มนตร์มหัศจรรย์ของ ‘ณัฐณรา’ ผู้เขียน มาตาลดา

-

มาตาลดา มาจากลูกสาวค่ะ ‘มาตา’ แปลว่าแม่ ‘ลดา’ แปลว่าเครือเถาหรือสาย แต่ในความหมายของเรา คือลูกสาวที่รัก เราเป็นคนรักลูก รักสามี ครอบครัวไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด นิยายเรื่องนี้เป็นเหมือนไดอารี่ที่อยากให้ลูกสาวได้อ่านแม้ว่าเราจะไม่อยู่แล้วก็ตาม” “ณัฐณรา” หรือ ชลธิดา ยาโนยะ เล่าถึงแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานที่กลายมาเป็นละครยอดฮิต อย่าง มาตาลดา ทำเอาคนดูอมยิ้มมีความสุขกันทั้งบ้าน วันนี้ “ณัฐณรา” จะมาเล่าถึงก้าวย่างถนนวรรณกรรมกันค่ะ

จุดเริ่มต้นสู่เส้นทางนักเขียน

มีคุณพ่อคุณแม่เป็นนักอ่านค่ะ จึงพลอยชอบอ่านหนังสือ โตมาก็ได้ทำงานด้านเด็กปฐมวัย ตอนนั้นตั้งท้องลูกคนเล็ก มีช่วงลาคลอดอยู่กับบ้านแล้วเหงา ระหว่างเปิดเว็บไซต์ ก็เจอเว็บเด็กดี (dek-d.com) ได้เข้าไปหานิยายอ่าน ด้วยความที่ยังไม่ตรงกับแนวที่เราชอบ ก็เลยลองเขียนแนวที่เราอยากอ่านดู โดยไม่มีความรู้ความเข้าใจในการเป็นนักเขียนมาก่อน เคยแต่เป็นนักอ่าน ใช้ความรู้สึกที่ว่าเราอยากอ่านแบบไหนก็เขียนลงไป ประกอบกับเราเป็นครูปฐมวัย เลยเขียนนิยายเรื่องปั้นหยาที่รัก เป็นเรื่องแรก นางเอกทำอาชีพครูปฐมวัย เรามีข้อมูลตรงนั้นพอดี

พอคลอดลูกแล้วก็ยังเขียนอยู่ จนติดอันดับหนึ่งของเว็บไซต์ มีสำนักพิมพ์หลายแห่งติดต่อมา วิธีคัดเลือกคือ ใครติดต่อมาก่อน คนนั้นก็ได้สิทธิ์ (หัวเราะ) พอเซ็นสัญญาแล้ว ก็กลับมาทำงานประจำอีกครั้ง ก่อนจะลาออก เพราะ ตอนนั้น รู้สึกรับระบบงานไม่ได้ กำลังจะบรรจุเราเข้าราชการแล้วนะ แต่เราขอลาออก ยอมชดใช้ทุนสามเท่า เพื่อออกมาเลี้ยงลูกตามความตั้งใจ สองคนโตเลี้ยงเอง แล้วพอมีคนเล็ก เรากลับต้องฝากลูกให้แม่ดูแลเพื่อไปดูแลเด็กคนอื่น มันไม่โอเค การที่ได้เลี้ยงลูกเอง ควบคู่กับเขียนนิยายส่งสำนักพิมพ์ มีความสุขมากค่ะ

 

หลักการผลิตงานแต่ละชิ้น

ยึดว่าถ้าข้อมูลไม่แน่น เราไม่เขียน เพราะมันไม่สมจริง คนอ่านแค่ครั้งเดียวแล้วไม่อ่านอีก ใช้วิธีหาข้อมูลด้วยตัวเอง จากหนังสือ หรือสัมภาษณ์ และลงพื้นที่จริง หรือไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านนั้น และใช้ประสบการณ์ชีวิตหรือเรื่องราวที่เราเจอมาจริงๆ เป็นวัตถุดิบในการเขียนด้วย งานเราอิงข้อมูลจริง คนอ่านจะรู้ว่านี่คืองานของ “ณัฐณรา”

 

