RSF: ลูกทุ่ง must go on

-

แม้ว่าออลฯ เคยนำเสนอนักร้องและไอดอลรุ่นใหม่ที่มีความสามารถโดดเด่นน่าสนใจขึ้นปกมาหลายคน แต่ไม่บ่อยนักที่จะได้นำเสนอศิลปินเพลงลูกทุ่งบ้าง ฉบับขึ้นปีใหม่ 2566 นี้จึงพิเศษมาก เพราะเรามีโอกาสต้อนรับลูกทุ่งรุ่นใหม่ ความสามารถไม่ต้องอธิบายเยอะให้เจ็บคอ แค่ตำแหน่งแชมป์ 200 สมัยจากรายการไมค์หมดหนี้ ที่ไม่มีใครโค่นล้มได้จนต้องขอสละตำแหน่งด้วยตัวเอง คว้าเงินรางวัลหลักล้าน ขวัญใจแม่ยกทั่วประเทศ ไรอัล กาจบัณฑิต เพิ่มความพิเศษโดยการควงเพื่อนซี้ ซัน วงศธร และ ฟอร์ม ชลพิพรรธน์ รองอันดับหนึ่งและแชมป์จากรายการไมค์ทองคำ มาด้วย ทั้งสามหนุ่มจากค่ายยุ้งข้าวเรคคอร์ดนี้รวมตัวกันเป็นบอยแบนด์ในชื่อ RSF บทสัมภาษณ์นี้จะพาไปรู้จักสามหนุ่มเลือดใหม่แห่งวงการลูกทุ่ง แม้ว่าพวกเขามีอายุเพียง 20 ต้นๆ แต่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาไม่น้อย ได้เรียนรู้ทั้งความสมหวัง-ผิดหวัง, สำเร็จ-ล้มเหลว, ดีใจ-ทุกข์ใจ, และต่อให้ล้มสักกี่ครั้ง พวกเขาก็พร้อมจะลุกและไปต่ออย่างไม่ย่อท้อ

ชีวิตในวัยเด็กของแต่ละคนเป็นอย่างไร

ซัน: ซันโตมาในครอบครัวลิเก วิ่งเล่นข้างเวทีตั้งแต่เด็กเลยได้ซึมซับ ถ้าถามว่าร้องเพลงได้ยังไงนั้น เกิดจากโรงเรียนส่งประกวดสมัยประถม ซันไม่เคยเรียนร้องเพลงเลย ก็ไปร้องแบบไม่คิดอะไร จนชนะและได้เป็นตัวแทนโรงเรียนแข่งระดับประเทศ พ่อซึ่งไม่เคยรู้ว่าเราร้องเพลงได้ พอเห็นว่าแข่งถึงระดับประเทศก็น่าจะมีแวว เลยส่งเรียนร้องเพลงครั้งแรก จากนั้นก็เข้าประกวดไปเรื่อย ชนะบ้างแพ้บ้าง สะสมถ้วย และเล่นลิเกควบคู่กันไป นอกจากร้องเพลงแล้วซันก็เล่นฟุตบอล ซันชอบฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ อันที่จริงตอนแรกคิดจะจริงจังกับฟุตบอลมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะคิดว่าคนร้องเพลงดีมีเยอะ การจะไปถึงระดับนักร้องอาชีพได้นั้นยาก ระหว่างที่เดินสายประกวดร้องเพลง ก็ซ้อมฟุตบอลอย่างหนัก จนมาถึงวันที่ต้องตัดสินใจเลือกสักอย่างเพราะช่วงแข่งฟุตบอลกับร้องเพลงเกิดตรงกัน แล้วถ้าจะไปต่อกับฟุตบอลก็ต้องเซ็นสัญญา เลยตัดสินใจเลือกร้องเพลง บ้านซันฐานะไม่ค่อยดี เดือนชนเดือน มีหนี้สิน พอเราร้องเพลงหาเงินได้ ก็ให้พ่อแม่หยุดทำงาน อายุ 12-13 ปีซันก็เป็นเสาหลักดูแลครอบครัวแล้ว ดูแลบ้านเรากับบ้านปู่ แต่มีช่วงเสียงแตกหนุ่มต้องหยุดร้องเพลงไปพักหนึ่ง ได้แต่เล่นลิเก ก็ลำบากหน่อย  ช่วงแอปฯ Tiktok เข้ามาแรกๆ ซันเข้าไปเล่นและเตะตาผู้กำกับจนได้เล่นหนัง เป็นเวลาเดียวกับที่ประกวดไมค์ทองคำ จากนั้นชีวิตก็ดีขึ้น ภาระที่แบกไว้ก็เบาลงมาก

