น่ากลัวไหม ญี่ปุ่นปล่อยน้ำปนเปื้อนสารรังสี

-

กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่จุดชนวนการประท้วงของประเทศใกล้เคียงอย่างจีนและเกาหลีใต้ เมื่อประเทศญี่ปุ่นได้เริ่มปล่อยน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ที่เคยเกิดอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์เมื่อกว่า 12 ปีก่อน ลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก แม้ว่าจะผ่านการบำบัดและตรวจสอบว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมแล้วก็ตาม

ผลที่ตามมาคือ รัฐบาลประเทศจีนได้ออกประกาศห้ามนำเข้าอาหารทะเลจากเมืองฟุกุชิมะ กรุงโตเกียว และจังหวัดต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่นรวม 10 จังหวัด ส่วนอาหารทะเลจากจังหวัดอื่นของประเทศ จะต้องผ่านการตรวจสอบปริมาณกัมมันตภาพรังสีเสียก่อน นอกจากนี้ยังมีการชุมนุมประท้วงเกิดขึ้นที่หน้าสถานทูตญี่ปุ่นในประเทศเกาหลีใต้ด้วย

อุบัติเหตุของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะนั้น เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2554 ซึ่งครั้งนั้นได้เกิดภัยพิบัติแผ่นดินไหวขนาด 9.0 และมีคลื่นยักษ์สึนามิเข้าถล่มชายฝั่งทะเลตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2554 และโชคร้ายที่นอกจากมีบ้านเรือนของประชาชนถูกทำลายพินาศเป็นจำนวนมาก ก็ยังมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ตั้งอยู่ด้วย จนเกิดปัญหาขึ้นกับระบบหล่อเย็นเตาปฏิกรณ์ของโรงงาน เครื่องปฏิกรณ์ 3 เครื่องจากทั้งหมด 6 เครื่องเกิดความเสียหาย มีสารกัมมันตรังสีรั่วไหลออกมา และนับเป็นภัยพิบัติทางนิวเคลียร์ที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งของโลก

ภาพถ่ายดาวเทียม อาคารคลุมเครื่องปฏิกรณ์ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะซึ่งเกิดความเสียหาย

เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อเพลิงนิวเคลียร์เกิดการหลอมละลายและอาจระเบิดขึ้น เจ้าหน้าที่จึงต้องสูบน้ำทะเลเข้าไปหล่อเย็นลดอุณหภูมิของเครื่องปฏิกรณ์เอาไว้ น้ำเหล่านี้เลยปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีไปด้วย บริษัทโตเกียวอิเล็กทริกพาวเวอร์ หรือเท็ปโค (TEPCO) ซึ่งเป็นผู้ดูแลโรงไฟฟ้า ได้จัดเก็บน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีเหล่านี้ไว้ในแทงก์เก็บน้ำ ที่ตั้งอยู่รอบๆ โรงไฟฟ้า โดยเฉลี่ยแล้วมีน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีกักเก็บไว้เพิ่มขึ้นประมาณ 140 ตันต่อวัน และจนทุกวันนี้ก็มีน้ำปนเปื้อนรังสีเก็บสะสมอยู่มากถึง 1.3 ล้านตัน พอๆ กับปริมาณของน้ำในสระว่ายน้ำสำหรับแข่งโอลิมปิกถึง 500 สระรวมกัน และพื้นที่จัดเก็บรอบโรงไฟฟ้านั้นก็ดูจะไม่เพียงพออีกต่อไป

ด้วยเหตุที่ปริมาณของน้ำปนเปื้อนที่กักเก็บไว้นั้น ใกล้จะเต็มอัตราความจุแล้ว บริษัทเท็ปโคและรัฐบาลญี่ปุ่นจึงได้ตัดสินใจเริ่มปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก โดยจะปล่อยครั้งแรกเป็นจำนวน 7,800 ลูกบาศก์เมตร และปล่อยต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ซึ่งคาดว่าอาจใช้เวลากว่า 30 ปีจึงจะหมด

แผนภาพวิธีการกรองบำบัดน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสี

สำหรับวิธีการบำบัดน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสี ก่อนปล่อยลงสู่ทะเล เขาใช้ระบบแปรรูปของเหลวขั้นสูง (Advanced Liquid Processing System) มากรองกำจัดสารที่มีกัมมันตรังสีและปนเปื้อนในน้ำไป 62 ชนิด จนเหลือเพียงสารทริเทียม (tritium) ซึ่งเป็นไอโซโทปหนึ่งของธาตุไฮโดรเจนที่ปลดปล่อยรังสีเบตาได้ จึงมีความเป็นกัมมันตภาพรังสี และอาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพมนุษย์ได้ ถ้าเข้าสู่ร่างกายผ่านทางแผลหรือเข้าไปทางปากเป็นปริมาณมาก

