เปรตวันทอง

-

คัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาท่านว่า มนุษย์ผู้ใดใจบาปก่อกรรมทำเข็ญ เมื่อตายจากชาตินี้แล้วภพหน้าต้องไปเสวยกรรมในอบายภูมิทั้ง 4 คือ นรก เปรต อสุรกาย และเดรัจฉาน ภูมิใดภูมิหนึ่ง ทั้งนี้สุดแล้วแต่ยถากรรมที่เคยทำมา

วันทองนางเอกในเสภาขุนช้างขุนแผนซึ่งตามเรื่องราวกล่าวว่าเมื่อหล่อนตายแล้วต้องไปเกิดเป็นเปรตรับผลกรรม ทำให้หลายท่านเกิดข้อกังขาว่าหล่อนทำบาปกรรมอะไรหนักหนาจึงต้องอุบัติในภูมิเปรตรับทุกขเวทนาไปชั่วพุทธันดร คือจนกว่าจะสิ้นพระศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน

วันทองเดิมชื่อพิมพิลาไลย เป็นสาวงามชาวเมืองสุพรรณบุรี บุตรีพันศรโยธากับนางศรีประจัน นางกำพร้าบิดามาตั้งแต่เยาว์วัย อาศัยอยู่ในละแวกเดียวกับพลายแก้วและขุนช้างจึงเป็นเพื่อนเล่นกันมาแต่เมื่อยังเล็ก ต่อมาขุนไกรบิดาพลายแก้วต้องโทษประหาร ทองประศรีผู้มารดาต้องพาพลายแก้วหนีราชภัยไปอยู่เขาชนไก่เมืองกาญจนบุรี พอพลายแก้วเข้ารุ่นหนุ่มก็บวชเป็นสามเณรแล้วกลับไปศึกษาวิชาอาคมในสำนักอาจารย์ที่เมืองสุพรรณบุรี

วันหนึ่งวัดที่สามเณรพลายแก้วพำนักจัดเทศน์มหาชาติ นางศรีประจันรับเป็นเจ้าภาพกัณฑ์มัทรีซึ่งสามเณรพลายแก้วขึ้นเทศน์ สาวงามกับสามเณรรูปหล่อต่างได้เห็นและพึงใจกันมาตั้งแต่ก่อนวันเทศน์ พิมพิลาไลยประจงจัดเครื่องบูชากัณฑ์อย่างงดงาม ก่อนจะขึ้นเทศน์สามเณรพลายแก้วก็ได้ร่ายอาคมเสกสีผึ้งมหาเสน่ห์

พิมน้อยพอชม้อยไปปะตา                                  อายหน้าก้มนิ่งอยู่ในที
เณรพลายจึงร่ายละลวยซ้ำ                                 ประจำจิตรประสมเนตรวิเศษศรี         
กำลังมนตร์ดลพิมให้ยินดี                                  ไม่ขาดที่จะแลล่อไปต่อตา

เห็นไหมครับว่าทั้งสามเณรแก้วและสีกาพิมหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องของรูป เสียง กลิ่น รส จิตใจหาได้ใฝ่กุศลไม่ทั้งสีกาพิมยังเปลื้องผ้าสไบที่ห่มอยู่ถวายเป็นเครื่องบูชากัณฑ์เทศน์อีก

ทุกคนดลใจให้ศรัทธา                                       นางพิมเปลื้องผ้าทับทิมพลัน
จีบจบคำรบถ้วนสามที                                       ยินดีวางลงในพานนั่น
ถวายแล้วนอบนบอภิวันท์                                   พิษฐานสำคัญด้วยศรัทธา

สัมพันธภาพทางใจระหว่างสามเณรหนุ่มกับสีกาสาวก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่กี่วันต่อมาสามเณรแก้วก็ลอบลาสึกเฉพาะกิจ แล้วใช้มนตร์สะกดปีนขึ้นเรือนนางศรีประจันลักลอบได้เสียกับสีกาพิมแล้วกลับไปบวชเป็นสามเณรอีกครั้ง ลองพิเคราะห์ดูเถิดครับว่า สามเณรแก้วกับสีกาพิมร่วมกันทำผิดคิดมิชอบหรือไม่อย่างไร

 

 

ต่อมาพลายแก้วก็ได้แต่งงานกับนางพิม กำลังข้าวใหม่ปลามันได้ไม่กี่วันก็มีรับสั่งให้พลายแก้วคุมทัพไปตีเมืองเชียงทอง พิมพิลาไลยล้มป่วยอาการสาหัส ท่านขรัวตาจูวัดป่าเลไลย์จึงเปลี่ยนชื่อให้ใหม่เป็น “วันทอง” ความป่วยไข้จึงค่อยหายเป็นปกติ