ไรอัล: เป็นเด็กขี้อายที่ออกนอกบ้านก็ไม่สนทนากับใครนอกจากพ่อแม่ ต่อให้มีคนมาคุยด้วยก็ถามคำตอบคำ อยู่กับตายายเป็นหลักเพราะพ่อแม่ต้องทำงาน อาศัยในบ้านไม้เก่าๆ วันดีคืนดีนอนๆ อยู่ก็มีหนูมีแมวมากัดเท้า เลือดออก (หัวเราะ) ก่อนมาร้องเพลงผมเคยเรียนเทควันโด้ก่อน เรียนตั้งแต่ ป.3–ม.ต้น เกือบได้สายดำแล้ว เรียนเพราะพ่อแม่อยากให้เรียน แต่เราขี้เกียจทุกครั้งที่ไป เราเป็นเด็กอ้วนไง ขี้เกียจขยับตัว วิ่งก็ไม่ทันคนผอม เลยหาวิธีไม่ต้องไป แต่พ่อแม่จับทางได้ก็หนีไม่พ้นอยู่ดี พอดีศูนย์เยาวชนที่เรียนเทควันโด้เขาจัดงานปีใหม่ ให้ตัวแทนแต่ละชมรมประกวดร้องเพลง เรียกว่าเป็นเวทีแรกของเรา ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าเราร้องเพลงไพเราะ เพราะขี้อายไม่ร้องให้ใครฟัง มีอยู่วันหนึ่งเราได้ยินเพลงเปิดไว้แล้วร้องตาม พ่อได้ยินคงเห็นแววเลยจับมาฝึก เพราะพ่อเป็นนักร้องคาเฟ่เก่า ตอนแรกไม่อยากฝึก แต่ฟ้าคงลิขิตให้มาทางนี้ พอประกวดเวทีแรกก็ชนะ เพราะเด็กคนอื่นเขาร้องไม่เป็น ร้องเพลงช้างก็มี เราร้องลูกทุ่งคนเดียว ชนะเวทีแรกเหลิงเลย ประกวดต่อสิรออะไร จากนั้นก็แพ้มาเรื่อยๆ ครับ เราเก่งในถิ่นตัวเองเท่านั้น

พอเริ่มโตจึงรู้ว่าฐานะครอบครัวไม่ดี พ่อต้องขอครูเลื่อนจ่ายค่าเทอม ตอนแรกเราไม่เข้าใจทำไมต้องเลื่อน ส่วนตัวเป็นคนไม่ชอบการทำผิดกฎระเบียบด้วย มีครั้งหนึ่งแม่เคยมาขอยืมเงินค่าขนมที่เราออมไว้ แต่เราบอกว่าไม่ต้องยืม เอาไปเลย จากนั้นก็พยายามประกวดร้องเพลงให้มากขึ้น ได้ที่ 3 หรือรางวัลชมเชยก็ยังดี แม้เงินรางวัลไม่เยอะแต่ดีกว่าไม่ได้ ถึงจะชอบร้องเพลงแต่ก็เครียด มีอยู่ครั้งหนึ่งซ้อมร้องเพลงกับพ่อ ร้องเพลงไปร้องไห้ไป พ่อเดินออกจากห้อง แล้วข้อความในโทรศัพท์ก็เด้ง พ่อส่งมาว่า “อดทนนะลูก ความอดทนจะมีผลต่อวันข้างหน้า” ไหนจะเรียน ไหนจะร้องเพลง ไหนจะเทควันโด้ ในหนึ่งวันทำทุกอย่าง จนมาเวทีไมค์หมดหนี้ ตอนนั้นเอาบ้านไปจำนองเป็นหนี้ประมาณหนึ่งแสน บังเอิญชนะ คิดในใจถ้าชนะสัก 10 สมัยได้เงินแสนปลดหนี้ได้เลย พอทำสำเร็จก็ดีใจ ไม่เคยประกวดได้เงินเยอะขนาดนี้ อย่างมากก็สองหมื่น เลยลากยาวมาจน 200 สมัย

