“ชีวิตคนเรา เหมือนกับภาพสไลด์ จะมีภาพที่คอยเลื่อนผ่านเราไป ทีละภาพ ทีละภาพ
บางครั้งก็เป็นภาพที่ดี บางครั้งก็เป็นภาพที่ร้าย
เวลาเจอภาพดีๆ ไม่เป็นไร แต่เวลาเจอภาพร้าย อย่าคิดว่าสไลด์หมดไป
รออีกไม่นานเท่าไร ภาพใหม่ๆ กำลังจะมา”
ชีวิตเราคล้ายๆ กับภาพสไลด์จริงๆ คือจะเป็นสไลด์ที่เลื่อนไปแบบอัตโนมัติ เลื่อนไปแบบเรื่อยๆ ไม่มีหยุดพัก จนกว่าจะถึงภาพสุดท้าย
บางคนเจอภาพดีๆ พยายามจะหยุดภาพนั้นไว้ให้ได้นานๆ แต่ภาพนั้นก็ผ่านไปจนได้ แล้วก็มีภาพใหม่เข้ามาแทนที่
เวลาเจอภาพร้ายๆ หลายคนพยายามจะกดไล่ ให้ภาพเลื่อนไปเร็วๆ แต่ภาพมันก็ไม่ไป จนกว่าจะได้เวลาที่ภาพใหม่จะมา
จะว่าหนึ่งวัน เราจะเจอภาพหนึ่งภาพ คงจะไม่ใช่ เพราะบางที เช้าเจอภาพที่ร้าย บ่ายเจอภาพดี พอตกค่ำ อาจเจอภาพร้ายอีกทีก็ได้
แต่ยังไง ชีวิตก็มีภาพทีละภาพสลับกันไป
เหมือนกับชีวิตคนเวลาเจอกับปัญหา ต่อให้มีปัญหามากมาย แต่ก็ให้รับมือทีละเรื่อง
เช่นเดียวกับการทำอะไรให้ออกมาดี เขาให้ทำทีละอย่าง
บางคนอ่านหนังสือไป ฟังเพลงไป หลายคนอาจจะบอกว่า ทำให้มีสมาธิดี แต่ถ้าเป็นช่วงที่มีดนตรี เพราะๆ อาจจะทำให้เรา ร้องคลอ หรือฮัมเพลงออกมา ก็อาจทำให้ขาดสมาธิได้
นี่คือสาเหตุสำคัญที่มีกฎหมายเวลาขับรถ แล้วห้ามใช้โทรศัพท์ เพราะจะทำให้สมาธิในการขับรถน้อยลงไป
การทำทีละอย่าง จะทำให้เรามีสติและสมาธิ จดจ่ออยู่ในสิ่งที่ทำอยู่ตรงหน้าเพียงอย่างเดียว จนทำให้เกิด สภาวะ FLOW คือ ช่วงลื่นไหล
คือเพลิดเพลินกับการทำสิ่งนั้นแบบหยุดแทบไม่ได้
เหมือนกับรถที่ถูกเข็นจนไหลไปได้เอง แทบจะไม่ต้องใช้กำลังในการดันให้รถไปข้างหน้า
ซึ่งสภาวะ FLOW นี้ จะมีได้ต่อเมื่อทำสิ่งใดจดจ่ออยู่สิ่งเดียว เพราะถ้ากำลังจะเข้าสู่สภาวะ FLOW ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความ ต้องคุยกับใครหรือหยุดแล้วไปทำอย่างอื่นต่อ มันจะ FLOW ไม่ได้
เหมือนกับที่ หลวงวิจิตรวาทการ เคยเขียนเอาไว้ว่านโปเลียนเปรียบเทียบไว้ว่า สมองคนเสมือนลิ้นชักเป็นช่องๆ เวลาคิดอะไร ทำอะไร ก็จะเอาลิ้นชักช่องนั้นออกมา แต่ถ้าเอาลิ้นชักออกมาหลายๆ ช่อง จะทำและคิดได้ไม่ดีสักอย่าง
