คำกล่าวที่ได้ยินบ่อยๆ ว่า คนที่เป็นเพื่อนกันมักมีลักษณะบางอย่างคล้ายกัน หรือมีเคมีที่เข้ากันได้ คงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เพื่อนต่างเพศอย่าง ‘แจน’ พลอยชมพู ศุภทรัพย์ และ ‘ซิง’ หฤษฎ์ ชีวการุณ ถูกแซวขำๆ จนกลายเป็นคู่ที่แฟนคลับจิ้นกันภายหลัง โดยที่ทั้งสองไม่เคยมีผลงานซีรีส์ร่วมกันมาก่อนเลย ทว่าความหวังของแฟนคลับซึ่งอยากจะเห็นซีรีส์ที่ทั้งคู่แสดงด้วยกันกำลังเป็นจริง เมื่อเพื่อนซี้อย่างแจนและซิงได้มาประคบคู่กันในซีรีส์ที่เป็นข่าวเกรียวกราวตั้งแต่ประกาศสร้าง Cherry Magic 30 ยังซิง ซึ่งมีเค้าโครงมาจากการ์ตูนญี่ปุ่น อีกทั้งเคยสร้างเป็นซีรีส์เวอร์ชันญี่ปุ่นมาแล้ว แม้แจนและซิงจะไม่ใช่ตัวเอกของเรื่อง (ตัวเอกคือ ‘เต’ ตะวัน และ ‘นิว’ ฐิติภูมิ) แต่ก็เป็นบทสมทบที่สำคัญ ทั้งยังสร้างสีสันให้ซีรีส์เรื่องนี้ไม่น้อย เชื่อว่าเคมีระหว่างเพื่อนซี้ที่เข้ากันได้ดีจะไม่ทำให้แฟนๆ ผิดหวัง มาทำความรู้จักตัวตนและมิตรภาพของทั้งสองให้มากขึ้นจากบทสัมภาษณ์นี้กัน
‘แจน’ พลอยชมพู ศุภทรัพย์
1.
“ตอนเด็กๆ ขี้อายมาก ไม่กล้าคุยกับใคร ถึงคุยก็ไม่มองหน้า จะมองพื้นแทน แต่ไม่เคยคิดว่านิสัยนี้เป็นปัญหาเลยจนญาติมาทัก” แจนเล่าถึงสภาพจิตใจในวัยเด็ก “ตอนนั้นฉุกคิดว่า นิสัยนี้อาจเป็นข้อเสียของเรา จึงอยากปรับเปลี่ยนตัวเอง แก้ไขความขี้อายนี้ด้วยการทำกิจกรรมโรงเรียนทุกอย่าง ฝึกตัวเองให้ชินกับการถูกมอง ได้ร่วมงานกับคนเยอะๆ เลยเข้ามาลองทำงานวงการบันเทิงเพราะอยากพัฒนาตัวเอง
“มีโมเดลลิ่งทาบทามให้ไปแคสต์โฆษณา เราก็ลองไปดู แต่ใจจริงอยากเป็นนักร้อง แคสต์เท่าไหร่ก็ไม่ได้สักทีจนท้อ คนแคสต์ก็ดุ ยิ่งไม่อยากไปใหญ่ ตอนนั้นเพื่อนแนะนำว่าลองไปงานนี้ดู ถ้าไม่ได้ก็เลิก ถือว่าให้โอกาสตัวเองครั้งสุดท้าย ปรากฏว่าผ่าน หลังจากนั้นได้งานแทบทุกครั้งที่ไปแคสต์ จากเล่นโฆษณาก็มาเล่นเอ็มวี แล้วมีคนมาชวนไปแคสต์ที่ GMMTV ตอนนั้นบริษัทยังไม่ค่อยมีนักแสดงหญิงมากนัก ปรากฏว่าผ่าน เลยเป็นนักแสดงในสังกัดจนถึงวันนี้ก็นานประมาณ 7 ปีค่ะ”
2.