ฟอร์ม: ชีวิตผมเริ่มจากการเป็นนักกีฬาก่อนครับ เล่นกีฬาตั้งแต่อายุ 8 ถึง 12 ขวบ ตอนที่ผมแข่งวอลเลย์บอลชายหาด รอบชิงชนะเลิศ ทางเจ้าภาพคงคุยกับโค้ช แล้วโค้ชเดินมากลางสนามบอกว่าเล่นยังไงก็ได้ให้แพ้ ผมเก็บตัว 2-3 เดือนเพื่อจะแข่งรายการนี้ และชนะไปแล้วหนึ่งเซ็ต ตอนนั้นตีติดเน็ต ตีออก ตีไปร้องไห้ไป ผมยังเด็กไม่กล้าขัดใจโค้ช ป๊าทนไม่ไหวเดินมากลางสนามดึงผมออกจากการแข่งเลย จากนั้นก็เลิกเล่นเลย ผมมีพี่สาวคนหนึ่งเป็นนักร้องไม่มีชื่อเสียงมากนัก แต่สามารถหาเงินจุนเจือครอบครัวได้ ป๊าเลยให้ฝึกเพลงเสรีขอพร ผมได้ลูกเอื้อนจากเพลงนี้แหละ ป๊าคงเห็นความเป็นไปได้ในตัวผม ช่วงนั้นกิจการทำเฟอร์นิเจอร์ของที่บ้านล้มละลาย โดนยึดรถ ยึดบ้าน ยึดทรัพย์สิน เป็นช่วงที่แย่มาก ผมเลิกเรียนบ่ายสามครึ่ง ป๊ามารับไปวัดเลย เดินสายประกวดร้องเพลง ถ้าวันไหนไม่มีรางวัลติดมือกลับมา ทั้งครอบครัวก็กินแต่ข้าวเปล่ากับเต้าหู้ยี้ รายได้หลักของครอบครัวมาจากเงินรางวัลของผม เขาไม่กดดันแต่เราอยากพัฒนาฝีมือเพื่อจะได้รางวัลให้มากที่สุด ผมเคยประกวดไมค์ทองคำซีซั่นแรกๆ แล้วตกรอบ จนมาซีซั่น 8 แม่ขอให้ไปอีก ผมก็ไปอย่างไม่คาดหวัง ร้องให้จบๆ จะได้กลับบ้าน พอไม่เกร็งเลยเข้าตากรรมการ แล้วก็ผ่านไปแต่ละรอบๆ จนได้รางวัลชนะเลิศ ความรู้สึกเหมือนฝัน จากนี้ไม่ต้องประกวดเพื่อใช้หนี้แล้ว ไม่ต้องเครียดว่าจะประกาศชื่อเราไหม ความรับผิดชอบที่เคยแบกไว้ ความกดดันถ้าไม่ชนะจะไม่มีข้าวกิน มันถูกปลดลงหมดเลย ผมคิดในใจว่าต่อจากนี้ชีวิตต้องดีกว่าเดิม