ประมาณว่าอยู่ที่ทำงาน แต่ใจไปอยู่ที่บ้าน อยู่ที่บ้านยังเอาปัญหาที่ทำงานมาขบคิดหรือ ทำงานอยู่ตรงหน้า แต่ใจมัวแต่คิดว่า วันหยุดจะไปเที่ยวที่ไหนดี อย่างนี้เป็นต้น
แล้วการรับมือทีละเรื่อง ก็เช่นกัน เหมือนกับการแก้ปมเชือก คือต้องแก้ทีละปมถ้าแก้พร้อมกันทุกปม นอกจากจะแก้ไม่ได้ ยิ่งทำให้เชือกพันกันมากกว่าเดิมอีกด้วย
ชีวิตคนเราย่อมจะมีปัญหาและอาจจะไม่ใช่ปัญหาเดียว อาจจะมีปัญหามากมายหลายเรื่อง
แต่ก็ไม่ใช่ทุกเรื่องจะมีปัญหา เพราะคงไม่มีใครมีปัญหา พร้อมกันไปทุกเรื่องได้
เช่น ถ้ามีปัญหาเรื่องงาน ก็ น่าจะยังมีบ้านอยู่อาศัย มีปัญหาเรื่องเงิน แต่สุขภาพก็ยังดีอยู่ มีปัญหาสุขภาพป่วยไข้ ก็ยังมีคนรักคอยดูแล มีปัญหารักๆ ใคร่ๆ แต่ก็ยังมีงานทำ มีเงินใช้
ลองดูให้ดีว่า ไม่มีใครมีปัญหาพร้อมกันไปทุกเรื่อง คือเมื่อมีอะไรหายไป ก็ยังมีอะไรบางอย่างที่ยังอยู่ นั่นเอง
คราวนี้ก็มาดูว่าจะรับมือกับปัญหาที่เข้ามาอย่างไร ถ้ามีมากกว่าหนึ่งอย่างก็ให้รับมือทีละอย่าง
ดูว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องด่วนและจำเป็นไหม เพราะบางเรื่องจำเป็นแต่ไม่ด่วน บางเรื่องด่วนแต่ไม่จำเป็น ลองพิจารณาให้ดี
ปัญหาไหนแก้ได้ ให้แก้ไป ปัญหาไหนแก้ไม่ได้เอาไว้ก่อน ซึ่งปัญหาที่แก้ไม่ได้ อาจเป็นปัญหาที่ต้องรอเวลา หรืออาจเป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้เลยก็ได้
ค่อยๆ ดูทีละจุด ค่อยๆ แก้ไปทีละเปาะ อย่าร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูก คิดว่าปัญหาประดังเข้ามาพร้อมกันหลายๆ เรื่องจนทำอะไรไม่ได้
เพราะบางปัญหาก็ไม่ใช่ปัญหา แต่เกิดจากการที่เราคิดว่ามันเป็นปัญหา
เช่นคิดกังวลอยู่ตลอดเวลาว่าคนอื่นจะคิดกับเรายังไง เขาจะตำหนิเราไหม หรือเราจะทำได้สำเร็จหรือเปล่า
ย้ายภูเขาออกไปทีเดียวทั้งลูกคงไม่ได้
แต่ถ้าค่อยตักหินดินทรายออกไปทีละหน่อย ไม่นานภูเขาก็จะค่อยๆ หายไป
อยากใช้ชีวิตเผชิญกับปัญหาใดๆ ให้เก่งกาจ ให้รับมือกับเรื่องที่มี ทีละเรื่อง
คอลัมน์: ก้าวไกลไปข้างหน้า / เรื่อง: จตุพล ชมภูนิช ภาพ: ขวัญญาณี ศิรธนอนันต์