- สำนักพิมพ์ On Art (ออน อาร์ต) สำนักพิมพ์เล็กๆ ที่มีปณิธานแรงกล้าในการเป็นพื้นที่เผยแพร่ผลงานบทกวีสู่สายตานักอ่าน พร้อมเป็นกำลังเล็กๆ สืบสานให้ถ้อยคำและรสของบทกวีคงอยู่คู่วงการหนังสือไทยต่อไป
ปัจจุบันตลาดหนังสือกวีนิพนธ์มีกลุ่มคนอ่านในวงแคบ และมีหนังสือวางจำหน่ายบนแผงปีละไม่กี่เล่ม จนเกิดการตั้งคำถามที่ได้ยินอยู่บ่อยครั้งว่า กวีนิพนธ์จะตายไหม? กวีนิพนธ์จะสูญหายไปจากวงการหนังสือหรือไม่? ถึงแม้ว่าหนังสือกวีนิพนธ์จะไม่ได้มีให้เห็นมากเทียบเท่าเรื่องสั้นหรือนวนิยาย แต่แฟนคลับผู้ชื่นชอบในบทกวีก็ยังคงเหนียวแน่นและพร้อมที่จะสนับสนุนงานเขียนชนิดนี้ เช่นเดียวกับสำนักพิมพ์ On Art (ออน อาร์ต) สำนักพิมพ์เล็กๆ ที่มีปณิธานแรงกล้า บรรณาธิการบริหาร ชื่นกมล ศรีสมโภชน์ กล่าวว่า On Art จะเป็นพื้นที่เผยแพร่ผลงานบทกวีสู่สายตานักอ่าน พร้อมเป็นกำลังเล็กๆ สืบสานให้ถ้อยคำและรสของบทกวีคงอยู่คู่วงการหนังสือไทยต่อไป
ก้าวที่หนึ่งของสำนักพิมพ์ On Art
เริ่มต้นเราเป็นกลุ่มคนเล็กๆ ซึ่งทำงานเพื่อสังคมแนวศิลปวัฒนธรรม ชื่นทำอาร์ตแกลเลอรี่ที่มูลนิธิหลวงประดิษฐ์ไพเราะ ซึ่งปัจจุบันคือครัวบรรเลง ในสมัยนั้นเรามีจัดเสวนาศิลปะ วรรณกรรม ดนตรี ที่เรือนบรรเลง และที่ตรงนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นการทำหนังสือทำมือ นรกของเรา เขียนโดย “นายทิวา” ส่งประกวดเวทีเซเว่นบุ๊คอวอร์ด แม้เราไม่ได้รางวัลชนะเลิศหรือรองชนะเลิศเลยในปีนั้น แต่หนังสือเล่มนี้ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนังสือแนะนำของเซเว่นบุ๊คอวอร์ด และพี่ทิวา (เอกรัตน์ จิตมั่นเพียร) ได้กลายเป็นทั้งนักเขียนและบก.ของสำนักพิมพ์เรา
หลังจากเริ่มต้นด้วยหนังสือทำมือ เราพัฒนาสู่หนังสือที่พิมพ์จากโรงพิมพ์จริงๆ รักในรอยศิลป์ นับเป็นหนังสือเล่มแรกอย่างเป็นทางการของสำนักพิมพ์ เล่มนี้ผู้เขียนเป็นชาวออสเตรเลียที่มาสอนหนังสืออยู่เมืองไทย ต้นฉบับจึงเป็นภาษาอังกฤษ แล้วเราค่อยนำมาแปลเป็นภาษาไทย หลายคนบอกว่า On Art เริ่มต้นแปลก แม้หนังสือจะไม่ตรงกับแนวทางสำนักพิมพ์ซะทีเดียว แต่ก็มีความเกี่ยวข้องกันตรงที่พูดถึงศิลปะ
พอเราทำ รักในรอยศิลป์ สำเร็จก็มานั่งทบทวนว่าทิศทางหนังสือของเราที่แท้จริงควรเป็นแบบไหน ส่วนตัวชื่นชอบอ่านบทกวี เล่มถัดมาจึงกลับมาพิมพ์หนังสือบทกวี และรวมบทกวีก็กลายเป็นหนังสือส่วนใหญ่ที่เราทำ เป็นภาพจำของสำนักพิมพ์ไป
แนวทางหนังสือ ตัวตนของสำนักพิมพ์
หลักๆ คือหนังสือรวมบทกวี ซึ่งมากกว่าร้อยละ 80 เป็นผลงานของ “นายทิวา” นอกจากนั้นมีผลงานของนักเขียนผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถือ เช่น สกุล บุณยทัต, วิมล ไทรนิ่มนวล, สุปาณี พัดทอง และมีหนังสือสารคดีท่องเที่ยวของ สว่าง ทองดี ผู้เป็นนักปั่นจักรยานระดับโลก หนังสือท่องเที่ยวของเราเป็นเชิงประสบการณ์มากกว่านำเที่ยวเพียงอย่างเดียว
