คำว่า “รู้” เขียนง่าย อ่านง่าย แต่ความหมายลึกซึ้ง บางคนรู้ลึก บางคนรู้จริง บางคนรู้เพียงผิวเผิน บางคนรู้นะแต่ไม่แสดงออก
บางครั้งความรู้ก็ทำให้เราเกิดความทุกข์ เช่นรู้ความลับของคนอื่น เลยอิจฉาตาร้อน บางคนรู้แล้วเอาความรู้ไปเบียดเบียนคนอื่น รู้แบบนี้ตนก็ทุกข์ คนอื่นก็ทุกข์ บางคนไม่รู้ไม่ชี้ ถามอะไรก็ไม่รู้ๆ (ไม่รู้ไม่ชี้ดีแล้ว เพราะถ้าไม่รู้แล้วไปชี้อาจผิดได้ หรือบางครั้งอาจทำให้ตนเองและคนอื่นเดือดร้อน)
บางคนรู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง คือไม่ประทะ ไม่ตอบโต้ ใช้ความสงบสยบความวุ่นวาย คือไม่พูดดีกว่าจะได้ไม่มากเรื่อง
บางคนความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด เพราะว่าโลกของความจริงกับโลกในตำราเรียนต่างกันมาก ถ้าไม่รู้จักปรับตัว เราก็จะอยู่ยาก
โยมทุกท่าน ห้องเรียนที่ชื่อว่าโลก เป็นห้องเรียนที่สอนทุกวิชา สอนตั้งแต่สากกะเบือยันเรือดำน้ำ ไม่ใช่ครับหลวงพี่ สากกระเบือยันเรือรบถึงจะถูก หลวงพี่พูดแบบนี้ก็ถูกเหมือนกัน แต่จะถูกขังคุกแทน แน่ะ คดีเก่ายังไม่เงียบ ยุให้อาตมามีคดีใหม่อีกแล้ว
ถ้าเรารู้จักยอมรับความเป็นจริง โลกนี้ก็ไม่ได้อยู่ยากนะโยม เช่น เราต้องขอบคุณความทุกข์ที่บอกอะไรเราอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีเสแสร้งแกล้งทำ ไม่เหมือนกับความสุขบางทีก็ทำให้เราหลงเพลิดเพลินจนลืมพิจารณาตัวเอง
เมื่อเกิดความหลงเราต้องมีสติ แล้วเตือนตนเองว่าขอบคุณความหลงที่บอกให้เรารู้ว่า ยังมีอีกคำที่ทำให้คนชอบเข้าใจผิดว่าเป็นความรัก
เมื่อเราเป็นคนคิดมาก เราก็ต้องรู้จักปรับตัว เราห้ามความคิดไม่ได้ แต่เราสามารถเอาสติไปกำหนดรู้ความคิดได้ และต้องขอบคุณความคิดซึ่งช่วยให้เราได้ใช้อวัยวะที่ชื่อ “สมอง” บ่อยๆ แม้บางครั้ง ความคิดจะมีมากเกินไปจน “ล้น” แต่หลายครั้งที่เราหยุดทำเรื่องไร้สาระได้ ก็เพราะความคิดมากห้ามเอาไว้
บางคนคิดมาก คิดจนเพ้อเจ้อ กลายเป็นคนฝันลมๆ แล้งๆ แต่ถ้าเรามองอีกมุมหนึ่ง สิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ก็ล้วนมาจากจินตนาการหรือความฝันนั้นเอง ดังนั้นความฝันของคนเราจึงไม่ได้เลวร้ายอะไร ถ้าเรารู้จักต่อยอดความฝันก็จะมีความจริงที่แปลกใหม่เกิดขึ้น
โยม เพราะเรามีความคิด ความฝัน คนเรานั้นจึงได้แตกต่างกัน แต่บางคนกลับเห็นว่า ใครคิดต่าง พูดต่าง ทำต่างจากตนย่อมเป็นคนที่นอกคอก นอกแถว
ที่จริงแล้วเราต้องขอบคุณความแตกต่างที่ทำให้โลกนี้สวยงามและไม่น่าเบื่อ การยอมรับความแตกต่างระหว่างเรากับคนอื่น จะทำให้ประตูของมิตรภาพเปิดออกตลอดเวลา
