ตั้งแต่ช่วงหลังโควิดมาสักระยะ ตอนนี้วงการร้านอาหารน่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้แล้ว มองจากสายตาผม ด้วยสื่อที่หลากหลายมากขึ้นเรื่อยๆ ธุรกิจร้านอาหารในปัจจุบันนี้จึงทวีความดุเดือดและมีการแข่งขันสูงยิ่งกว่าช่วงก่อนโควิดเสียอีก
อาหารอร่อยเป็นปัจจัยแรก แต่ในยุคนี้ แค่นั้นอาจยังไม่พอ ยังต้องมีจุดขายและจุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่งขันในตลาด ไม่ว่าจะด้วยตัวคุณภาพอาหารเอง หรือการทำมาร์เก็ตติ้ง หรือคอนเซปต์
ร้านที่ผมจะแนะนำคราวนี้ ต้องบอกเลยว่า ถึงจะเป็นร้านที่เพิ่งก่อตัวมาได้ไม่กี่ขวบปี แต่เขาก็มีจุดขายและจุดแข็งที่ยอดเยี่ยมกระเทียมดอง
เป้าหมายของเราอยู่ที่ ‘Phed Phed Lhay’ (เผ็ดเผ็ดหลาย) ซอยสายลม (พหลโยธินซอย 8)
การเดินทางไปร้านนี้ถ้าให้สะดวก อาจนั่งรถไฟฟ้าไปลงสถานีอารีแล้วต่อรถแทกซี่ ดูตามกูเกิลแม็ปหาไม่ยาก หรือหากจะเอารถ ทางร้านก็มีที่จอดพอสมควร แต่ก็แนะนำให้จองไว้ก่อน
ร้านอาหารตกแต่งด้วยสไตล์แบบไทยฟิวชั่นนิดๆ ดูเก๋ไก๋ แต่ก็ไม่ได้ล้ำสมัยอะไรมาก ให้บรรยากาศเหมือนมากินข้าวบ้านเพื่อน
เมนูอาหารของที่นี่เยอะมากจริงๆ แวะไปกินหลายรอบก็ยังไม่หมด ที่ผมจะแนะนำคราวนี้ก็มีตำมังคุดที่ไม่เหมือนใคร เพิ่งรู้ว่าถ้าเอามังคุดมาทำแบบนี้แล้วมันจะอร่อยได้ถึงใจ
หมูสามชั้นที่ทอดด้วยน้ำปลาอย่างดี กับน้ำจิ้มหลากชนิด หรือจะเป็นยำวุ้นเส้นโบราณ ที่ดูเหมือนธรรมดาแต่ก็ไม่ธรรมดา วุ้นเส้นกรุบๆ กับรสชาติที่เข้มข้น เครื่องเคราที่ยำมาก็คุณภาพดี อร่อยทุกอย่าง
เมนูของที่ร้านนี้ต้องบอกว่าเยอะมาก สาธยายไม่หมดจริงๆ แล้วเท่าที่รู้มาตอนนี้เผ็ดเผ็ดฯ มีสาขาอยู่ทั้งหมด 6 สาขา โดยตั้งชื่อแตกต่างกันไป เช่นPhed Phed Lhay, Phed phed Cafe, Phed Phed Bistro, Phed Phed Pop ฯลฯ ซึ่งที่แตกต่างไม่ใช่แค่ชื่อร้าน แต่ทั้งคอนเซ็ปต์ และเมนูก็ต่าง แต่ละร้านแต่ละสาขา มีเมนูเด่นเมนูเด็ดโดยเฉพาะ และเมื่อนำเมนูแต่ละสาขามารวมกัน ก็เกินกว่า 1,000 เมนู แถมแต่ละเมนูไม่ใช่แค่ใส่มาให้ดูเยอะๆ ทว่าทุกๆ เมนู ต้องผ่านการลองสูตรกว่า 40 ครั้งจนกว่าจะได้รสชาติที่ลงตัวและพอใจ
จุดเด่นของร้านอาหารในเครือเผ็ดเผ็ดฯ นี้คือความแซ่บนัว รสจัด คุณภาพอาหารที่ยอดเยี่ยม และการปรุงรสที่กลมกล่อมแบบอาหารอีสาน หรือหากใครไม่กินเผ็ด ที่นี่ก็มีความเผ็ดให้เลือกถึงสี่ระดับ
ร้านเผ็ดเผ็ดหลายสาขาสายลมนี้ถือเป็นสาขาแรก แต่เดิมตั้งใจเปิดเป็นร้าน ขายงานแฮนด์เมดต่างๆ แต่ไปๆ มาๆ อาหารที่ทำเสริม กลับได้รับความนิยมมากกว่า เลยต่อยอดดังเป็นพลุแตก ขยับขยายมาจนทุกวันนี้
แม้สนนราคาของร้านจะสูงอยู่บ้าง แต่ในแง่รสชาติและวัตถุดิบ ก็นับว่าคุ้มค่า ถือเป็นรสชาติอาหารอีสานผสมผสานแบบใหม่ที่น่าสนใจทีเดียว เป็นอีกร้านที่แนะนำอยากให้ไปลิ้มลองครับ
ฉบับนี้เนื้อที่หมดแล้ว แล้วพบกันใหม่ฉบับหน้าครับ
คอลัมน์: ไทยชวนไทยชิม
เรื่องและภาพ: สมบูรณ์ สุข