นิยายเรื่องไหนได้มาด้วยความยากเย็น

มีสองเรื่องค่ะ คือ ตาราไต กับ Bloody Love 

ตาราไต เป็นการเขียนเรื่องของบัวคลี่ในอีกแง่มุมที่เราตีความ ที่ผ่านมามีแต่เล่าผ่านมุมมองของขุนแผนที่เป็นพระเอก แต่คนตายกลับไม่ได้เล่าอะไร เลยเขียนขึ้นมา มันยากที่เราต้องคัดง้างความเชื่อบางคนที่เขานับถือขุนแผน และอาจโดนกระแสตีกลับว่าแต่งแบบนี้ได้อย่างไร บทสนทนาในเรื่องเป็นกลอนแปดหมดเลย ต้องเป็นกลอนที่คนอ่านแล้วเข้าใจง่าย ต้องคล้องจองกัน และสื่อถึงประโยคที่เขาพูดคุยกันได้จนจบเรื่อง ยากมาก

Bloody Love เป็นเรื่องที่ฉีกแนวการเขียนของเรามาก แนวจิตวิทยา อาชญากรรม ฆาตกรรมต่อเนื่อง เกี่ยวกับการทารุณเด็ก ต้องไปปรึกษาจิตแพทย์ที่โรงพยาบาลแม่สอด ในหน่วย OSCC ศูนย์บริการช่วยเหลือเด็กและสตรีที่ถูกกระทำรุนแรง จิตแพทย์ก็ให้คำแนะนำและยกเคสที่เกิดขึ้นจริง พอเขียนออกมาแฃ่งได้รับการตอบสนองที่โอเคค่ะ ยากตรงที่ว่าจะฆ่ายังไงให้ตำรวจที่มาอ่านนิยายเราไม่รู้ว่าใช้วิธีไหน ฆาตกรคือใคร ต้องหาทางออกให้พระเอกอีก เหมือนผูกปมเองและต้องมาแก้เอง คนอ่านบอกไม่เชื่อว่าคนเดียวกับที่เขียนมาตาลดา (หัวเราะ) 

เราทุ่มเทมากนะ เริ่มงานตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงสามทุ่ม ทำทุกวันต่อเนื่องกัน 7-8 ปี จนมาสองปีหลังที่ร่างกายฟ้องว่าทำไม่ไหวแล้วเลยเปลี่ยนตารางใหม่

แรงบันดาลใจในการสร้าง มาตาลดา

หลังจากสำนักพิมพ์เก่าปิดตัว ก็เริ่มคิดแล้วว่าต้องลองทำอีบุ๊กบ้าง ตอนนั้นมันยังใหม่มากสำหรับตลาดนี้ ยิ่งเราเป็นนักเขียนที่ร่วมงานกับสำนักพิมพ์มาตลอด ต้องมาจัดการเองทั้งหมดก็เคว้ง แต่พี่โป่ง (การบูร สุขวิไลธารา) กลับสนใจนักเขียนตัวเล็กๆ อย่างเรา เขาเป็นบก.ที่ประสบความสำเร็จมาก ก็ติดต่อเข้ามาว่าได้ยินชื่อเราจากน้องอ้อม (พันธุ์พเยีย) ว่าเขียนได้หลายแนว ลองมาคุยกันไหม ว่ากิ่งอยากเขียนอะไร นั่นเป็นประโยคที่ไม่เคยมี บก.คนไหนถามเรามาก่อน พอได้พบกัน ก็เสนอว่าอยากเขียนนิยายเกี่ยวกับความสมบูรณ์แบบแต่ไม่ได้สมบูรณ์แบบจริงๆ เขาก็เกิดความสนใจ 

มาตาลดา คือเด็กที่เกิดมาในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์แบบ แต่มีความสุขและเติบโตขึ้นมาในสังคมได้ดี เปรียบเทียบกับอีกครอบครัวที่สมบูรณ์แบบในสายตาคนอื่น แต่คนในครอบครัวไม่มีความสุขเลย อยากเขียนให้คนรู้ว่าบางทีสิ่งที่คุณเห็นและตัดสินอาจไม่เป็นอย่างที่คิด พออนุมัติก็เริ่มเขียน ปกติเป็นคนเขียนนิยายไวมาก หนึ่งเดือนสองเรื่องจบ แต่ มาตาลดา ใช้เวลาหกเดือน (ยิ้ม) ระหว่างนั้นก็เขียนเรื่องอื่นขายด้วย 