รับจ้างผลิตหนังสือ เส้นเลือดอีกสายที่หล่อเลี้ยงสำนักพิมพ์
ธุรกิจของเราไม่ได้มีแค่ผลิตหนังสือในชื่อสำนักพิมพ์ On Art เรายังรับจ้างทำคอนเทนต์ เช่น เป็น ghost writer ให้ ดังนั้นผลงานหลายเล่มที่อยู่ในตลาดอาจเป็นผลงานจากเรา แต่ไม่มีใครทราบ บางเล่มเรารับผลิตแบบครบวงจร นักเขียนจัดการเนื้อหามาแล้วให้เราเป็นบรรณาธิการ จัดรูปเล่ม จ้างพิมพ์ ไปจนถึงประสานงานเพื่อจัดจำหน่าย เมื่อนักเขียนกับผู้จัดจำหน่ายทำสัญญากัน นั่นคือจบงานของเรา
เอกลักษณ์ของสำนักพิมพ์ On Art อันแตกต่างจากเจ้าอื่น
สิ่งที่โดดเด่นคงเป็นเรื่องที่เราเป็นสำนักพิมพ์ซึ่งยืนยันว่าจะยังพิมพ์รวมบทกวีต่อไป อย่างผลงานของ “รินศรัทธา กาญจนวตี” ทุกขณะกระจ่างชัดสัมผัสใจ อาจารย์ชมัยภร (“ชมัยภร แสงกระจ่าง”) เป็นผู้มอบต้นฉบับเล่มนี้ให้เราดูแล จริงๆ ท่านเอาต้นฉบับนี้ไปให้สำนักพิมพ์อื่นก็ได้ แต่ท่านให้เราเป็นคนทำโดยให้เหตุผลว่า เพราะ On Art ทำหนังสือบทกวี เรารู้สึกว่าอาจารย์เชื่อมั่นในทางของเรา
“อีกสิ่งที่เราให้ความสำคัญคือการพิมพ์งานกวีที่เป็นรูปแบบฉันทลักษณ์ เราให้ความสำคัญแก่การตรวจแก้คำให้ถูกต้อง เพื่อสามารถนำไปใช้อ้างอิงได้”
อีกสิ่งที่เราให้ความสำคัญคือการพิมพ์งานกวีที่เป็นรูปแบบฉันทลักษณ์ เราให้ความสำคัญแก่การตรวจแก้คำให้ถูกต้อง เพื่อสามารถนำไปใช้อ้างอิงได้ งานของ “รินศรัทธา กาญจนวตี” ก็เป็นกวีฉันทลักษณ์ รวมถึงงานของอาจารย์สุปาณี งานของคุณอาวิมล หรืองานของนายทิวา เราคิดอย่างง่ายๆ ว่า การที่เราจะเขียนหนังสือได้ เราควรเขียน ก-ฮ ให้ครบก่อน หมายความว่าพื้นฐานเราต้องแน่นก่อนที่จะเติบโตเป็นอย่างอื่นต่อไป ดังนั้นแม้ว่างานของอาจารย์สกุลจะเป็นกลอนเปล่า แต่เรามั่นใจและรู้ถึงฝีมือของท่าน
กลุ่มคนอ่านกวีที่ยังไม่หายไปไหน
ถึงเราจะเห็นหนังสือรวมบทกวีในร้านหนังสือมีจำนวนไม่มาก แต่ชื่นว่าคนอ่านกวีมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบันนะ อย่างหนังสือของสำนักพิมพ์เรา มีนักอ่านบางคนซื้อทุกเล่มเลย และที่วางขายในร้าย B2S หรือศูนย์หนังสือจุฬาฯ ก็ขายได้ตามปกติ อาจไม่ได้ขายเร็วขายไวแต่ก็ขายได้เรื่อยๆ เราว่ารูปแบบการอ่านเปลี่ยนไปมากกว่า เมื่อก่อนนี้เราเจอกันด้วยหนังสือปีละครั้ง แต่ปัจจุบันคนอ่านจากอีบุ๊กแทน แค่แพลตฟอร์มที่เปลี่ยนไป แต่คนสร้างสรรค์งานยังอยู่ คนอ่านก็ยังอยู่
กวีรุ่นใหม่กับมุมมองที่กว้างไกลกว่าเดิม
เราว่าคนเขียนกลอนมีจำนวนเพิ่มขึ้นนะ ดูจากกลุ่มเขียนกลอนต่างๆ ที่เราเป็นสมาชิกอยู่ มีจำนวนคนที่เข้าร่วมไม่น้อยเลย แล้วเขามีการแลกเปลี่ยนความเห็นกันทุกวัน ถึงแม้เวทีประกวดจะน้อยลง แต่เวทีแสดงออกเพิ่มขึ้น เช่น โซเชียลมีเดียที่ทำให้ทุกคนสามารถเขียนบทกวีลงเฟซบุ๊กได้ตลอด
