คนไทยต้องรอด : เอกภพ เหลืองประเสริฐ

-

“พวกผมเป็นพวกชอบปาร์ตี้ ก็เปลี่ยนเอาเงินตรงนั้นเป็นกองกลางกันคนละสามพัน ไว้เป็นค่าน้ำมันรถ ไม่มีเบี้ยเลี้ยงให้ เป็นจิตอาสาแต่แรก ถ้ามีใครอ้างว่าเป็นทีมสายไหมต้องรอด มาเรี่ยไรเงิน ไม่มีครับ เราไม่มีตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว กลุ่มสายไหมต้องรอดจะไม่มีบัญชีรับเงินบริจาค ถ้าเปิดคงมีเงินเข้าเป็นร้อยล้าน แต่เราไม่ทำ” เอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กลุ่มจิตอาสาช่วยเหลือผู้คนในช่วงวิกฤติโควิดแพร่ระบาดหนักในไทย ที่จนถึงตอนนี้ยังคงเดินหน้าช่วยเหลือเยียวยาผู้คนในสังคมไม่ยอมหยุด

เรี่ยวแรงแรก

จากเหล่าเพื่อนร่วมปาร์ตี้สังสรรค์ทุกเย็นวันพักผ่อน ตระหนักถึงปัญหาที่สังคมกำลังประสบ แต่ละคนระดมเรี่ยวแรงและสายป่านแต่ละด้านที่ตนเองถนัด แปรเป็นศูนย์กลางช่วยเหลือชาวบ้านมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเพียงไม่กี่ปีที่กลุ่มสายไหมต้องรอดเกิดขึ้น ก็ช่วยชีวิตผู้คนได้นับหมื่นแล้ว

“แรกเริ่มตั้งใจทำแถวบ้านเราที่อยู่ตรงสายไหมให้รอดก่อน เลยตั้งชื่อนี้ พอทำแล้วก็กลายเป็นหนึ่งในไม่กี่องค์กรในตอนนั้นที่ลงพื้นที่เรื่องโควิดทุกวัน ก็ช่วยเหลือประชาชนได้เยอะ พอเป็นข่าว จากคนสายไหมที่มาขอความช่วยเหลือก็ขยายเป็นคนเขตอื่นๆ จนถึงจังหวัดต่างๆ มากันหมด ไกลสุดที่เคยไปคืออ่างทอง ช่วงโควิดเราทำงาน 24 ชั่วโมง มีทีมจิตอาสาประมาณร้อยคน เป็นกลุ่มคนที่ประสบปัญหาช่วงโควิด ที่ทำงานปิด เขาก็ติดต่อเสนอตัวมาช่วย ไม่คิดเงินเลย แท็กซี่ก็ไม่มีผู้โดยสาร ติดต่อมาวิ่งให้ฟรี รับยาไปส่งให้ผู้ป่วย ต้องกราบขอบคุณในน้ำใจทุกคนครับ”

สานต่อภารกิจ

“ชาวบ้านเริ่มร้องเรียนเรื่องอื่นเข้ามา เคสแรกๆ ที่ได้รับคือการค้ามนุษย์ที่กัมพูชา แม่เขาทักมาว่าสายไหมต้องรอด นอกจากโควิดแล้วพอจะช่วยเรื่องอื่นได้ไหม ลูกถูกแก๊งค้ามนุษย์หลอกไปทำงานและถูกทรมาน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่นะ แต่ถ้าเราไม่ทำ ลูกเขาอาจตายก็ได้ การที่เขาทักมาหาเราแสดงว่าเขาไม่มีที่พึ่งแล้ว ก็เลยโทร.คุยกัน แม่เล่าว่าก่อนหน้านั้นติดต่อไปทุกหน่วยงานในไทยแล้ว ผ่านมาสองอาทิตย์ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย จนลูกบอกว่าถ้ายังไม่ช่วยในอาทิตย์นี้ ผมจะถูกขายต่อจากปอยเปตไปที่สีหนุวิลล์นะ และจะติดต่อแม่ไม่ได้อีกเลย เขาจึงตัดสินใจติดต่อหาสายไหมต้องรอด ครั้งนั้นทางเราก็รวบรวมทีมที่มีไปช่วยกลับมากันทัน”

คุณเอกภพเคยคิดว่าพอโควิดซา อาจจะหยุดพัก เพราะจิตอาสาทุกคนเหนื่อยล้ามาก แต่กลายเป็นว่าตอนนี้ใครเหนื่อยก็พักก่อนได้ ใครมีแรงก็มาร่วมกันเป็นจิตอาสา เพื่อช่วยเหลือสังคมไทยต่อไป

