‘พีท’ มนตรี บรรลุผล
สตันต์ไทยสู่สตันต์โลก
“หลายครั้งที่ลำบาก เหนื่อย ท้อ แต่ผมไม่เคยยอมแพ้ ผมมั่นคงกับความฝันตั้งแต่อายุสิบสาม และไม่เคยเปลี่ยนใจ ตอนแรกพ่อแม่อยากให้หางานมั่นคงทำ ผมเลยอยากพิสูจน์ให้เห็นว่าผมทำได้ ทุกวันนี้พวกเขาก็เห็นแล้ว เปลี่ยนใจมาสนับสนุนผมเต็มที่แทน” คุณพีท นักกีฬาโววีนัม ตัวแทนทีมชาติ และสตันต์ไทยที่ได้โลดแล่นร่วมฉากกับหนังระดับโลกหลายต่อหลายเรื่อง เล่าอย่างภาคภูมิใจถึงเส้นทางที่เขาเลือกอย่างมุ่งมั่นไม่ผันแปร
ก้าวแรก
“ผมยังไม่รู้ว่าตัวเองอยากเป็นอะไร จนอายุสิบสาม ได้ดูหนังองค์บาก เกิดแรงบันดาลใจและรู้ว่าเราอยากเป็นนักแสดงแอ็กชัน ผมฝึกฝนด้วยตัวเอง ไม่ได้เข้าเรียนที่ไหน เพราะก่อนนั้นเกิดพิษเศรษฐกิจทำให้ครอบครัวล้มละลาย เลยไม่มีเงิน เรียนไป ทำงานไป ฝึกไปทุกวันไม่เคยขาด”
พอจบม.ปลาย คุณพีทมาทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟในกรุงเทพฯ ระหว่างนั้นยังฝึกด้วยตัวเองอยู่ตลอด จุดเริ่มต้นที่ทำให้ได้ก้าวเข้าสู่วงการนี้ คือการสมัครเป็นนักแสดงตัวประกอบในโมเดลลิ่งที่เปิดรับ งานแรกที่ได้คือร่วมเล่นในหนังอองซานซูจี แม้เป็นเพียงตัวประกอบฉากเล็กๆ แต่คุณพีทก็สั่งสมประสบการณ์ทำงานนี้อยู่สองปี จนได้เจอกลุ่มสตันต์แมนในหนัง โอกาสที่สองจึงบังเกิด
“พี่ๆ แนะนำให้ผมได้รู้จักอาชีพสตันต์แมนจริงๆ ได้ไปฝึกกับตัวจริง ทั้งเตะต่อยคิวบู๊ฟันดาบทุกอย่างที่ใช้ในแอ็กชัน ฝึก 5-8 ชั่วโมง ไปถึง 12 ชั่วโมงก็มี เริ่มได้งานด้านสตันต์มา พอเข้าสู่สายงานสตันต์ ก็ต้องเริ่มต้นในวงการใหม่หมด กินแกลบไปช่วงแรก (หัวเราะ) แต่ก็อดทนครับ เพราะเป็นสิ่งที่เราต้องการ”
เส้นทางสู่ฮอลลีวูด
“ผมเชื่อว่าถ้าสร้างเส้นทางให้ตัวเองแล้วโอกาสจะเข้ามาหา ผมเริ่มจากฝึกตัวเองจนมีความสามารถด้านนี้ เล่นละครไทย ไต่เต้าไปหนังไทย แล้วเราได้รู้จักรุ่นพี่ที่เขาเห็นความสามารถ และความตั้งใจของเรา และได้แนะนำเรากับงานต่างประเทศ เป็นโอกาสตรงนั้น พอเริ่มเรื่องแรกก็มีเรื่องอื่นตามมา”
ความสามารถดีใช่ว่าจะเป็นปัจจัยหนุนนำให้ได้ไปถึงฮอลลีวูด คุณพีทย้ำว่าวินัยและคุณธรรมคือสิ่งสำคัญกว่า