บางคนบอกว่า มาตาลดาโลกสวย ซึ่งไม่จริงเลย ถ้าอ่านนิยายจะรู้ว่า มาตาลดาเจอปัญหาการใช้ความรุนแรงมาตั้งแต่เด็ก เห็นพ่อโดนตี ชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ ควรจะโตมาแบบบิดเบี้ยวด้วยซ้ำ แต่เพราะมีพ่อเกรซ และได้รับความรักอย่างเต็มที่ ได้รับการสอนให้มองโลกแบบง่าย นิยายเรื่องนี้อยากให้เป็นไดอารี่ถึงลูกสาวตัวเองในวันที่ไม่มีเราแล้ว หรือวันที่ยังอยู่ บางคำสอนที่เราไม่สามารถพูดกับลูกได้ตรงๆ เราส่งผ่านหนังสือ ตัวเราโตมาในครอบครัวที่ค่อนข้างเคร่งครัด พ่อหวังดีเหมือนพ่อของปุริม เราเป็นคนเรียนเก่ง ได้ประกาศนียบัตรเยอะแยะ แต่ก็แลกกับความสุขวัยเด็ก ใน มาตาลดา เราอยากให้พ่อแม่ได้อธิบายว่า กรอบที่สร้างขึ้นนั้นเกิดจากความหวังดีนะ ขณะเดียวกันก็อยากอธิบายแทนลูกด้วยว่า บางอย่างก็ทำร้ายลูกโดยพ่อแม่ไม่รู้ตัว 

 

ถึงคนที่แตกต่าง

เราเขียนถึงพ่อที่ทุกคนอยากได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเพศทางเลือก คนเราอยากได้พ่อแม่ที่คุยได้ด้วยทุกเรื่องเหมือนเพื่อน ไม่ต้องระวังในการคุย สามารถไปเที่ยวสนุกกับเขาได้ คุยเล่นหยอกเอินกันได้ อธิบายทุกเรื่องให้เขาฟังได้ และรับฟังเขาได้ คิดว่าคนเราอยากได้พ่อแบบพ่อเกรซหมดแหละ (ยิ้ม)

การไปตัดสินคนที่แตกต่างจากเรา ทั้งที่เราไม่รู้จักเขา มันไม่ยุติธรรม เราเป็นมุสลิมเลยมีสุภาษิตที่เกลียดมากคือ เจอแขกกับเจองูให้ตีแขกก่อน ทำไมต้องตีแขกก่อน แขกไปทำอะไรให้ ยอมถูกงู กัดตายแต่ทำร้ายร่างกายคนอื่นก่อนเหรอ มันแย่นะ แล้วความเชื่อก็ถูกส่งต่อไปเรื่อยๆ กลายเป็นเรื่องตลก เช่น เห็นอิสลามเดี๋ยวเอาหมูยัดปาก เราไม่กิน ไม่ได้หมายความว่ากลัวหมู คนที่ฟังความคิดคนอื่นและโดยทันทีทั้งที่ยังไม่รู้จักคนที่ถูกพาดพิง มันไม่โอเค บางคนดูแค่ภายนอกแล้วมาตัดสิน ไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายอธิบาย มันไม่ยุติธรรม

คนหลากหลายทางเพศก็เช่นกัน กะเทยไม่จำเป็นต้องแรด ไม่จำเป็นต้องใจง่าย คำว่า ‘ตุ๊ด’ ไม่ควรเป็นคำด่าใคร บางคนมีความรับผิดชอบต่อครอบครัวมากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ อย่าคิดว่าคนแตกต่างจากคุณเป็นคนผิดหมด กลุ่มของมาตาลดา มีคนคิดว่าเขาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ คุณจึงพลาดโอกาสที่จะรู้จักคนนิสัยดีๆ เพียงเพราะเขาแตกต่างจากเรา ทั้งที่เขาไม่ผิด เราไปว่าเขา เราต่างหากที่ผิด บางทีเขาอาจมีดีกว่าเราก็ได้