แต่ละคนพอจะบอกจำนวนเวทีประกวดที่ผ่านมาได้ไหม

ไรอัล: เป็น 100 อะครับ แต่แพ้สัก 97 ครั้ง

ซัน: ซันไม่ถึง 100 น่าจะประมาณ 40-50 เวที

ฟอร์ม: ผมก็พอๆ กับซัน ประมาณ 50 กว่าๆ ครับ

เมื่อมองย้อนหลังชีวิตช่วงเดินสายประกวดเป็นอย่างไร

ซัน: แรกๆ ก็สนุก เพราะได้เจอเพื่อน หลังๆ คือความเหนื่อย สงสารครอบครัวที่ต้องตื่น ขับรถ พาเราไปประกวดตามที่ต่างๆ ในขณะที่เรามีหน้าที่แค่ร้องเพลงเท่านั้น

ไรอัล: ตื่นเต้นทุกเวที เวทีใหญ่ก็ตื่นเต้นมาก เวทีเล็กก็ชิลล์ขึ้นหน่อย เกร็งทุกครั้งเวลารอดนตรีขึ้น แต่พอได้ยินเสียงคนฟังปรบมือก็ผ่อนคลาย เสมือนเขาต้อนรับเรา บางครั้งเข้ารอบลึกก็เกิดความหวัง แต่แค่ที่ 2-3 ไม่หวังชนะเลิศ ให้คุ้มค่าน้ำมันที่เดินทางมาไกลก็พอ

ฟอร์ม: ผมเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยของเด็กประกวดร้องเพลงตามวัดทำเพื่อครอบครัวเหมือนผม นี่คือวิธีหนึ่งในการหาเงินเข้าบ้าน และยังเป็นที่ขัดเกลาตัวเรา หากวันไหนโอกาสในการเป็นศิลปินเข้ามาใกล้ก็พร้อมคว้าไว้

มีความพ่ายแพ้ครั้งไหนที่ติดตรึงใจและเป็นบทเรียนให้แก่เราจนทุกวันนี้

ไรอัล: พวกผมแพ้เยอะจนชิน ช่วงแรกๆ ก็ผิดหวังมากหน่อย หลังๆ ไม่คิดมากแล้ว ไม่คาดหวังอะไรนอกจากเงินรางวัล ทว่าไม่ว่าจะแพ้กี่เวที เราได้ประสบการณ์และมิตรภาพเพิ่มเติมเสมอ

เวทีไมค์หมดหนี้กับไมค์ทองคำแตกต่างจากเวทีอื่นตรงไหน

ฟอร์ม: คู่แข่งที่เราเจอตามงานวัดอาจร้องดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่คู่แข่งในไมค์ทองคำคือคนเก่งที่เขาคัดมาแล้ว ทุกคนต่างก็ร้องเพลงเพราะเหมือนกัน สิ่งที่เราต้องทำคือทำอย่างไรก็ได้ให้โดดเด่น และทำให้ดีกว่าคู่แข่งในวันประกวดเท่านั้นเอง เวทีนี้ยังสอนการใช้ชีวิตในวงการบันเทิง มีครูสอนการแสดง สอนการพูด ที่ผ่านมาผมเป็นคนโลกส่วนตัวสูง แต่เราจะใช้ชีวิตในสังคมโดยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางไม่ได้

ซัน: ซันมองว่าคนที่ชนะเราในเวทีอื่น อาจแพ้เราในไมค์ทองคำก็ได้ ไมค์ทองคำเป็นเวทีแห่งการปั้นศิลปิน เขาไม่ต้องการคนเก่งแบบน้ำเต็มแก้ว ซันเจอคู่แข่งเก่งเยอะจนท้อ แต่ก็ฉุกคิดได้ว่า เขาต้องการคนที่มีแคแรกเตอร์เพื่อเป็นศิลปิน ไม่ได้ต้องการคนเก่งที่ร้องเพลงเป๊ะๆ เพื่อการประกวด ไมค์ทองคำยังสานฝันให้ผมมีทุกอย่างในวันนี้ แม้จะไม่ได้โด่งดังตูมตาม แต่ก็มีคนรู้จัก มีงานจ้าง ให้เราได้เป็นศิลปินดังทุกวันนี้

