ปอบเข้าสิง หรือที่จริงเป็นโรคตับ

-

ประเทศไทยเรามีข่าวแปลกประหลาดจำพวกผีเข้าสิงมาให้งงกันอยู่เรื่อยๆ  อย่างล่าสุดนี่ก็เจอข่าวชายอายุ 61 ปี ตายแล้วฟื้น แถมลุกขึ้นมาหาของดิบกินตอนกลางคืน เหมือนถูก “ผีปอบ” เข้าสิง จนญาติต้องมาร้องขอความช่วยเหลือ

ตามรายงานข่าวแจ้งว่า ชายคนนี้ ซึ่งอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ มีอาการป่วยเกี่ยวกับตับมาตั้งแต่ พ.ศ. 2561 แล้ว และเมื่อไม่นานนี้ อาการเริ่มทรุดหนักลง จนมีน้ำในท้องออกมาตามรูสะดือ เดินไม่ได้ ไร้เรี่ยวแรง ต้องนอนพักเป็นหลัก แถมวันหนึ่งก็เกิดหมดสติ ไม่มีลมหายใจ เหมือนตายไปแล้วกว่า 10 นาทีก่อนที่จะฟื้นขึ้นมาใหม่ แล้วก็แสดงอาการประหลาดยิ่งกว่าเดิม คือ ชอบลุกขึ้นมาหาของกินตอนกลางคืนหรือกลางดึก ตีหนึ่งตีสอง และอยากกินพวกลาบเลือดสดๆ ถ้าไม่ได้กิน ก็จะอาละวาดด่าทอภรรยาและลูก จนชาวบ้านร่ำลือกันว่าโดนผีปอบเข้าสิงร่าง แทนวิญญาณที่หลุดลอยไป

ตามความเชื่อของชาวบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยนั้น ปอบเป็นผีที่ชอบกินของดิบของสด แถมกินเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักอิ่ม ผู้ซึ่งกลายเป็นปอบ น่าจะเป็นผู้ชอบทำคุณไสย แต่รักษาอาคมขลังติดตัวเอาไว้ไม่ได้ เลยกลายเป็นวิญญาณร้ายที่ไร้ตัวตน (บ้างก็ว่ามีรูปร่างเหมือนลิงหรือหมาดำ) และสามารถเข้าสิงคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ผู้ซึ่งถูกปอบเข้าสิงจะกลายเป็นคนดุร้าย พูดรำพึงรำพัน จำคนอื่นไม่ได้ กินอาหารดิบ และกลายเป็นร่างให้ปอปเอาไปใช้ทำเรื่องไม่ดี รวมทั้งถูกปอบกัดกินตับไตไส้พุง จนเกิดอาการใหลตาย หรือหลับตายไปเองในที่สุด

จากการศึกษาวิจัยเรื่องปอบในเชิงจิตวิทยานั้น พบว่าน่าจะเป็นโรคอุปาทานบุคลิก คล้ายกับกรณีของการถูกผีเข้าดังที่มีรายงานในประเทศอื่นๆ แต่เรื่องปอบเกี่ยวพันโดยเฉพาะกับความเชื่อในประเทศไทย  เนื่องจากเคยมีการศึกษาผู้ป่วยทางจิตจำนวนหนึ่งที่บอกว่าเกิดอาการผีปอบเข้าสิง แต่เมื่อนำมารักษาตัวในโรงพยาบาลเพียง 1 ถึง 2 สัปดาห์ อาการกลับดีขึ้น แต่ถ้ายังอยู่ในชุมชน ก็จะยังคงมีอาการต่อไปจนชาวบ้านรังเกียจและมักขับไล่ให้ออกจากชุมชน ทั้งนี้สอดคล้องกับแนวคิดทางมานุษยวิทยาและสังคมศาสตร์ซึ่งอธิบายความเชื่อเรื่องปอบเอาไว้ว่า น่าจะเป็นกลไกทางสังคมของคนท้องถิ่น เพื่อขับไล่คนที่ไม่น่าไว้วางใจเพราะมีพฤติกรรมผิดแปลกไป ด้วยการกล่าวหาว่าเป็นปอบ

ว่ากันว่า มีการศึกษาทางจิตเวชศาสตร์เรื่อง “ผีเข้า” กันมากขึ้น ตั้งแต่มีคนเอเชียอพยพเข้าไปอยู่ในประเทศทางตะวันตก และไปแสดงอาการผีเข้าหรือถูกของ ทำเอาจิตแพทย์ชาวฝรั่งงุนงงเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากไม่คุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้ และปัจจุบันได้จัดผู้ป่วยที่มีอาการวิกลจริตอันเนื่องจากเชื่อว่ามีผีเข้า ว่าเป็นการเจ็บป่วยชนิดหนึ่งทางจิตเวช ผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มอาการผีเข้านี้ บางกรณีสามารถวินิจฉัยได้ว่าเป็นโรคจิตอุปาทาน (หรือ hysterical psychosis) ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของผู้ป่วย ขณะที่บางกรณีก็อาจจะเข้าข่ายโรคจิตเภทที่เกี่ยวกับความคิด หรือโรคจิตอารมณ์โศกเศร้า รวมถึงโรคจิตที่เกิดจากสารพิษหรือสารเสพติด แต่ผู้ป่วยถูกปลูกฝังเรื่องผีเข้าไว้ในจิตใต้สำนึกมาตั้งแต่เด็ก