สายไหมไม่รับเงิน224

“ช่วงโควิดมีแต่คนจะขอบริจาค เราบอกไปว่าเปลี่ยนจากเงินสดเป็นบัตรเติมน้ำมันให้ทีมรถพยาบาลได้ไหมครับ หรือแนะว่าซื้อข้าวสารอาหารแห้ง ยาที่คนป่วยต้องใช้แทน บางคนก็บริจาคข้าวกล่องมาให้กินกันในกลุ่มทีมงาน อนาคตเราคุยกันว่าอาจจะทำเสื้อขายเพื่อหาเงินเป็นกองทุน แต่ไม่มีเปิดรับบริจาคแน่นอนครับ เราทำทุกอย่างเท่าที่ทำไหว ถ้าเปิดรับบริจาค สังคมก็จะคาดหวังของว่าคุณเอาเงินเขามาแล้วต้องเต็มร้อยนะ ถึงทุกวันนี้เราจะทำเกินร้อยอยู่แล้ว แต่ก็มีลิมิตว่าทำเท่าที่ไหว ต่อให้มันเป็นเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน แต่ก็ดีใจที่ได้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าทุกเคสที่ติดต่อเข้ามา ยินดีช่วยแก้ไขในทุกๆ เคส บางทีคดีพลิกก็มีครับ อย่างเคสครอบครัวผัวเมียเนี่ยแหละ บอกไม่หมดก็มี (ยิ้ม)”

 

ยื่นมือช่วยเหยื่อมิจฉาชีพ

“ทั้งแอปกู้เงินอ้างชื่อธนาคาร หรือคอลเซนเตอร์อ้างเป็นนั่นนี่ ผมรับเรื่องแนวนี้เยอะมาก บางทีมี 40-50 รายต่อวัน ทั้งที่ข่าวออกทุกวัน แต่ก็ยังมีคนโดนหลอก พอถามว่าได้ดูข่าวไหม ก็ดูข่าวนะ แต่พอเกิดกับตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเชื่อ แล้วคนถูกหลอกล้วนแต่ไม่มีสตางค์ หวังไปกู้เงินเพื่อมาใช้จ่าย บางคนคิดฆ่าตัวตายก็มี อยากฝากเตือนว่า อย่าเชื่อเพียงเพราะเขาบอกให้เชื่อ อย่ามือไวใจไว อย่าอยู่คนเดียวด้วย คนที่ถูกหลอก 90% ตอนนั้นอยู่คนเดียว ไม่มีใครให้ปรึกษา สงสารคนไทยมากๆ ไม่รู้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำอะไร ทำไมถึงแก้ปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้”

ปัญหาใหญ่สุดที่เกือบตัดใจ

คุณเอกภพเล่าถึงเรื่องที่เป็นจุดเปลี่ยนใหญ่ในการวางระบบให้แก่ทีมสายไหมต้องรอดมาจนถึงทุกวันนี้

“โควิดช่วงแรกๆ หลังจากทำเคสมาทั้งวัน วันนั้นผมได้นอนตอนตีสาม พอตีห้ามีคนโทรเข้ามา แล้วผมไม่ได้รับ พอตื่นมาแปดโมงกว่าโทร.กลับไป เขาบอกว่า “พี่ครับ ไม่ทันแล้ว พ่อผมตายแล้วครับ พ่อผมติดโควิด ยังไม่ได้ไปตรวจ แต่หายใจติดขัดมาก เลยอยากให้พี่ช่วยมารับ ติดต่อใครไม่ได้ พ่อผมสิ้นลมตอนเจ็ดโมงกว่า” ถ้าผมรับสายตอนนั้นอาจช่วยพ่อเขาทัน อาจไม่ตายก็ได้ ในใจคือเสียใจมาก เกิดความคิดว่า เราเป็นที่พึ่งที่หวังได้จริงเหรอ มีความรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา พอคุยกับคนในกลุ่ม ต่างก็เข้าใจกัน เพราะช่วยกันเต็มที่แล้ว เลยปรับการทำงานแทน โดยเพิ่มเบอร์สายด่วนติดต่อเข้าไปให้มากขึ้น โทร.ไม่ติดเบอร์นี้ โทร.เบอร์อื่นได้ ตัดสินใจเดินหน้ากันต่อไปครับ”

 

ก้าวต่อไปของสายไหมต้องรอด

“ตอนนี้กำลังพัฒนาระบบ ให้ทุกคนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ที่เข้าไม่ถึงกระบวนการยุติธรรม สามารถเข้าถึงได้ง่ายดาย วัตถุประสงค์ของเพื่อให้ทุกคนเสียงดังเท่ากัน ไม่ใช่ว่ามีเงินถึงดัง คนจนพูดอะไรไปไม่มีใครได้ยิน ไม่เอาครับ ปัญหาของทุกคนต้องมีค่าและน้ำหนักเท่ากัน ส่วนใครต้องการเป็นจิตอาสา ติดต่อมาเพจสายไหมต้องรอด มีการคัดกรองก่อน แต่ไม่มีเงินเบี้ยเลี้ยงให้นะครับ มีแต่ใจที่อยากช่วยคน (ยิ้ม) บางครั้งการเป็นจิตอาสาแค่เราไม่นิ่งเฉยต่อความรุนแรง หรือปัญหาสังคม หรือสิ่งไม่ปกติ เพียงแจ้งเข้ามา คุณก็เป็นจิตอาสาได้แล้ว”


คอลัมน์ ยุทธจักร ฅ.ฅน

เรื่อง มาศวดี ถนอมพงษ์พันธ์

ภาพ อนุชา ศรีกรการ

All Creative Team

Writer

ร่วมสร้างสังคมอุดมปัญญา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!