แต่การที่จะได้รับทริเทียมมากจนถึงกับก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้นั้น ต้องบริโภคทริเทียมเข้าไปหลายพันล้านเบกเคอเรล (หน่วยวัดปริมาณรังสี) ในขณะที่น้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ ได้ถูกทำให้เจือจางไปมากกว่า 350 เท่า จนมีระดับของรังสีอยู่น้อยกว่า 1,500 เบกเคอเรลต่อลิตร ซึ่งถือว่าน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐานของญี่ปุ่นถึง 40 เท่า ขณะที่มาตรฐานขององค์การอนามัยโลกกำหนดให้น้ำดื่มมีระดับของทริเทียมไม่เกิน 10,000 เบกเคอเรล/ลิตร และผลการตรวจสอบความปลอดภัยของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (หรือ IAEA) ก็สรุปว่า แผนการปล่อยน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วของญี่ปุ่นนั้น สอดคล้องกับมาตรฐานความปลอดภัยของ IAEA ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพียงเล็กน้อย

และถ้าจะว่าไปแล้ว ที่ผ่านมา ประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ก็มีการปล่อยน้ำหล่อเย็นจากเครื่องปฏิกรณ์ลงสู่ทะเลกันเป็นปริมาณมากอยู่แล้ว เราอาจรู้สึกตกใจเมื่อพูดถึงตัวเลข 22 ล้านล้านเบกเคอเรลต่อปี ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะปล่อยน้ำที่มีทริเทียมลงสู่ทะเล แต่พอเทียบกับของประเทศอื่นๆ แล้ว กลับกลายเป็นว่าน้อยกว่ากันมากถึง 4-5 เท่า ตัวอย่างเช่น โรงไฟฟ้านิวเคลียร์หงหยานเหอของจีน และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์โกรีของเกาหลีใต้ ต่างก็ปล่อยน้ำที่มีสารทริเทียมลงทะเลมากถึง 87 ล้านล้านเบกเคอเรลต่อปี และ 91 ล้านล้านเบกเคอเรลต่อปี ตามลำดับ

ภาพการปล่อยน้ำเสียลงทะเลที่ประเทศเม็กซิโก ถูกนำมาทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นที่ประเทศญี่ปุ่น

 

อย่างไรก็ตาม แม้มีคำยืนยันในทางวิชาการถึงความปลอดภัยของการปล่อยน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีที่ถูกบำบัดแล้วในประเทศญี่ปุ่น แต่กระแสความวิตกกังวลหวาดกลัวต่อคำว่า “กัมมันตรังสี” ก็เพิ่มขึ้นตามบรรดาข่าวปลอมที่แพร่ไวรัลอย่างรวดเร็วบนโลกโซเชียล ตัวอย่างเช่น มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอของน้ำเสียสีดำเข้มจำนวนมาก กำลังถูกปล่อยลงสู่ทะเลและอ้างว่าเป็นการปล่อยน้ำเสียจากโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ ซึ่งเจือปนด้วยสารรังสีอันตรายกว่า 64 ชนิด!?

แม้ว่าคลิปวิดีโอนี้จะเป็นของจริง ไม่ได้เป็นภาพตัดต่อหรือสร้างขึ้นจากคอมพิวเตอร์ แต่เป็นคลิปที่เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว ก่อนที่จะมีการปล่อยน้ำจากโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ และเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในประเทศเม็กซิโก ที่ชายหาดอิคาคอส (Icacos) เมืองอาคาปุลโก (Acapulco) เมื่อท่อระบายน้ำทิ้งของเมืองเกิดแตกเสียหายหลังจากฝนตกหนัก น้ำเสียจำนวนมากเลยทะลักขึ้นมาตามแรงดันน้ำ เป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง และส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว ไม่ใช่น้ำจากโรงไฟฟ้าแต่อย่างไร

สำหรับประเทศไทยเรา มีหลายคนที่กังวลเกี่ยวกับอาหารทะเลนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น รวมถึงสัตว์น้ำที่จับในทะเลไทยเราเองด้วย ว่าจะมีการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีมาด้วยหรือเปล่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างคณะกรรมการอาหารและยา (อย.), กรมประมง, สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ และสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ จึงได้ช่วยกันตรวจสอบอาหารทะเลว่ามีการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีเกินกว่ามาตรฐานที่กำหนดหรือไม่ และหวังว่าประชาชนจะสบายใจขึ้น ไม่ตื่นตระหนกกันเกินเหตุ


คอลัมน์: คิดอย่างวิทยาศาสตร์

เรื่อง: รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์  

All Creative Team

Writer

ร่วมสร้างสังคมอุดมปัญญา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!