“ถ้าไม่มีคุณธรรมต่อให้เก่งแค่ไหน ก็ไม่มีใครช่วยผลักดันเรา เขาจะมองว่าเรานิสัยไม่ดี ไม่มีใครอยากเรียกใช้งาน ส่วนเรื่องภาษา ผมไม่ได้เก่งนะ ฝึกด้วยตัวเอง อาศัยว่าพูดเยอะๆ จำเยอะๆ อย่าเอาแต่อายเวลาพูด ถ้าตัดความคิดนี้ไปได้ เราจะพัฒนากว่าใคร ผมเคยโดนเพื่อนล้อเหมือนกัน การได้ภาษาคือใบเบิกทางชั้นยอด จะทำให้เราโกอินเตอร์ได้ วงการไทยกับฮอลลีวู้ดแตกต่างกันมาก ทางนั้นให้ค่าสตันท์เท่าเทียมกับดารา ที่อเมริกามีกฎหมายรองรับอาชีพนี้ ต้องมีใบวิชาชีพนะ แต่ในไทยกลับไม่เห็นค่าของสตันต์ การดูแล ยังแบ่งแยกชนชั้นวรรณะไม่ต่างจากอินเดีย (หัวเราะ)”
การพิชิตความท้อใจ
กว่าจะมาเป็นสตันต์ในหนังมาร์เวลได้ ก็ต้องผ่านช่วงท้อใจอยู่หลายครั้ง แต่คุณพีทไม่เคยเลิกสู้กลางคัน “ผมเชื่อว่าทำดีต้องได้ดี และเชื่อในความพยายาม ถ้าไม่ลงมือทำก็ไม่สำเร็จ ทุกคนอาจบอกว่าเราไม่รู้อนาคตหรอก ไม่จริงครับ อดีตส่งผลมาปัจจุบัน และปัจจุบันส่งถึงอนาคต ต้องเชื่อมั่นในความดีและการกระทำของเรา ผมเชื่อมั่นอย่างนั้น จึงส่งผลมาถึงทุกวันนี้ ผมสู้ชีวิตลำบากมาตลอด ซ้อมวันละหลายชั่วโมง ทุ่มเทกับการฝึก จนมีความสามารถถึงขั้นได้เป็นนักกีฬาทีมชาติ ได้เป็นสตันต์ฮอลลีวู้ด เพราะลงมือทำ”
สิ่งที่ภาคภูมิใจที่สุด
“การพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นครับ ลบคำสบประมาทที่โดนดูถูกเอาไว้ได้แล้ว ให้พ่อแม่ภูมิใจว่าผมทำได้นะ ได้ร่วมงานกับนักแสดงฮอลลีวู้ดมากมาย ได้ทำงานกับหนังหลายเรื่อง สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยในฐานะนักกีฬาทีมชาติ”
ปลายทางที่หวังไว้
ดาราในดวงของคุณพีทคือโทนีจา กับแจ็กกีชาน ซึ่งคนหลังคือเป้าหมายที่เขาต้องการบรรลุให้ได้
“ผมอยากเป็นนักแสดงฮอลลีวูดแอ็กชั่น เหมือนอย่างแจ๊กกี้ชาน ถ้าประสบความสำเร็จถึงจุดนั้นได้ ผมจะสามารถสร้างความสำเร็จแก่ใครหลายคนได้อีก อย่างพี่ๆ ที่ให้โอกาสผม ดูแลผมมาตลอด อยากทำเหมือนแจ็กกีชาน ตั้งบริษัท ดูแลทุกคนที่ร่วมทุกข์สุขกันมาเป็นครอบครัว ให้โอกาสคนอื่น”
ถึงทุกคนที่มีฝัน
“ทุกอย่างไม่มีอะไรง่าย ต้องบากบั่นฟันฝ่าแลกมาถึงจะได้มา ต้องสู้ไม่ถอย ลองมองคนที่ประสบความสำเร็จสิ เราอาจเห็นตอนเขาสำเร็จแล้ว แต่ไม่ได้มองว่าเขาผ่านการต่อสู้อะไรมา ทุกคนลำบากกันมาก่อน แลกความเหนื่อยยากลำบากเพื่อผลสำเร็จ คิดแบบนี้จะไม่ยอมแพ้ มีแรงสู้ต่อครับ (ยิ้ม)”
คนไทยไม่แพ้ใครในโลก ถ้อยคำนี้คือความจริงที่ถูกพิสูจน์จากชายคนนี้ที่กรุยทางฝ่าฝันเป็นตัวอย่างให้ประจักษ์ และเชื่อว่าสักวันต้องที่ชื่อนักแสดงชาวไทยเป็นแอ็กชันสตาร์ในวงการฮอลลีวูดแน่นอน
ช่องทางติดต่อ
คอลัมน์: ยุทธจักร ฅ.ฅน
เรื่อง: มาศวดี ถนอมพงษ์พันธ์
ภาพ: อนุชา ศรีกรการ