เมื่อตัวอักษรมีชีวิต

วันนั้นอยู่ที่โรงแรมเตรียมจะบินไปต่างประเทศ ทุกคนลงมติไม่ให้ดูโทรศัพท์มือถือ ได้ดูแค่อีพีแรก ก็มีความสุขมาก (ยิ้ม) ขอบคุณผู้เขียนบท ขอบคุณคุณจ๋า (ยศสินี ณ นคร) บางอย่างที่ไม่มีในนิยาย แต่มีในละคร ก็ไม่ได้ลดทอนนิยายเรา สื่อความหมายที่ต้องการสื่อได้ตรงมาก ให้เกียรติบทประพันธ์เก่า ทีมเขียนบทเก่งมาก ตีตัวละครได้แตกฉาน บท มาตาลดา ถ้าบางคนแสดงอาจล้นมากเกิน หรือดูติ๊งต้องไป แต่คุณเต้ย (จรินทร์พร จุนเกียรติ) เดินออกมาจากหนังสือเลย เป็น มาตาลดา ที่ยิ้มแล้วโลกสว่างจริงๆ คุณเจมส์จิ (จิรายุ ตั้งศรีสุข) ก็เป็นคุณหมอที่ยิ้มด้วยปากแต่ไปไม่ถึงดวงตาจริงๆ การแสดงของคุณชาย (ชาตโยดม หิรัญยัษฐิติ) ไม่ใช่แค่คนดูร้องไห้ นักเขียนก็ร้องไห้ 

เราผ่านจุดนั้นมา เคยเป็นลูก และผ่านจุดเป็นพ่อแม่ที่คาดหวังต่อลูก และหวังดีแต่ทำร้ายลูกมาแล้วเหมือนกัน ตลอดมาอยากทำนิยายที่ทุกคนอ่านได้ ถ้ามันได้เป็นละคร คือทุกคนดูได้ เคยดูแดจังกึม มันเป็นช่วงเวลาสุขของครอบครัวที่นั่งล้อมวงดูนั่งด้วยกัน อยากทำอย่างนั้นให้ได้สักครั้ง มาตาลดาทำให้ฝันเป็นจริงแล้ว แต่ถ้าจะเป็นจริงอีกสักเรื่องก็ไม่ขัด (หัวเราะ) 

 

สิ่งที่อยากสื่อสารถึงผู้อ่าน

อยากบอกคนเป็นพ่อแม่ว่า ความหวังดีเป็นสิ่งที่ดี ทว่าชีวิตแต่ละคนไม่เหมือนกัน ความชอบแต่ละคนไม่เหมือนกัน พ่ออาจเป็นครู คาดหวังให้ลูกเป็นครู แต่ลูกอาจไม่ชอบ เขาอยากใช้ชีวิตอย่างที่ชอบ อย่าคิดว่าสิ่งที่ลูกสนใจจะทำให้อดตาย บ้านควรเป็นเซฟโซนของเด็กๆ พ่อแม่ควรเป็นผู้สนับสนุน เป็นป้อมปราการ เป็นอกให้ซบเวลาร้องไห้ เป็นกำลังใจเวลาที่ลูกเสียใจ เป็นคนพยุงเวลาล้ม ไม่จำเป็นต้องจูงมือไปตลอดทาง แค่เฝ้ามองอยู่ข้างๆ ก็ได้ เหมือนเสื้อผ้า คับแน่นไปคนใส่ไม่สบายตัว หลวมเกินไปก็ปกปิดร่างกายไม่ได้ ทุกอย่างต้องมีความพอดี บางทีความรักและความหวังของเราทำร้ายลูกนะ