แม้ว่ากวีรุ่นใหม่อาจเลือกใช้ศัพท์ทันสมัย แต่นั่นไม่ได้แปลว่าเขาไม่ลุ่มลึก ไม่ได้ใส่วิธีคิดลงไป ข้อดีของการใช้วิธีการประพันธ์กับศัพท์ร่วมสมัยคือเราสามารถสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ได้ง่ายขึ้น ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นเรายึดติดกับการต้องใช้คำเก่าๆ สวยๆ เหมือนกับใส่รองเท้าแตะแล้วสวมมงกุฎ ดูขัดๆ ไม่กลมกล่อม ตัวชื่นนั้นไม่ยึดติดว่ากวีต้องใช้คำสวย เราสนใจการทำให้คนเข้าถึงความหมายของบทกวีนั้นมากกว่า และฉันทลักษณ์ก็มีส่วนช่วยให้เกิดความไพเราะด้วยแบบแผนของคำประพันธ์อยู่แล้ว แค่ใส่ศัพท์ธรรมดาลงไปในฉันทลักษณ์ก็ทำให้บทกวีไพเราะน่าฟังได้
อีกทั้งปัจจุบันกวีมีการถ่ายทอดเรื่องราวที่เป็นสากลมากขึ้น ในอดีตกวีมักเล่าเรื่องราวภายในชุมชน ภายในประเทศของตนว่าเกิดอะไร อย่างเช่น ยุคที่ระบอบการปกครองปิดกั้นสิทธิเสรีภาพ กวีก็จะเล่าเรื่องราวของสายลมแสงแดดที่ซ่อนเนื้อหาบางอย่างเอาไว้ แต่เมื่อโลกปัจจุบันเชื่อมถึงกัน กวีก็มีมุมมองที่กว้างขึ้น พูดถึงมุมมนุษยธรรมมากขึ้น และมีการแลกเปลี่ยนเชิงบทกวีกันระหว่างประเทศด้วย พี่ทิวาเคยรับเชิญไปอ่านบทกวีที่ประเทศเนปาลและบังคลาเทศ
การตลาดและช่องทางออนไลน์ความหวังใหม่ของธุรกิจหนังสือ
การตลาดของสำนักพิมพ์เรานั้นใช้วิธีไปออกบูธงานหนังสือทุกปี แต่เราเลือกโซนเอเทรียม เป็นบูธเล็กๆ เหมาะสมกับจำนวนหนังสือที่มี และหนังสือของเราก็มีวางขายที่ร้าน B2S ศูนย์หนังสือจุฬาฯ หรือช่องทางออนไลน์ คือ เฟซบุ๊ก On Art, Shopee, Lnw Shop ช่วงหลังๆ ช่องทางออนไลน์ขายได้เร็วกว่า อาจเป็นเพราะการระบาดของเชื้อโควิด-19 ด้วย อย่างงานสัปดาห์หนังสือออนไลน์ก็ขายได้ หรือการขายบน Shopee ก็กลายเป็นช่องทางออนไลน์ที่ได้รับความนิยม เพราะความสะดวกในการชำระเงินที่มีให้เลือกทั้งการโอนเงินหรือจ่ายผ่านบัตรเครดิต ส่วนเฟซบุ๊กก็มีส่วนช่วยกระจายข่าวสาร ต้องยอมรับว่าเครือข่ายวรรณกรรมบ้านเราเข้มแข็งนะ ถ้าสำนักพิมพ์ไหนออกหนังสือใหม่ คนทำหนังสือด้วยกันจะช่วยโปรโมทให้นักอ่านได้ทราบ
กว่าจะมาเป็นหนังสือกวีนิพนธ์
ตอบยากมากว่าปีหนึ่งเราออกหนังสือได้กี่เล่ม แต่ก็ตั้งไว้อย่างน้อย 1-2 เล่ม เพราะหนังสือรวมบทกวีไม่อาจออกมาได้เยอะเหมือนเรื่องสั้นหรือนิยาย ในการคัดเลือกบทกวีมาตีพิมพ์ ส่วนมากนักเขียนจะส่งมาทีเป็นปึกเลย สมมติมีงานมาร้อยกว่าชิ้น เราจะเอาหรือไม่เอาชิ้นไหน ก็ต้องมาคัดเลือกกัน และเมื่อคัดได้แล้วก็ส่งกลับไปแก้ไข พูดคุยกันระหว่างบก.กับนักเขียน ต่อมาเราต้องทำให้งานแต่ละชิ้นที่เขียนขึ้นต่างวาระมารวมกันแล้วอ่านไหลลื่น ก็เป็นเรื่องของการจัดวางว่าบทไหนก่อนหลัง พี่ทิวาซึ่งเป็นบรรณาธิการเป็นคนทำงานละเอียด เราเชื่อว่านี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้อาจารย์ชมัยภรไว้ใจ On Art และให้ต้นฉบับของ “รินศรัทธา กาญจนวตี” แก่เรา