แต่ความใฝ่ฝันแรกเริ่มของแจนคือการร้องเพลง “ใช่ค่ะ พ่อหนูเป็นนักดนตรี เขาก็อยากให้เราเป็นนักร้อง พาเราร้องเพลงทุกวัน เรามีความสุขที่ได้ร้องเพลง เคยไปออดิชันค่ายเพลงเกาหลี เราชอบเกิร์ลกรุ๊ป เขาก็เรียกให้ไปฝึกที่เกาหลี ตอนนั้นหนูกำลังจะขึ้นปีหนึ่งพอดี ครอบครัวมองว่าไปเกาหลีก็ไม่แน่ว่าจะได้เดบิวต์ อยากให้เลือกเรียนหนังสือมากกว่า เราเลยหันมามุ่งเรียน” สาขาที่แจนเลือกเรียนต่อคือ ปรัชญาการเมืองและเศรษฐศาสตร์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความสนใจของเธอ
“ความฝันของหนูอีกอย่างคืออยากเป็นนายกรัฐมนตรี เริ่มจากมีคำถามว่าทำไมเราต้องเรียนอะไรที่ไม่อยากเรียนด้วย เลยอยากปฏิรูปการศึกษา ต่อมาก็เรื่องคมนาคม บ้านหนูอยู่ตรงข้ามซอยโรงเรียน แต่ต้องออกจากบ้านตั้งแต่หกโมงครึ่งเพราะรถติดมาก อยากแก้โน่นแก้นี้ อยากเป็นนายกฯ หญิงคนแรก สาขาที่หนูเลือกเรียนเป็นหลักสูตรปริญญาโทของออกซฟอร์ด แบบที่คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเรียน เขามาเปิดที่ธรรมศาสตร์ นี่แหละคณะของนายกฯ พอเข้าไปปุ๊บคุณ ‘ปู’ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ หญิงคนแรกซะแล้ว”
แจนอธิบายสาขาวิชาที่เรียนว่า เข้าไปปีหนึ่งจะได้เรียนทั้งสามวิชาคือ ปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ แล้วค่อยเลือกวิชาเอกตอนปีสอง ตอนแรกวิชาที่เธอไม่สนใจแม้แต่น้อยคือปรัชญา ทว่าพอได้เรียนกลับเป็นวิชาที่เธอชอบที่สุด และเลือกเป็นวิชาเอก “หนูรู้สึกนำปรัชญาไปใช้ได้กับชีวิตประจำวัน พอเราศึกษาแนวคิดต่างๆ ก็ได้ย้อนมาคิดทบทวนตัวเอง และทำความเข้าใจคนอื่นมากขึ้น ตัวอย่างแนวคิดลัทธิเต๋า เช่น ต้องอยู่ให้เหมือนน้ำที่ปรับเปลี่ยนรูปทรงไปตามภาชนะ หนูก็นำมาประยุกต์ใช้ในช่วงเวลาที่ต้องปรับตัวเข้ากับองค์กรหรือการทำงาน”
แม้ก้าวแรกในวงการบันเทิงแจนจะยังไม่มีแพชชันในการแสดงมากนัก แต่เมื่อมีโอกาสแสดงมากขึ้น ค่อยๆ เข้าถึงศาสตร์การแสดง มุมมองด้านการแสดงของเธอจึงเปลี่ยนไป “หนูมีโอกาสเล่นซีรีส์เรื่อง Happy Birthday วันเกิดของนาย วันตายของฉัน เป็นการทำงานที่ประทับใจทั้งบท ผู้กำกับ ทีมงานและทีมนักแสดง จนรู้สึกอยากแสดงหลายๆ แบบ อยากพัฒนาตัวเองให้สามารถแสดงบทบาทได้หลากหลาย” งานแสดงที่ภาคภูมิใจที่สุด นักแสดงสาวยกให้ Who Are You เธอคนนั้นคือฉันอีกคน “เป็นเรื่องที่รีเมกจากซีรีส์เกาหลี คนที่เคยดูเวอร์ชันเกาหลีจะวิจารณ์ว่าหนูไม่เหมาะกับบทที่ได้รับ ซึ่งเป็นตัวร้าย และต้นฉบับเขาก็หน้าร้าย แต่หนูหน้าเรียบร้อย เราค่อนข้างกดดันกับคอมเมนต์ เลยทำการบ้านเยอะมากสุดท้ายก็ได้กระแสวิจารณ์ในทางที่ดี และช่วงก่อนรับเล่นซีรีส์เรื่องนี้ หนูวางแผนจะไปเรียนต่อ แต่ก็เลือกแสดงซีรีส์เพราะคิดว่าเป็นบทบาทที่ท้าทาย ดีใจกับการตัดสินใจ ชื่นใจกับกระแสที่ได้”
3.
