้ บางครั้งเราอาจไม่ได้รับผลในชาตินี้  ชาติต่อไปเราก็ต้องรับวิบากกรรมที่เราทำไว้อยู่ดี  ดังนั้น เพื่อสร้างวิถีทางแห่งกรรมดี  เราต้องบำเพ็ญความดีให้มากขึ้น เพื่อเป็นสะพานบุญของโลกนี้และโลกหน้า

เอาละโยม เกริ่นมาพอสมควร เข้าประเด็นกันดีกว่านะ  ฉบับนี้เราจะพูดถึงมิตรภาพ

โยม   มิตรภาพเกิดขึ้นที่ใด และสิ้นสุดตรงไหน

หลวงพ่อคะ (เรียกซะแก่เลยนะโยม…สภาพ) มิตรภาพเกิดขึ้นจากความรู้สึกดีต่อกัน และสิ้นสุดเพราะหมดความไว้วางใจ (ถูกต้องโยม)

แต่อาตมาขอบอกว่า มิตรภาพเกิดขึ้นที่สระบุรี สิ้นสุดที่หนองคาย  (แก๋ว) มันคนละมิตรภาพครับ หลวงปู่

มิตรภาพที่กำลังพูดถึงนี้คือ คนที่มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน แฟน ญาติพี่น้อง นะโยม

เมื่อพูดถึงเพื่อน โบราณมีคำพูดว่าเพื่อนกินหาง่าย  เพื่อนตายต้องเอาไปวัด ไม่ใช่เพื่อนตายหายาก สงสัยถูกฆ่าอำพรางศพ ไม่ใช่อย่างนั้น หมายความว่าเพื่อนกินหาที่ไหนก็ได้ มีเยอะแยะ แต่เพื่อนซึ่งพร้อมที่จะตายแทนกันได้นั้นหายาก นี่คือความหมายที่แท้จริง เหมือนคำกลอนที่พูดกัน

เมื่อมั่งมี มากมาย มิตรหมายมอง

เมื่อมัวหมอง มิตรมอง เหมือนหมูหมา

เมื่อไม่มี มิตรเมิน ไม่มองมา   

เมื่อมอดม้วย หมูหมา ไม่มามอง

น่าจะเป็นแบบนี้ ฉันใดก็ฉันเพล ไม่ใช่ ฉันใดก็ฉันนั้น

 

คำว่ามิตรแท้ไม่ได้หมายถึงประกันภัย ไม่ใช่มิตรแท้แบบนั้น มิตรแท้คือคนซึ่งพร้อมที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเรา คุณสมบัติของมิตรแท้มีดังนี้

หนึ่ง เผื่อแผ่แบ่งปัน พร้อมที่จะแบ่งปันเพื่อนเสมอ เมื่อเรามี เห็นเพื่อนลำบาก ก็พร้อมที่จะแบ่งปัน ไม่ใช่แค่สิ่งของ แต่รวมถึงมันสมองและปัญญาก็ยินดีช่วย

สอง พูดจามีน้ำใจ ให้เกียรติเพื่อน แนะนำในทางที่ดีให้แก่เพื่อน  กล่าววาจาที่ให้กำลังใจแก่เพื่อน บางครั้งต้องตักเตือนบ้าง  แต่ก็เป็นคำพูดที่ให้สติ

สาม ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เมื่อเห็นเพื่อนลำบากก็ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ นอกจากทรัพย์ก็ยังช่วยเหลือด้วยกำลังกายและกำลังใจ

สี่ ร่วมสุขร่วมทุกข์ด้วยกัน เวลาทุกข์ยากลำบากก็อยู่เคียงข้าง ไม่ทิ้งเพื่อนไปไหน เวลาที่มีความสุขก็ยินดีกับเพื่อนด้วย

ห้า ซื่อสัตย์จริงใจต่อกัน สิ่งนี้สำคัญสุด หากว่ามีความซื่อสัตย์ความจริงใจให้กัน สี่ข้อทั้งหมดย่อมเกิดขึ้นแก่เพื่อนแน่นอน

 

โยมทั้งหลาย เราใช้เวลาหลายปีในการสร้างมิตรภาพ แต่บางคนกลับทำลายด้วยคำพูดไม่กี่คำ ดังนั้นก่อนพูดอะไรต้องไตร่ตรองให้ดี คำว่าเพื่อนไม่ว่าจะเขียนอย่างไร ความหมายก็เหมือนเดิม เพื่อนซี้ไม่ได้คบกันแค่วันสองวัน แต่เพื่อนซี้นั้นเราคบกันไปจนวันตาย

โยมทุกท่าน การได้รู้จักใครสักคนไม่ใช่เรื่องยาก แต่การได้รู้ใจใครสักคน และเป็นเพื่อนสนิทนั้นเป็นเรื่องยาก    บางคนคบเพียงเพื่อรู้จัก แต่บางคนเราคบจนเป็นคนรู้ใจ เจริญพร


คอลัมน์: ธรรมะอมยิ้ม / เรื่อง: พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต  ภาพ: ขวัญญาณี ศิรธนอนันต์

 

All Creative Team

Writer

ร่วมสร้างสังคมอุดมปัญญา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!