สำนักพิมพ์เล็กกับภาวะเศรษฐกิจอันผันผวน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโควิด-19 หรือเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอยู่ก่อนหน้านี้ ส่งผลต่อยอดขายและต้นทุนทำหนังสืออย่างมาก แต่โชคดีของ On Art คือเรารับจ้างทำคอนเทนต์ด้วย ไม่ว่าสถานการณ์ไหนงานคอนเทนต์ก็ยังจำเป็นอยู่ จริงๆ แล้วการที่ฝ่ายรับจ้างผลิตคอนเทนต์ของเราไปได้ดีก็ต้องยกประโยชน์ให้ฝ่ายสำนักพิมพ์ เพราะหนังสือของสำนักพิมพ์เราได้รับการยอมรับในเวทีประกวด ส่งผลให้ลูกค้าที่มาจ้างเราทำคอนเทนต์เชื่อมั่นในฝีมือและคุณภาพงานของเรา แล้วพอเรามีรายได้จากด้านนี้มาจุนเจือสำนักพิมพ์ สำนักพิมพ์ก็ไปต่อได้ เราไม่รู้ว่าสำนักพิมพ์เล็กๆ เจ้าอื่นเขามีอาชีพอื่นด้วยไหม แต่เรามี เพื่อที่เราจะได้ทำหนังสือได้ต่อไป
วงการหนังสือกวีนิพนธ์ในอนาคต
ชื่นมองว่าวงการกวีนิพนธ์ก็เรื่อยๆ อย่างนี้ ไม่ถึงกับเฟื่องฟู หนังสือกวีนิพนธ์อาจไม่ได้รับการตีพิมพ์และวางจำหน่ายให้เห็นมากนัก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีออกมาเลย เพราะส่วนมากหนังสือประเภทนี้มักพิมพ์จำนวนน้อย ในวงจำกัด นี่มาจากประสบการณ์ที่เรารับจ้างพิมพ์หนังสือกวีนิพนธ์ด้วย เราเห็นว่ายังมีการจ้างพิมพ์หนังสือบทกวีออกมา แต่แค่ไม่ได้แปะชื่อสำนักพิมพ์ และพิมพ์แจกในวาระพิเศษเป็นที่ระลึก
3 เล่มที่สำนักพิมพ์ On Art อยากแนะนำ
- ทุกขณะกระจ่างชัดสัมผัสใจ โดย “รินศรัทธา กาญจนวตี”
เป็นเล่มขายดีที่สุดในขณะนี้ ได้รับรางวัลหนังสือดีเด่นเซเว่นบุ๊คอวอร์ด 2562 ประเภทกวีนิพนธ์ และติด short list ซีไรต์ 2563 คนที่ทุกข์ท้ออ่านหนังสือเล่มนี้จะมีกำลังใจขึ้น ตัวหนังสือทุกตัวสวยงาม อ่านแล้วมองเห็นภาพตาม
- รวมบทกวี เจิมใจเมือง โดย เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
หนังสือที่ทำขึ้นเนื่องในวาระครบ 80 ปีของอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ และเป็นหนังสือลายมือทั้งเล่ม เป็นบทกวีที่เขียนถึงจังหวัดทั้งหมดในประเทศไทย ทุกบทล้วนประทับใจ อยากให้ทุกคนมีโอกาสได้อ่าน
- รวมบทกวี ในนามเราทั้งผอง? โดย “นายทิวา”
มุมมองของหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่กวีมองรอบตัวเอง แต่เป็นการมองโลกทั้งใบที่มนุษย์อยู่ร่วมกัน ผู้เขียนได้แรงบันดาลจากเรื่องราวที่เจอในต่างแดน เราไม่จำเป็นต้องเข้าใจกันทั้งหมด แต่เราควรเห็นใจกัน และเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน