เรื่องแปลกๆ

-

คอลัมน์ Ripley’s Believe It or Not มีอายุครบหนึ่งร้อยปีในปีนี้

มันเริ่มต้นด้วยคอลัมน์กีฬาในปี 1918 แล้วค่อยขยายออกนอกวงการกีฬา กลายเป็นรวมเรื่องแปลก

และกลายเป็นคอลัมน์ยอดนิยมของชาวโลก

‘Ripley’ เป็นชื่อของนักเขียนการ์ตูนชาวอเมริกัน ลีรอย รอเบิร์ต ริพลีย์ เป็นนักเขียนที่เขียนได้ทุกแนว เขาเขียนคู่มือท่องเที่ยว แม้แต่เรื่องการชกมวย ทั้งเขียนเรื่องและวาดภาพด้วย

ในปี 1919 หลังจากแต่งงาน ริพลีย์เดินทางเที่ยวรอบโลก พบเรื่องราว สถานที่แปลกๆ มากมาย บันทึกไว้ มันกลายเป็นวัตถุดิบให้เขาเปลี่ยนแนวจากกีฬาเป็นเรื่องแปลกๆ เหลือเชื่อต่างๆ

เป็นที่มาของ Ripley’s Believe It or Not! (เชื่อหรือไม่)

ริพลีย์ทำงานโดยมีคนช่วยค้นคว้าเพิ่มเติม ชื่อ นอร์เบิร์ต เพิร์ลรอธ นอร์เบิร์ตนั่งในห้องสมุดประชาชนนิวยอร์กวันละสิบชั่วโมง หกวันต่อสัปดาห์ ค้นหาเรื่องแปลกๆ ให้ริพลีย์เขียน นอร์เบิร์ตทำงานค้นคว้าให้เขานานถึง 52 ปี

งานของริพลีย์ไปเข้าตาผู้บริหารสื่อพิมพ์ยักษ์ใหญ่ ในปี 1929 งานของเขาได้รับการเผยแพร่ในวงกว้างไปทั่วโลกผ่าน King Features Syndicate

ในยุครุ่งเรือง มีคนอ่านเรื่องแปลกๆ ของริพลีย์ถึง 80 ล้านคนต่อวัน

งานของเขาไม่มีวันสิ้นสุด เพราะมีผู้อ่านส่งเรื่องแปลกๆ มาให้ตลอดเวลา เล่าเกร็ดแปลกๆ จากทั่วโลก สถานที่แปลกๆ เหตุการณ์แปลกๆ สไตล์งานเขียนยังเป็นรูปวาด

Ripley’s Believe It or Not! กลายเป็นแฟรนไชส์ธุรกิจ แสดงเรื่องแปลกประหลาด ไม่น่าเชื่อทั้งหลาย ทั้งในรูปแบบการ์ตูน หนังสือ วิทยุ โทรทัศน์ พิพิธภัณฑ์ และเกม

แปลกจริงที่มันอยู่มาได้นานขนาดนี้!

 

มนุษย์เรามีนิยามความแปลกตามความเคยชินของเรา

หมากัดคนไม่แปลก เพราะมันกัดของมันบ่อยๆ แต่คนกัดหมาเป็นเรื่องแปลก เพราะไม่มีใครทำกัน

มองในมุมของปรัชญาตะวันออก ความแปลกหรือความไม่แปลกเป็นเพียงสิ่งที่เราปรุงแต่งขึ้นมาเอง

สรรพสิ่งมีรูปลักษณ์และดำเนินไปตามทางของมันอย่างนั้นเอง เราไปคิดเองว่ามันแปลก ยกตัวอย่าง เช่น วัวห้าขาเกิดขึ้นเพราะเป็นการกลายพันธุ์ตามธรรมชาติ แต่เนื่องจากเราไม่เคยชินกับวัวห้าขา จึงเห็นว่ามันแปลก

ที่น่าแปลกกว่านั้นคือเราสามารถตีค่าวัวห้าขาเป็นตัวเลขแทงหวยได้

แปลกหรือไม่แปลกอยู่ที่มุมมอง

คอร์รัปชั่นไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะมันเป็นพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับความโลภของมนุษย์ ที่แปลกคือเราคิดว่าโกงไม่เป็นไร ขอให้ทำงานบ้างก็แล้วกัน

นอกจากนี้ยังมีเรื่องไม่แปลกที่น่าแปลกอีกมากมาย

รู้ว่าอาหารขยะทำให้ร่างกายพัง แต่ก็ยังกิน

เห็นธรรมชาติถูกทำลายแล้วเอาคืน จนกระทบกับวิถีชีวิตของเรา ก็ยังเดินหน้าทำลายธรรมชาติ

เกลียดการให้และรับสินบน แต่รักประชานิยม ทั้งที่มันก็คือการให้สินบนประชาชนอย่างหนึ่ง

ฯลฯ

หากมองในสเกลกว้างมากๆ เราจะพบว่าหลายเรื่องปกติของเราเป็นเรื่องแปลกมากในมุมมองของสิ่งมีชีวิตอื่น

เราเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่สวมแว่นตา พวกสัตว์เห็นก็คงคุยกันว่า “พิลึก! พวกคนเอาอะไรไม่รู้มาวางบนหน้า”

เราเป็นสัตว์ชนิดเดียวในโลกที่ยัดแท่งยาสูบใส่ปากแล้วจุดไฟ เอาควันไปรมปอดเล่น

เราเป็นสัตว์ชนิดเดียวในโลกที่สวมเสื้อผ้า แต่เราก็ทำเรื่องแปลกขึ้นไปอีกขั้น เมื่อเราพัฒนาจากเสื้อผ้าที่สร้างความอบอุ่น เป็นเสื้อผ้าที่ตั้งใจให้เก่าและฉีกขาด

เราก็เป็นสายพันธุ์เดียวในโลกที่เสริมหน้าอก เสริมคาง ทำหน้าเรียวแบบเกาหลี ตัดแต่งกราม ปรับโหนกแก้ม กรีดตาสองชั้น ทำจมูก ทำลักยิ้ม ดูดไขมัน ในมุมมองของสิ่งมีชีวิตอื่น คงรู้สึกว่าแปลกอย่างยิ่ง

เรายังเป็นพวกที่ใช้สมาร์ทโฟนอย่างเอาเป็นเอาตาย บางคนเดินข้ามถนนยังก้มหน้าดูสมาร์ทโฟน คงเป็นเรื่องที่สัตว์เห็นแล้วร้องว่า “เออ! พวกคนนี่แปลกจริง”

และคงรู้สึกแปลกขึ้นไปอีก หากรู้ว่าเราทำบุญเพื่อหวังผลตอบแทนในชาติหน้า

แน่ละ ชีวิตใครชีวิตมัน เราย่อมมีเสรีภาพที่จะทำอะไรก็ได้

แปลกหรือไม่แปลกอยู่ที่มุมมอง

อย่างไรก็ตาม เรามีเพียงชีวิตเดียว จะใช้แบบแปลกแต่ดี หรือดีแต่แปลก ก็เป็นทางเลือกของเรา

แต่ที่แปลกที่สุดอาจเป็นคนที่ผ่านวันเดือนปีไปอย่างไร้ค่าหรือปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม

Believe It or Not!


คอลัมน์: ลมหายใจ

เรื่องและภาพ: วินทร์ เลียววาริณ

winbookclub.com

เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/winlyovarin/

All Creative Team

Writer

ร่วมสร้างสังคมอุดมปัญญา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!