โยมทั้งหลาย โลกคือห้องเรียนขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เราเคยเรียนมา และเป็นที่แห่งเดียวก็ว่าได้ ที่คนเรียนกับคนให้คะแนน คือคนคนเดียวกัน นั่นคือตัวเราเอง
ทุกวิชาที่ได้เรียน ไม่มีวิชาไหนที่ผ่านไปง่ายๆ แต่ก็ไม่มีวิชาไหนที่ยาก เกินกว่าจะเรียนรู้ นี่คือห้องเรียนที่ชื่อว่าโลกได้สอนเรา
ถ้าบอกว่าโลกนี้เต็มไปด้วยปัญหาและความทุกข์ มันก็ถูก แต่ถูกเพียงบางส่วน คนที่มีความสุขนั้น ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีปัญหาหรือความทุกข์ แต่เขามีสติ เปลี่ยนปัญหาให้เป็นปัญญา เปลี่ยนความทุกข์ให้เป็นความสุข
มุมมองของปัญหา ถ้าโยมมองว่าปัญหานั้นใหญ่ แก้ไม่ไหว และไม่มีใครช่วยโยมได้ โยมก็จะเครียดมาก ความเครียดเกิดจากสาเหตุสำคัญสองประการคือ
- 1. สภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิต เช่น ปัญหาการเงิน ปัญหาการงาน ปัญหาครอบครัว ปัญหาการเรียน ปัญหาสุขภาพ ปัญหาโรคโควิดที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ บางคนจะไปไหนก็กังวลไม่หาย หลายคนปวดหัว ไอ จาม ก็อดคิดไม่ได้ว่าเราติดหรือยังนี่ โยม อาตมาขอบอกว่า ติดแล้วไอ ติดแล้วไข้ ยังดีกว่าติดแล้วไม่จ่าย มันคนละติดครับหลวงพี่
โยมไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องกังวล ป้องกันตัวเองให้ดี ฉีดวัคซีนให้ครบเหมือนอาตมา ฉีดครบติดโควิดเลย แต่เราจะมีภูมิต้านทาน เชื้อไม่ลงปอด แล้วก็รักษาง่าย อาการไม่รุนแรง ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องกังวล อาตมาเป็นมาแล้ว
ตอนนี้กักตัวที่บ้านเพิ่มอีก 14 วัน ที่ชัยภูมิบ้านอาตมาคนป่วยก็เพิ่มขึ้น เช้าวันหนึ่งมีโยมคนหนึ่งมาถวายภัตตาหารให้อาตมา ขณะนั้นมีโทรศัพท์ของลูกซึ่งทำงานที่ชลบุรีโทร.มาบอกว่าติดโควิด โยมอุทานขึ้นอย่างดังว่าคุณพระช่วย อาตมาคิดในใจ พระก็ช่วยไม่ได้หรอกโยม พระก็ติดเหมือนกัน
- 2. การคิดและการประเมินสถานการณ์ของบุคคล โยมจะสังเกตได้ว่า คนที่มองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ขัน ใจเย็นนั้นมีความเครียดน้อยกว่าคนที่มองโลกในแง่ร้าย เพราะรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเป็นยารักษาความเครียดขนานเอก
โยมทั้งหลาย สิ่งที่เราต้องแสวงหาตอนนี้คือความรู้
รู้เรื่องโรค เพื่อป้องกันรักษาและดูแลตนเอง
รู้เรื่องโลก คือสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
รู้เรื่องธรรมะ เรียนรู้ทำความเข้าใจ และนำมาใช้ในชีวิตประจำวันให้เป็นปกติวิสัย เวลาที่เรามีความทุกข์ มีความเสียใจ ใจของเราจะได้ปกติ เจริญพร
คอลัมน์: ธรรมะอมยิ้ม
เรื่อง: พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต
ภาพ: ขวัญญาณี ศิรธนอนันต์