ถามถึงซีรีส์ Cherry Magic 30 ยังซิง ซึ่งโด่งดังมากๆ ในเวอร์ชันญี่ปุ่นนั้น ในเวอร์ชันไทยมีความพิเศษอะไรบ้าง และบทบาทที่แจนได้รับในเรื่องนี้เป็นอย่างไร “ซีรีส์เวอร์ชันไทยเนื้อเรื่องไปไกลกว่าของญี่ปุ่น เราอิงหนังสือการ์ตูนมากกว่า หนูรับบท ‘ปาย’ เป็นคนสดใสมองโลกแง่ดี คอยส่งพลังบวกให้คนอื่น บทใกล้เคียงตัวเอง ที่ยากคงเป็นพาร์ตทำงานบริษัทญี่ปุ่น ซึ่งต้องศึกษาวัฒนธรรมของเขา และมีซีนที่ต้องใช้ภาษาญี่ปุ่นเล็กน้อย แฟนๆ ดูแล้วต้องได้พลังบวกจากซีรีส์เรื่องนี้ค่ะ”
ส่วนซีนที่ประทับใจ นักแสดงสาวกล่าวว่า “ใบ้สั้นๆ ได้แค่ว่า ตอนจบของหนูมันน่ารักค่ะ”
บรรยากาศการร่วมงานกับซิง ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนและคู่จิ้น “ตอนที่เวิร์กชอปขำ ไม่ค่อยชิน โชคดีที่ได้เวิร์กชอปก่อน ตอนถ่ายทำจริงเลยสลัดความขำและเขินออกไปได้ ซิงคือความสบายใจของหนู สบายใจที่ได้ร่วมงานกันมา เราเชื่อใจเขาได้ เรารู้ว่าเขาเป็นคนตั้งใจ เป็นคนคล้ายๆ กันกับเรา ไม่เพียงแค่เรื่องงาน เรื่องส่วนตัวก็สามารถคุยกับเขาได้”
แต่ตอนที่รู้ว่าแฟนคลับจิ้น ก็สร้างความประหลาดใจให้แก่คู่นี้ “ทำไมกับหมอนี่ (หัวเราะ) คือเราสนิทกันมาตั้งนาน แล้วพี่ในบริษัทก็แกล้งแซว พอแฟนๆ มาเห็นดันชอบ ทำไมนะ (หัวเราะ) แต่ก็ขอบคุณที่ชอบความสัมพันธ์ของเรา เป็นธรรมชาติของเราที่คุยเล่นและทะเลาะกันแบบนี้ เราเลยไม่ต้องพยายามแสดง ดีใจที่แฟนชอบที่เราอยู่ด้วยกัน”
สิ่งที่เหมือนกับสิ่งที่ต่างของคู่นี้ “เราเป็นคนสนุกสนานเหมือนกัน และซิงเป็นคนที่ไม่พูดถึงคนอื่นในทางไม่ดี ไม่ว่าร้ายใคร พอเราเข้าซีนด้วยกันบ่อย ก็คุยกันเยอะ รู้จักกันมากขึ้น เขาคล้ายเรามาก ไม่ว่าจะเป็นหัวข้อที่คุย วิธีคิด ส่วนที่ต่างคือ ซิงมันชอบเที่ยว ไม่ชอบอยู่บ้าน ไปโน่นไปนี่ ถ้าออกจากบ้านแล้วก็ต้องเที่ยวจนดึกดื่น ส่วนหนูจะกลับแล้ว ง่วง”
4.
