มาตรฐานมืออาชีพ

-

มาตรฐานมืออาชีพ

ไม่ว่าจะมีคนฟังเต็มฮอลล์นับพัน

หรือนั่งฟังกันไม่ถึงสิบคน

ผมก็จะพูดเหมือนเดิมเต็มที่ ไม่ต่างกัน

เพราะคนไม่ถึงสิบคน ถ้าเขาเห็นผมพูดไม่เต็มที่

เขาจะไปบอกต่อให้คนอื่นรู้สึกไม่ดีกับผมได้ไม่รู้อีกกี่คน

นี่คือหนึ่งในมาตรฐานการทำงานที่ผมตั้งเอาไว้

ไม่ใช่เห็นคนมามาก ก็พูดเต็มที่ เห็นคนฟังไม่ค่อยมี ก็พูดไปงั้นๆ

แล้วผลงานมันจะประจานตัวเอง

เพราะคนฟังหนึ่งคน เขาไปบอกต่อได้อีกไม่รู้เท่าไหร่

อยากเป็นมืออาชีพ ต้องมีมาตรฐานการทำงาน

ไม่ใช่ทำยังไงก็ได้ ขอให้ได้งาน ได้เงินก็เป็นพอ

หนึ่งในมาตรฐานในการทำงานที่ผมยึดถือมาตลอดก็คือ

ผมจะไม่รับงานพูดที่ผมไม่มีความรู้

แม้ผู้เชิญจะคะยั้นคะยอ ขอให้พูดอะไรก็ได้ แต่ตอนปิดท้าย

ช่วยขมวดเข้าเรื่องที่เขาต้องการแค่นิดเดียวก็พอแล้ว

แต่ผมเป็นห่วงคนฟังว่าเขาจะไม่ได้อะไรจากการมานั่งฟังผมเป็นชั่วโมง

เช่น เขาเชิญมาเรื่อง “เทคนิคการหารายได้จากการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ”

ถ้าผมไม่มีความรู้เรื่องนี้ หรือเป็นคนที่ไม่มีประสบการณ์ในการแลกเปลี่ยนเงินตรา

ผมจะไม่รับไปพูดเด็ดขาด

แม้ผู้เชิญจะบอกว่า “พูดเรื่องอะไรก็ได้” แต่ตบท้ายชวนคนมาหารายได้จากการแลกเปลี่ยนเงินตรา นิดเดียว

ผมก็ไม่รับ

เพราะเป็นการทำงานแบบ “ตีกิน”

คือพูดให้ครบเวลา แต่ไม่เข้าเรื่องที่เขาอยากฟัง

แล้วมาสรุปตอนท้ายแค่นิดเดียว

เกิดคนฟังบางคน เขาตั้งใจจะมาฟังเรื่องประโยชน์ของการแลกเปลี่ยนเงินตรา แต่ฟังจบเขาไม่ได้อะไร

เขาจะมาต่อว่าได้ทีหลัง

และอีกเรื่องหนึ่งในการรักษามาตรฐานในการทำงานของผมคือ

ผมจะไม่เชียร์สินค้าที่เชิญผมไปพูดจนออกนอกหน้า

เช่น เชิญผมไปในงานเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่

จะให้บอกว่ารถรุ่นนี้ดีกว่าใคร ประหยัดกว่ายี่ห้ออื่น ทันสมัยไม่มีใครเทียบ คงจะไม่ได้

ความจริงหน้าที่นั้นควรเป็นหน้าที่พิธีกรจะกล่าวบรรยายสรรพคุณกันไป

แล้วถามว่า ไปพูดงานเปิดตัวรถยนต์ ถ้าไม่เชียร์รถยนต์ที่เปิดตัว แล้วจะให้พูดอะไร

ก็พูด คุณสมบัติรถที่ดี เขามีอะไรบ้าง ไงครับ

สวยงาม ประหยัด ปลอดภัย ทันสมัย บริการดี ขายต่อราคาดี

ส่วนคุณสมบัติข้อใดเข้ากับรถรุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัว คนฟังจะคิดได้เอง

คำพูดเป็นกลางๆ ให้แง่คิด มุมมอง ให้ความรู้ เอาไว้เพื่อจะได้ดูรถยนต์ได้ทุกยี่ห้อ

แต่ถ้าเชิญไปพูดเรื่อง “ก้าวล้ำกับยนตกรรมยุคใหม่”

แล้วผมพูดเชียร์แต่รถที่กำลังจะเปิดตัวว่าดีกว่ายี่ห้อไหนๆ

แล้วรถยนต์อีกยี่ห้อที่เชิญผมไป ผมก็บอก รถยี่ห้อนี้ดีกว่ายี่ห้อใดๆ อีก

ผมว่าเชียร์แบบหลับหูหลับตา ไม่น่าทำ

มาตรฐานในการทำงาน ทุกอาชีพควรมีเอาไว้

ไม่ใช่มุ่งแต่เรื่องเงิน โดยไม่สนใจผลงาน

ผมแทบไม่รับไปพูดในงานเลี้ยง เพราะคนไม่ค่อยสนใจฟัง

ถ้าจะรับ ก็จะขอพูดก่อนหรือหลังรับประทานอาหาร จะได้ฟังกันได้

แต่ถ้าผมไม่สนใจผลงาน พูดไปกินไปก็ได้ พอจบ ผมก็รับเงินกลับบ้าน ไม่ต้องแคร์ว่าใครจะฟังหรือไม่

คิดอย่างนี้ก็ได้ แต่ไม่ใช่มืออาชีพ

ดังนั้น อยากเป็นมืออาชีพ ต้องรักษามาตรฐานของงานเข้าไว้

เพราะทำงานแบบเห็นแก่เงิน เห็นแก่ได้

ย่อมไม่ใช่มืออาชีพ


คอลัมน์: ก้าวไกลไปข้างหน้า เรื่อง: จตุพล ชมภูนิช

 

All Creative Team

Writer

ร่วมสร้างสังคมอุดมปัญญา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!