ฝ่ายขุนช้างซึ่งหลงรักนางพิมมาช้านานได้ใช้อุบายลวงว่าพลายแก้วตายกลางศึกจนนางศรีประจันบังคับให้วันทองต้องแต่งงานกับขุนช้าง กำลังจะส่งตัวเข้าหอพลายแก้วก็คืนเรือน ได้รับตำแหน่งขุนแผนเป็นบำเหน็จศึกพร้อมภรรยาชาวเหนือนามว่าลาวทอง ส่งผลให้เกิดกรณีพิพาทรุนแรงจนขุนแผนพานางลาวทองจากไป วันทองจึงเหมือนตกกระไดพลอยโจน ต้องเข้าหอกับขุนช้างเศรษฐีเมืองสุพรรณ

กระผมขอรวบรัดตัดความข้ามตอนขุนแผนผจญภัย หาของดีสามอย่าง คือ กุมารทอง ม้าสีหมอก และดาบฟ้าฟื้นซึ่งเคยนำมาเล่าสู่กันฟังไปก่อนหน้านี้แล้ว ขุนแผนยังไม่หายแค้นขุนช้างจึงวางแผน “ขึ้นเรือนขุนช้าง–พาวันทองหนี” พานางวันทองบุกป่าฝ่าดงระหกระเหิน ฝ่ายขุนช้างทูลพระพันวษาขอให้กองทหารออกตามขุนแผนจนเกิดปะทะกัน ขุนแผนฆ่าทหารหลวงจนต้องรับโทษจองจำ

วันทองต้องกลับไปอยู่กับขุนช้างพร้อมลูกขุนแผนที่ติดท้องไปด้วย ขุนช้างเลี้ยงพลายงามลูกขุนแผนเหมือน “อีกาเลี้ยงลูกให้กาเหว่า” จนต่อมาขุนแผนออกจากคุกและพลายงามได้รับบรรดาศักดิ์เป็น “จมื่นไวยวรนาถ” หรือพระไวย คิดพรากวันทองผู้เป็นแม่จากขุนช้าง จนขุนช้างถวายฎีกาต่อพระพันวษาเพื่อให้ทรงชำระความโดยให้วันทองเลือกว่าจะอยู่กับใคร นางตัดสินใจไม่ได้ พระพันวษาจึงกริ้วรับสั่งให้ประหารชีวิต เมื่อตายแล้วนางวันทองได้ไปเกิดเป็นเปรต

จะกล่าวถึงวันทองที่ต้องโทษ                                พระองค์ทรงโปรดให้เข่นฆ่า
เมื่อขาดใจอาลัยถึงลูกยา                                     เวราพาเป็นอสุรกาย

บทเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนภาคปลาย สองพ่อลูกคือขุนแผนกับพระไวยมีเรื่องบาดหมางถึงกับต้องรบกันเปรตวันทองเกรงว่าขุนแผนจะฆ่าพระไวย จึงแปลงร่างมาห้ามพระไวยรบกับขุนแผน

ตัวเจ้าจะยกออกไปทัพ                                       น่าจะยับเยินย่อยถอยหนี
ศึกนี้หนักหนาสง่ามี                                           ไพรีเรี่ยวแรงจะรุกราน
รอรั้งระวังให้จงดี                                              จะเสียทีอย่าโหมเข้าหักหาญ
ว่าแล้วเผ่นโผนโจนทะยาน                                   เสียงสะท้านทั่วท้องพนาวัน
สูญหายกลับกลายไปตามเพศ                               เป็นเปรตสูงเยี่ยมเทียมสวรรค์
ไม่มีหัวตัวทะมื่นยืนยัน                                        เหียนหันหายวับไปกับตา

พิเคราะห์จากพฤติการณ์ในเรื่อง กระผมเดาว่าตัวเอกทั้งหลายก็น่าจะไม่พ้นภูมิเปรต หากวันทองต้องเป็นเปรตอยู่ตราบถึงสิ้นพุทธันดร คือพุทธศักราช 5000 ตอนนี้ยังเหลืออีก 2436 นานโขเชียวแหละ


คอลัมน์: ตะลุยแดนวรรณคดี

เรื่อง: บุญเตือน ศรีวรพจน์

ภาพ: ขวัญญาณี ศิรธนอนันต์

All Creative Team

Writer

ร่วมสร้างสังคมอุดมปัญญา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!