หากมีเวทมนตร์ที่ดลบันดาลซีรีส์ในแบบที่อยากเล่น แจนขอเลือกบทนักสืบสาว เพราะอยากลองบทบู๊ แอ็กชัน ถือปืน สืบสวนบ้าง
7-8 ปีในวงการบันเทิงได้สอนบทเรียนแก่เธอ “เรื่องการปรับตัวในการทำงาน เชื่อว่าทุกคนมีปัญหากับการเจอคนใหม่ๆ หรือคนที่เราไม่สบายใจเมื่อร่วมงานด้วย แต่ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องเดินหน้าต่อไป และทำงานนั้นให้สำเร็จลุล่วง อย่าคิดมากเกินความจำเป็น ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก็พอ” และหากวันใดไม่ได้ทำงานวงการบันเทิงแล้ว นักแสดงสาวก็มีความใฝ่ฝันที่จะเปิดช่องยูทูบ และนำรายได้การจากทำช่องไปช่วยเหลือผู้ยากไร้ คนและสัตว์ที่ต้องการความช่วยเหลือ
ความตั้งใจของแจนในปี 2567 “หนูชอบคิดว่า ทุกวันที่ตื่นขึ้นมาเราได้ก้าวไปข้างหน้าทุกครั้ง ปี 2567 แค่อยากเป็นตัวเองที่ดีขึ้นกว่าปีเก่า เติบโตขึ้นในทุกด้าน”
เราขอให้แจนนิยามตัวตนของคู่หูคู่ซี้ ซิงในมุมมองของแจน “ที่ชาร์จแบตแล้วกัน เขาเป็นคนที่มีพลังงานล้นเหลือตลอดเวลา ดูเขาไม่ค่อยมีทีท่าเหนื่อยล้าเลย พอเรารู้สึกเหนื่อยหรือรู้สึกไม่ดี คุยกับเขาก็จะอารมณ์ดีขึ้นค่ะ”
‘ซิง’ หฤษฎ์ ชีวการุณ
1.
เราหันมาสนทนากับหนุ่มซิงบ้าง ด้วยการเริ่มคำถามแรก ‘แจนในมุมมองของซิง’ เป็นแบบไหน “เป็นคนติงต๊อง ล้อเล่นครับ เป็นพลังงานบวก” นักแสดงหนุ่มตอบสั้นๆ ก่อนจะแซวต่อว่า “บวกเจอกับบวกเป็นลบรึเปล่า (หัวเราะ)”
เมื่อเราถามเขาว่าชื่อ ‘ซิง’ มีที่มาอย่างไร นักแสดงหนุ่มไขข้อสงสัย ชื่อของเขาเป็นคำภาษาจีนคือ ‘อี้ซิง’ มีความหมายประมาณว่าสมาชิกใหม่ที่ทำคุณประโยชน์ แต่ถ้าใครถามว่า ‘หฤษฎ์’ ซึ่งเป็นชื่อจริงแปลว่าอะไร เขาก็จะตอบเหมือนเดิมว่า สมาชิกใหม่ที่ทำคุณประโยชน์ เพราะเจ้าตัวก็จำได้ไม่ชัดว่าความหมายนี้คือชื่อจริงหรือชื่อเล่น จาก ‘อี้ซิง’ ก็ถูกเรียกสั้นๆ ว่า ‘ซิง’ อย่างทุกวันนี้