ส่วนลูก อยากบอกเด็กที่ได้ดูละครเรื่องนี้ว่า เข้าใจพ่อแม่หน่อย เขาเกิดคนละยุคสมัย อย่าลืมว่าพ่อแม่เราเกิดในยุคเมื่อ 40-50 ปีก่อน หลายอย่างเลยคิดไม่ตรงกัน อยากให้คนสองวัยได้สื่อสารกัน คุยกันดีๆ ไม่ใช่เป็นการด่าทอต่อต้าน ต้องเข้าใจว่าโลกเปลี่ยนไปแล้ว เราก็ต้องปรับเปลี่ยนตาม อีกอย่างที่ไม่อยากให้พ่อแม่ทำ คือการเปรียบเทียบ การถูกเปรียบเทียบทำให้รู้สึกแย่ และการถูกคาดหวังมากๆ ก็เหมือนแบกภาระไว้ เราอย่าเพิ่งส่งลูกเข้าสมรภูมิในวัยที่ยังไม่พร้อมรบ อยากให้เตรียมความเหมาะสมสำหรับวัยเขาก่อน เคยเห็นการบ้านวิชาคณิตศาสตร์ของเด็กอนุบาล ไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กอายุแค่นี้ต้องมาเรียนอะไรแบบนี้ ในเมื่อเขาควรได้เล่นกระบะทราย ได้วาดรูประบายสี หรือเล่นกิจกรรมที่พัฒนากล้ามเนื้อมือ ถึงเวลาจะจับดินสอเขียนเก่งเอง แต่ทำไมไปเพิ่มวิชาการให้เขาในวัยที่ควรมีความสุขกว่านี้

 

นิยายเรื่องต่อไป

ที่เขียนอยู่ เรื่องเล่าปรัมปรา เป็นเรื่องต่อจาก Bloody Love เกี่ยวกับฆาตกร และมีนลัทมัทนา เป็นภาคแยกจาก ชเลมหารณพ ก็ตีแผ่ขุนแผนในอีกแง่มุมหนึ่ง คิดว่าถ้าท่านสุนทรภู่ยังอยู่ คงตายคนแรกเลย (หัวเราะ) เราที่ชอบตั้งคำถามกับสิ่งที่เห็นและคิดหาคำตอบที่แตกต่างจากคนอื่น หาข้อพิสูจน์ว่ามันอาจเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า

3 เล่มในดวงใจของ “ณัฐณรา”

  • บุพเพสันนิวาส

เขียนโดย “รอมแพง”

ชอบเรื่องนี้เพราะเขาเขียนเรื่องกลับชาติมาก่อนที่นิยายจีนแนวกลับชาติจะเป็นกระแส เขาริเริ่มก่อนใคร ข้อมูลแน่นมาก รู้ทีหลังว่าเขาเรียนด้านโบราณคดี นิยายสนุก สามีถึงกับนั่งดูละครด้วยตลอด มารีรันก็ยังดู ดูจนลูกชายคนเล็กบอกว่าออเจ้าต้องหยุดแล้วนะ พอ ไม่ออเจ้าแล้ว

 

  • ปุลากง

เขียนโดย “โสภาค สุวรรณ”

เป็นหนังสือนิยายที่อ่านเล่มแรกในห้องสมุดโรงเรียน ตอนจบพระนางไม่รู้ว่าจะรอดตายไหม แต่ก็บอกรักกันขณะที่รอบข้างยิงกันกระหน่ำ 

 

  • ตุ๊ดทะลุมิติ

เขียนโดย “นปภา”

 ชื่นชมน้องโน้มมาก ตามอ่านตั้งแต่ในเว็บไซต์ กดติดตาม กดทวงเขาทั้งที่งานตัวเองก็มีคนทวงอยู่ (หัวเราะ) คนเขียนต้องเปิดใจที่ให้ตุ๊ดกลายเป็นนางเอกในนิยายจีน มุกตลกไม่ได้แป๊ก และตลกไม่หยาบคาย ตามกรี๊ดตลอดทำตัวเป็นแฟนคลับเขาจนวันหนึ่งไปเจอน้องโน้มในบูทนักเขียน น้องเขามาสวัสดี เรารู้สึกเหมือนเจอไอดอล (หัวเราะ) ตอนนี้น้องโน้มไม่ค่อยสบาย อยากเป็นกำลังใจให้ พี่ยังรอผลงานน้องโน้มอยู่นะคะ


คอลัมน์: ถนนวรรณกรรม

เรื่อง: มาศวดี ถนอมพงษ์พันธ์

ภาพ: อนุชา ศรีกรการ

All Creative Team

Writer

ร่วมสร้างสังคมอุดมปัญญา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!