ไรอัล: ไมค์หมดหนี้คือโรงเรียนสอนร้องเพลงชั้นดีเลย เขาสอนให้เราสลัดการเป็นนักร้องประกวด เพื่อก้าวสู่การเป็นศิลปินที่แท้จริง แน่นอนว่าไม่ง่ายเพราะเราประกวดจนชินกับแบบแผน จะวางมือยังไง ท่อนนี้ร้อง ท่อนไหนหยุด มีความเป๊ะอยู่ตลอด แต่ศิลปินไม่จำเป็นต้องขนาดนั้น แค่มีอารมณ์ร่วม สื่อสารกับคนฟัง ผมได้สลัดตัวเองคนเก่าทิ้งจากรายการนี้ ผมประทับใจกรรมการทุกท่าน ที่คอยแนะนำสั่งสอนทั้งในรายการและนอกรอบ ทุกคนจะบอกเสมอว่าการเป็นแชมป์นั้นยากแล้ว แต่รักษาแชมป์สิยากกว่า สำคัญที่สุดคือการมอบความสุขให้ผู้ชม

ถามไรอัลว่า ยิ่งชนะต่อเนื่อง ยิ่งสร้างแรงกดดันเพิ่มขึ้นไหม

ไรอัล: ไม่เลย แมตช์ต่อแมตช์ ไม่นับรวมที่ผ่านมา ไม่เคยคิดว่าฉันชนะมาร้อยครั้งแล้ว ครั้งหน้าก็ต้องชนะ ยิ่งแข่ง เพลงที่ถนัดก็น้อยลงเรื่อยๆ เราไม่ได้เก่งไปหมดทุกเพลง แค่ร้องไม่เพี้ยน ไม่ลืมเนื้อ ก็พอใจแล้ว แต่ถ้าพลาดก็แค่แพ้ ไม่มีไรยาก

มีแมตช์ที่พิเศษกว่าแมตช์อื่นไหม

ไรอัล: แข่งกับพี่ชายที่รู้จัก เขาก็มาปลดหนี้แหละ พอเล่าเรื่องชีวิตของเขา หดหู่มาก เศร้ามาก ร้องไห้ทั้งสตูดิโอ ตอนนั้นคิดในใจถ้าเราชนะก็จะยกเงินรางวัลรอบนี้ให้เขาหมดเลย ซึ่งก็ได้ทำตามที่ตั้งใจครับ

เหตุผลที่ไรอัลตัดสินใจขอยุติการแข่งคืออะไร

ไรอัล: มันมีกระแสโจมตีอยู่ตลอดว่า เด็กเส้นรึเปล่า ล็อกตำแหน่ง ร้องก็ไม่ดีมาก จะอยู่จนรายการเจ๊งไหม แข่งจนรวยเลยนะ ที่ผ่านมาผมค่อนข้างโลกสวย เราทำดีแล้วมาด่ากันทำไม เราทำเพื่อครอบครัวนะ คุณมาว่าอย่างนี้ได้ไง ตอนนั้นเครียดจนเดินไปบอกโปรดิวเซอร์ ผมอยากสละตำแหน่ง ไม่ไหวแล้ว พี่เขาถามกลับว่าเราทำเพื่อใคร เพื่อคนในโซเชียลมีเดียเหรอ ไม่ เราทำเพื่อครอบครัว คนในโลกโซเชียลไม่ได้ให้ตังค์เราซะหน่อย ก็ฮึบไปต่อ ทั้งที่ตอนนี้สละแชมป์ไปนานละ ยังไม่วายมีคนด่าอยู่ เราก็ปล่อยผ่าน ไอ้นี่ไม่สนโลกเลยสินะ สนแต่จะด่าคนอื่นอย่างเดียว ที่จริงผมคิดจะสละตำแหน่งตั้งแต่สมัยที่ 100 แล้ว แต่ก็เลื่อนไป ถ้างั้นเอาสมัยที่ 150 ละกัน เพราะ M150 เป็นสปอนเซอร์ ก็ยังไม่สำเร็จอีก จนสมัยที่ 165 จะสละให้ได้แล้ว ขี้เกียจมาก แต่เลขไม่สวยเลย เอาวะ 200 ละกัน พอถึงปั๊บผมประกาศทันที ภาพความทรงจำวันแรกย้อนเข้ามาในหัว แต่ไม่เสียใจเพราะถึงเวลาอันสมควรแล้ว

เงินรางวัลที่ได้จัดสรรอย่างไรบ้าง

ไรอัล: ใช้จ่ายในครอบครัว เตรียมซื้อบ้าน เราไม่ร่ำรวยแต่เด็ก พอมีเงินหน่อยก็คิดเสมอว่าจะไม่ฟุ่มเฟือย แม้บางครั้งจะซื้อของที่อยากได้ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่เคยขาดไป

ทั้งสามหนุ่มเป็นคนลูกทุ่งรุ่นใหม่ มองวงการลูกทุ่งปัจจุบันอย่างไร และมีอะไรที่อยากพัฒนาให้ดีขึ้นไหม

ไรอัล: ผมเคยเลื่อนเจอคลิปของป๋าเอกชัย ศรีวิชัย กล่าวว่าลูกทุ่งไม่ได้จางหายนะ แค่เปลี่ยนสไตล์ เปลี่ยนคนร้อง เปลี่ยนดนตรีไปตามยุคตามสมัย ยุคก่อนนิยมเสียงลมๆ ซ่าๆ ยุคนี้ก็นิยมเสียงที่หนักแน่นขึ้น มีดนตรีแนวใหม่มาผสม อย่างไรก็ตามเนื้อร้องยังเป็นลูกทุ่งอยู่ ยังเป็นคำและสำเนียงของลูกทุ่งอยู่ ด้วยความที่เราเป็นลูกทุ่งรุ่นปัจจุบัน เพลงของเราก็ย่อมเป็นไปตามสมัยนิยม การแต่งตัวก็เช่นกัน คงไม่แต่งชุดเพชรขึ้นร้องเพลงเหมือนเมื่อก่อน

ซัน: พวกเราคงทำเพลงทันสมัยขึ้นเข้ากับวัย อาจเอาดนตรีสตริงมาใส่บ้าง เอาการร้องมาผสมบ้าง แต่ไม่ทิ้งคำของลูกทุ่ง ลูกเอื้อนจะไม่ทิ้ง อย่างการรวมตัวเป็น RSF แม้เพลงจะมีความหลากหลาย แต่ไม่ทิ้งความเป็นลูกทุ่ง เพราะเราเกิดจากตรงนั้น

มีชื่อเสียงย่อมไม่ง่ายแต่รักษาชื่อเสียงให้ได้นั้นยากกว่า

ไรอัล: พยายามเป็นตัวเอง ไม่เสแสร้ง ไม่หลอกลวง ไม่ปลอมใส่ใคร

ซัน: มีคนเคยบอกผมว่า อย่าเรียกตัวเองว่าศิลปิน แต่ให้คนอื่นเป็นคนพูดว่าเราเป็นศิลปินดีกว่า ภูมิใจกว่า จะอยู่ตรงนี้ได้นานแค่ไหนนั้นอยู่ที่นิสัยส่วนบุคคล เดี๋ยวนี้ความดังมาไวไปไว เราไม่รู้ว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหน ดังนั้นเมื่อมีเงินหน่อยจึงต้องรีบเก็บ ซื้อที่ ซื้อบ้าน แล้วพวกเราก็จะเตือนกันตลอด อันนี้ไม่ดีนะ ต้องอ่อนน้อม ถ่อมตน เป็นเด็กน่ารักที่ไม่ว่าจะดังกว่านี้หรือไม่ ก็ยังเป็นไรอัล ซัน ฟอร์ม คนเดิม

บทเรียนจากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา

ไรอัล: อดทน อดกลั้น มั่นคงต่อทางที่เลือก หลายครั้งเส้นทางที่เลือกก็ไม่สวยหรู บางคนเดินเหยียบตะปู เจ็บเท้า เดินต่อไม่สะดวก บางคนเดินอยู่แล้วเผลอตกน้ำ กว่าจะว่ายขึ้นฝั่งได้ก็ไม่ง่าย ในขณะที่บางคนตกน้ำเหมือนกันกลับเจอคนพายเรือมาช่วย แม้จะเป็นเส้นทางเดียวกันแต่ละคนก็เจอไม่เหมือนกัน ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคืออดทน ประสบการณ์ที่ผ่านมาจะเป็นภูมิคุ้มกันในชีวิตเรา การเก็บเรื่องแย่ๆ ไปคิด มีแต่จะยิ่งตอกย้ำและฟุ้งซ่าน ทางออกที่ดีคือปล่อยวางให้เร็ว เรื่องที่มันแย่ก็คือแย่ ไม่สามารถกลับมาดีได้ เหมือนนมบูดที่เอากลับมากินไม่ได้เพราะฉะนั้นก็ต้องทิ้งไป จะเก็บไว้ทำไม

ฟอร์ม: ชีวิตคนเราไม่ง่ายครับ ชีวิตแต่ละคนไม่ง่ายเลย บางคนเกิดมามีแรงซัพพอร์ตก็โชคดี แต่บางคนเช่นผมต้องดิ้นรนด้วยตัวเอง ทว่าในทางกลับกัน ด้วยความที่เราต้องสู้แต่เด็ก เราจึงมีความคิดและทัศนคติในการทำงานโตกว่ารุ่นเดียวกัน มีความเป็นผู้นำมากกว่า

ซัน: ชีวิตที่ผ่านมาค่อนข้างลำบาก เป็นหนี้สิน เหลือตังค์แค่ 300 บาท ดิ้นรนประกวดร้องเพลง ทั้งหมดนั้นเราผ่านมาได้ด้วยความอดทน อุปสรรคใดๆ ล้วนข้ามผ่านได้ และไม่ว่าอย่างไรจะไม่ยอมให้ความหลงผิดชั่ววูบของตัวเองทำทุกอย่างพัง

ถ้าขอบคุณตัวเองได้ 1 ข้อ จะขอบคุณอะไร

ซัน: ขอบคุณที่ทำให้พ่อแม่สบาย ทั้งที่ถ้ามองดูแล้วอุปสรรคที่เราเจอตอนอายุแค่นั้น ไม่น่าจะผ่านไปได้ แต่เราก็ทำสำเร็จด้วยตัวเอง แม้ว่าต้องเจอคนที่ไม่ชอบเราหรือคอมเมนต์ด่าเรา ขอบคุณที่อดทนอดกลั้นยับยั้งอารมณ์ไว้ ทั้งที่เราก็เป็นแค่วัยรุ่นคนหนึ่ง และไม่ว่าจะเจออะไรในวันข้างหน้าก็ต้องอดทนได้ ที่ผ่านมายังไหวเลย

ไรอัล: ขอบคุณตัวเองที่ซื่อสัตย์ต่อความฝัน ขอบคุณเด็กแว่นคนนั้นที่นอนร้องไห้ในห้องแต่ไม่ยอมแพ้ ปาดน้ำตาแล้วสู้ต่อ แม้จะมืดแปดด้าน แต่ท้ายที่สุดเราก็หาแสงสว่างของตัวเองเจอ

ฟอร์ม: ขอบคุณตัวเองที่อดทน ไม่หยุดพัฒนา และพาตัวเองให้เจอมิตรภาพที่ดี

คติประจำใจที่ยึดถือไว้

ไรอัล: ทำวันนี้ให้ดีที่สุด อย่าคิดเยอะ พรุ่งนี้จะมีเราไหมไม่รู้ แต่วันนี้มีเราแน่ เมื่อวานผ่านมาแล้วช่างมัน

ซัน: เราเคยผ่านช่วงเวลาที่ไม่มีอะไรเลย ถ้าวันหนึ่งจะไม่เหลืออะไรอีก ก็ต้องรับให้ได้

ฟอร์ม: จะไม่ใฝ่หาอนาคตที่ดี ถ้าปัจจุบันยังทำดีไม่ได้ ตื่นเช้ามามีหน้าที่ทำอะไรก็ทำให้ดี จะได้ไม่เสียใจทีหลัง

RSF จะมีผลงานอะไรให้ติดตามบ้าง

ซัน: พวกเราจะมีผลงานเพลงร่วมกัน แล้วก็มีแฟนมีตติ้งที่ญี่ปุ่นเร็วๆ นี้ และมีรายการในยูทูบที่ทำด้วยกันในช่องยุ้งข้าวเรคคอร์ด ส่วนงานเดี่ยวซันจะมีละครทางช่อง 7 ครับ ละครเย็นและละครหลังข่าว ฝากคณะลิเกของซันด้วยครับ

ไรอัล: เจอพวกเราตามรายการต่างๆ ในช่องเวิร์คพอยต์ รวมทั้งรายการไมค์หมดหนี้ด้วย ยังเจอผมได้อยู่ครับ

ฟอร์ม: นอกจากเพลงที่ทำร่วมกันในนาม RSF แล้ว แต่ละคนก็มีซิงเกิลเดี่ยวของตัวเองทยอยออกมา และในปีนี้จะมีละครของพวกเราสามคนด้วยครับ


สถานที่ถ่ายทำ

Workpoint Studio

99 หมู่ที่ 2 ถนน เลียบคลองเปรมประชากร ตำบล บางพูน อำเภอเมืองปทุมธานี ปทุมธานี 12000

เสื้อผ้า

– lookmai.92

– treeteetee

แต่งหน้า – ทำผม

หน้า Prempimakeupth

ผม NANNY_HAIR

ภิญญ์สินี

Writer

กองบรรณาธิการ ศิษย์เก่าเอกปรัชญาและศาสนา ชอบติดตามกระแสสังคม และเทรนด์แฟชั่น สนใจศิลปวัฒนธรรม และสีมงคล ลายนิ้วหัวแม่มือคือลายมัดหวาย

อนุชา ศรีกรการ

Photographer

ช่างภาพที่เกิดวันเดียวกับวันถ่ายภาพโลก เลยทำอย่างอื่นไม่เป็นแล้ว

2 ความคิดเห็น

  1. ขอบคุณ all magazines ที่นำเสนอเรื่องราวชีวิตของน้องไรอัล น้องซัน น้องฟอร์ม น้องทั้ง3คน เป็นตัวอย่างเยาวชนรุ่นใหม่ที่น่านำมาตัวอย่างที่ดีมากๆค่ะ ขอเป็นกำลังใจ และจะคอยสนับสนุนน้องทั้ง3ให้เติบโตในวงการเพลงลูกทุ่ง อย่างที่ตั้งใจไว้นะคะ

  2. น้องทั้ง3คน มีความคิดโตเป็นผู้ใหญ่มาก ครอบครัวคือ กำลังใจที่ดีที่สุด อยากเห็นเค้าเติบโตไปเรื่อยๆ อย่าท้อแท้อะไรง่ายๆ ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ สู้ๆนะครับ?

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!