ตอนอยู่มัธยมซิงพบว่าตัวเองไม่ชอบนั่งเรียนในห้อง ชอบดนตรี ศิลปะมากกว่า และมีความตั้งใจว่าโตขึ้นไม่อยากทำงานออฟฟิศที่ต้องนั่งประจำโต๊ะ ซิงได้ลองทำกิจกรรมหลาย อย่าง เช่น กีฬา ดนตรี พอขึ้นมัธยมปลายเขาได้หัดเล่นกีตาร์ และเป็นความชอบจนถึงวันนี้ เขาฟอร์มวงดนตรีกับเพื่อนแล้วเข้าแข่งขันดนตรี “ผมเรียนกรุงเทพคริสเตียน มีแข่งจตุรมิตร มิวสิกคอนเทสต์ ซึ่งแข่งขันกัน 4 โรงเรียน ผมก็ลงประกวด คนเลยรู้จักผมมากขึ้น และมีคนส่งข้อความชวนให้ไปแคสติ้ง Love Sick the Series ช่วงเวลาเดียวกันนั้นมีการแคสต์โปรเจกต์ Hormone the Next Gen ช่องทางหนึ่งที่เขาตามหาเด็กคือจากโซเชียลมีเดีย มีคนส่งชื่อผมไป ผมเลยได้เจอแจนครั้งแรกที่นี่ ก็ทักไลน์ไปคุยตามประสาวัยรุ่นชายชั้นมัธยมอะฮะ (หัวเราะ) สุดท้ายได้แสดง Love Sick the Series และเป็นนักแสดงเรื่อยมา”
2.
แม้ Love Sick the Series จะเป็นโอกาสครั้งสำคัญในการก้าวสู่วงการบันเทิงเต็มตัว ทว่าโปรเจกต์นี้ก็ยังไม่ใช่จุดเปลี่ยนความคิดของเขา “จุดพลิกผันที่ทำให้ผมรู้สึกอยากแสดงจริงๆ ครั้งแรก เป็นเพียงโปรเจกต์หนังสั้นเล็กๆ ของโรงพยาบาลหนึ่ง ค่าตัวได้ไม่มาก แต่ถ่ายทำทั้งวัน พอเราใช้เวลากับมันมาก ก็ชอบขึ้นทีละนิด ถ่ายทำเสร็จผู้กำกับเดินมาบอกว่าเราเล่นได้นะ เราสามารถทำได้ ยิ่งสร้างความมั่นใจ เลยสนใจและจริงจังกับการแสดงมากขึ้น”
ก่อนเป็นนักแสดงในสังกัด GMMTV ซิงเล่าว่าเป็นช่วงที่เขากำลังเคว้งคว้าง และท้อแท้ในชีวิตการทำงานวงการบันเทิง “หลังจากจบโปรเจกต์ Love Sick ค่อนข้างเคว้ง ไม่รู้จะไปต่อยังไงดี และเป็นช่วงเข้ามหา’ลัยด้วย ต้องเริ่มคิดแล้วว่าจะเลือกทางไหน จะทำงานตรงนี้ต่อ หรือจะเอายังไง สุดท้ายก็ได้คำตอบว่า สิ่งที่เราอยากทำจริงๆ มีแค่สองอย่าง คือ การแสดงกับดนตรี
“พอเข้ามา GMMTV ก็เจอแจน ซึ่งรู้จักกันอยู่แล้ว และเพื่อนคนอื่นๆ พวกพี่ๆ ที่อยู่ก่อนก็ต้อนรับอย่างดี บ้านหลังนี้จึงกลายเป็นเซฟโซน เป็นสถานที่ที่เราสบายใจ และอยู่มาย่างปีที่ 8 แล้วครับ” แม้ว่า The Gifted นักเรียนพลังกิฟต์ จะเป็นซีรีส์ที่ทำให้คนรู้จักซิงเยอะขึ้น และยังได้รับคำชมด้านการแสดง แต่เมื่อถามถึงผลงานที่ภูมิใจที่สุด ซิงขอเลือก My Dear Loser รักไม่เอาถ่าน เพราะเป็นเรื่องที่เขาทุ่มเทชีวิตจิตใจให้การแสดง “เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าตัวละครมีมิติ ไม่ใช่แค่ท่องบทแล้วเดินเข้าฉากไปพูด เราได้เข้าถึงแคแรกเตอร์นั้นจริงๆ เลยรู้สึกชอบ”
3.
เราถามต่อถึงแคแรกเตอร์ ‘ร็อค’ ในซีรีส์ที่กำลังเป็นกระแส Cherry Magic 30 ยังซิง “เป็นคนที่สดใส ร่าเริง เข้ามาทำงานออฟฟิศและอยู่ในช่วงรอผ่านโปร หัวหน้าแผนกที่คอยสอนงานให้คือพี่ปาย รับบทโดยแจน ร็อคมีเหตุผลส่วนตัวที่ต้องมาทำงาน คล้ายกับผมในแง่มีสิ่งที่ชอบ แต่สิ่งที่ชอบอาจเป็นไปได้หรือไม่ได้ก็ไม่รู้ เลยต้องเลือกสิ่งที่สามารถทำได้ ผมไม่ได้ดูเวอร์ชันออริจินัลเพราะกลัวติดภาพ แต่ตีความตามบทเวอร์ชันไทยเลย” ซิงยังได้สัมผัสชีวิตพนักงานออฟฟิศครั้งแรกผ่านบทบาท “ใช่ครับ แต่ผมยังยืนยันนะว่าไม่อยากเป็น แต่ก็เข้าใจอะไรมากขึ้นผ่านการสวมบทร็อค คนที่เลือกจะอยู่อาจเนื่องมาจากหลายปัจจัย เช่น สภาพแวดล้อม ผู้คน ความมั่นคง
“เรื่องนี้แคแรกเตอร์ที่ได้รับไม่ยากนัก แต่เราทำงานกับเพื่อน และเราสนิทกันเกินไป จึงวอกแวกง่าย รู้สึกเลยว่าต้องพัฒนาเรื่องสมาธิให้มากกว่านี้” ส่วนซีนทีประทับใจของซิงนั้นเป็นซีนเดียวกับแจน และเจ้าตัวก็ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดเพราะจะเป็นการสปอยล์ เพียงแต่ใบ้ว่า “สะพาน ตอนกลางคืน เสียงก้องมาก (หัวเราะ) ผมรู้สึกว่าน่ารักดี (แจนเห็นด้วยทันควัน “ตอบเหมือนกันเลย”)”
สิ่งที่เหมือนกับสิ่งที่ต่างระหว่างเพื่อนทั้งสอง “สิ่งที่เหมือนคือวิธีมองโลกมั้ง แจนเป็นคนไม่คิดร้ายต่อใคร ไม่พูดลับหลัง มองโลกแง่ดี (แจน: ตอบเหมือนกันเลย) จริงเหรอ เนี่ยผมไม่ได้ฟังเขาตอบ แต่เขาได้ยินที่ผมตอบอะ” ซิงบ่นอุบ (แจน: ก็ดีแล้ว [หัวเราะ] จะได้รู้ว่าไม่ได้คิดไปคนเดียว) ต่อครับ ส่วนด้านที่ต่าง คงเป็นพลังงาน ผมเป็นคนมีเอเนอร์จีเยอะ แจนตอนรู้จักแรกๆ ก็คิดว่าเยอะพอกับเรา แต่ไปๆ มาๆ ชักลดลง ไม่สมกับที่เป็นเอกซ์โทรเวิร์ตเหมือนกัน”
ซิงเองก็ประหลาดใจเฉกเช่นแจนเมื่อรู้ว่าแฟนคลับจิ้นทั้งสองคน “เป็นไปได้ยังไงวะ (หัวเราะ) ดีใจที่ทุกคนชอบ แต่ก็ไม่รู้ว่าชอบอะไร (แจน: เขาชอบที่ฉันด่าเธอไง) ลองเปลี่ยนกันไหมล่ะ (แจน: เธอจะดูแย่นะ) อยากลอง (หัวเราะ) ความที่คู่เราเป็นชายหญิง ผมเสียเปรียบตลอดเลย เราตีเขาขำๆ แต่พอโดนสวนกลับที คุณเธอไม่ยั้งมือเลย” ซิงขอบ่นอีกครั้ง ความคล้ายกันของคู่นี้ยังไม่หมดแค่นั้น เมื่อเราถามว่า หากมีเวทมนตร์ที่เสกบทในฝันได้ อยากสวมบทอะไร ซิงตอบว่าอยากเล่นสืบสวน เช่นเดียวกับคำตอบของแจน
4.
เส้นทางการทำงานของซิงไม่ได้เริ่มจากบทตัวเอก เขาเก็บประสบการณ์จากบทเล็กๆ จนค่อยๆ ฉายแสงเป็นที่รู้จัก ซิงเล่าถึงสิ่งที่เป็นกำลังใจให้เขาเดินหน้าต่อ “อย่างที่เล่าไว้ช่วงจบจากซีรีส์ Love Sick รู้สึกท้อ เราไม่ค่อยได้รับโอกาสเท่าไหร่ แต่แฟนคลับก็ยังตามดูงานเล็กงานน้อยของเรา แอบสงสารเขานะ ต้องดูทั้งเรื่อง เพื่อจะดูซีนที่เราออกมาแค่นิดหน่อย เลยเป็นแรงผลักดันว่าวันหนึ่งจะทำให้แฟนคลับเหล่านั้นไม่เสียแรงที่ตามเรา อยากประสบความสำเร็จในแบบของเรา” ซิงอธิบายความสำเร็จในแบบของเขาเพิ่มเติมว่า “มีชื่อเสียงก็ดี แต่อยากมีงานที่ดีด้วย ระหว่างงานที่ได้เงินน้อยแต่เป็นงานดี กับงานที่ได้เงินเยอะแต่เราไม่อยากทำ ผมจะเลือกงานที่ได้เงินน้อย สุดท้ายเราอยากทำงานเพื่อตอบโจทย์ตัวเอง”
บทเรียนที่นักแสดงหนุ่มได้เรียนรู้จากการทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย “จุดที่เรายืนอยู่เหมือนเป็นกับดักนะ พูดตามตรงว่า อาชีพนี้ถือว่าได้เงินมาง่าย แต่กว่าจะได้โอกาสนั้นก็ไม่ง่ายนะ ถ้าเราพลาดหลงระเริงก็พัง ต้องดึงสติ หาอะไรยึดเหนี่ยว อีกเรื่องคือ ผมโชคดีที่ทำงานตั้งแต่เด็ก ถูกฝึกให้มีความรับผิดชอบ ถ้ามีหน้าที่ก็ต้องทำให้ดี ถ้าเราทำได้ดีพอ งานจะตอบแทนเราเอง สุดท้าย งานคือเงิน เงินคืองาน ครับ”
เมื่อถามถึงผลงานเพลงซึ่งเป็นอีกอย่างที่เขารัก “อยากทำที่สุด ต้องขอบคุณ GMMTV ที่ส่งผมเรียนร้องเพลง คนอย่างผมที่ไม่กล้าฝันจะเป็นนักร้องแล้วเลือกเล่นกีตาร์แทน จึงเกิดความมั่นใจในการร้องเพลง และได้สานฝันการเป็นนักร้องต่อไป ถ้าโอกาสเหมาะก็อยากให้ปีใหม่ 2567 มีผลงานเพลงออกมาครับ”
สถานที่
Hotel Contact Information
Staybridge Suites Bangkok Sukhumvit
Address: 89/8, 89/9 Sukhumvit 24 Alley, Khlong Tan, Khlong Toei, Bangkok 10110
Phone: 02 779 8999
Email: bkkpp.info@ihg.com
คอลัมน์: เรื่องจากปก