ดังนั้น การรักษาทางจิตเวชให้แก่ผู้ป่วยกลุ่มอาการผีเข้า จึงต้องพิจารณาตามลักษณะของโรค การให้ยารักษา เช่น ยาสงบประสาทหรือยาแก้ซึมเศร้า ก็ให้ในขนาดที่ต่ำกว่าการรักษาโรคทางจิตอย่างอื่น ๆ เพราะมักหายได้เร็ว ประมาณ 3 ถึง 7 วัน ผู้ป่วยก็จะเริ่มดีขึ้น รู้สึกตัว และตอบคำถามได้ เหมือนกับว่าผีเริ่มออกไปจากร่างแล้ว เพียงแต่ผู้ป่วยอาจกลัวว่าผีปอบจะกลับเข้ามาสิงอีก และต้องใช้การรักษาแบบจิตบำบัดควบคู่กันไป โดยการขอให้ผู้ป่วยเล่าที่มาที่ไปของผีนั้นจนหมดไส้หมดพุง โดยไม่ไปขัดแย้ง หรือทำให้ผู้ป่วยอับอายที่เชื่อว่าผีเป็นสาเหตุของความเจ็บป่วยของตน ถ้าผู้ป่วยเข้าใจกลไกของการเจ็บป่วยแล้ว อาการก็มักจะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว และบ่อยครั้งที่ชุมชนหรือครอบครัวเองก็ยอมรับให้กลับเข้าสู่สังคมได้ไม่ยาก ทั้งนี้เพราะเข้าใจว่าอาการป่วยแปลกๆ นั้นเกิดจากผีปอบที่ออกไปแล้ว

ย้อนกลับมาที่ข่าวเรื่อง “ชายวัย 61 ตายแล้วฟื้น มีผีปอบเข้าสิง” นั้น ตามความเห็นเบื้องต้นของแพทย์กลับมองว่าไม่ได้เกิดจากผีปอบ แต่ชายคนนี้น่าจะป่วยหนักจนมีอาการของ “โรคสมองจากโรคตับ” เพราะเป็นโรคตับมานานหลายปี อาจเป็นโรคตับอักเสบอันเนื่องจากติดเชื้อไวรัส หรือไม่ก็เป็นโรคตับแข็งที่พบได้บ่อย และการที่มีน้ำออกมาทางสะดือ ก็เนื่องจากตับอักเสบจนมีของเหลวสะสมในช่องท้อง เกิดแรงดัน และออกมาทางรอยเปิดของท้อง เช่นที่สะดือ

โรคสมองจากโรคตับ เป็นเพราะตับเกิดความเสียหาย ทำให้ร่างกายไม่สามารถกำจัดสารพิษที่ได้รับจากภายนอกได้ สารพิษต่างๆ จึงสะสมในกระแสเลือด เข้าไปสู่ระบบประสาทและสมอง จนสมองเกิดความเสียหาย จะเห็นได้ว่าผู้ป่วยมีอาการสับสนมึนงง วิตกกังวล ง่วงซึมอ่อนเพลีย มีปัญหาในการเรียบเรียงคำพูด เกิดอาการเพ้อ และมักมีบุคลิกภาพที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ภาวะแทรกซ้อนของโรคยังส่งผลให้รับประทานอาหารได้น้อยลง เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ความดันตก จนผู้ป่วยหมดสติ มีชีพจรเต้นเบา และหายใจรวยริน เมื่อญาติจับชีพจรไม่ได้ เลยนึกว่าเสียชีวิตไปแล้ว แต่ถ้าร่างกายผู้ป่วยถูกกระตุ้นให้ฟื้นตัว คืนสติขึ้นมา ญาติก็อาจจะเข้าใจผิดได้ว่า เป็นการตายแล้วฟื้น

ส่วนอาการอยากกินอาหารดิบหรือลาบเลือดนั้น เกิดขึ้นได้เมื่อผู้ป่วยมีอาการโลหิตจางจากตับอักเสบ ร่างกายขาดธาตุเหล็ก เลยตอบสนองด้วยอาการอยากกินอาหารที่มีเลือดผสมอยู่ อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยโรคสมองจากโรคตับนั้น ถ้าได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็อาจมีอาการดีขึ้นได้ แต่หากได้รับการรักษาล่าช้า ก็จะเป็นอันตรายอย่างมากจนถึงขั้นเสียชีวิต จึงควรนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน เพื่อเข้ารับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม

แม้ว่าในปัจจุบันนี้ ความเชื่อเรื่องผีปอบเข้าสิงจะลดลงบ้างตามความเจริญทางวิทยาศาสตร์และกระแสโลกาภิวัตน์ แต่ก็คงจะไม่เลื่อนหายไปทั้งหมดจากสังคมไทย ที่ยังมีการปลูกฝังความเชื่อเรื่องผีสางนางไม้อยู่ในสื่อทั่วไป ทว่าคงจะไม่เป็นไร ถ้าเรามองว่าอาการผีเข้าเป็นเพียงแค่ความเจ็บป่วยแบบหนึ่ง ซึ่งมีสาเหตุจากสภาพจิตหรือความผิดปรกติของอวัยวะร่างกาย และเมื่อได้รับการรักษาที่ถูกต้องจนหาย คือผีออกไปแล้ว ผู้ป่วยก็กลับเข้าสู่สังคมได้ดังเดิม


คอลัมน์: คิดอย่างวิทยาศาสตร์ เรื่อง: รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์

All Creative Team

Writer

ร่วมสร้างสังคมอุดมปัญญา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!