Nightmare Alley เป็นตัวอย่างที่ดีของการถลำตัวสู่ความทะเยอทะยาน และการหลงไปในคำลวงที่ใช้ควบคุมคนอื่น
หนังเปิดเรื่อง สแตนตัน คาร์ไลล์กำลังนำร่างใครสักคนที่หมกในถุงไปฝังไว้ใต้พื้นบ้านและเผาบ้านทั้งหลัง ก่อนนั่งรถบัสไปลงที่เมืองแห่งหนึ่งซึ่งกำลังมีงานคาร์นิวัลอันประกอบไปด้วยโชว์หลากหลาย โชว์ตัวประหลาดที่กินไก่สด โชว์หญิงสาวที่สามารถทนกระแสไฟฟ้า โชว์การทายใจและติดต่อวิญญาณ ฯลฯ
สแตนได้งานที่คาร์นิวัล เขาสนิทกับชายชราชื่อพีทผู้ซึ่งภรรยามีกลเม็ดในการทายใจผู้คน เขาเรียนรู้วิชาจากพีทจนสามารถช่วยแสดงโชว์นี้ในยามที่พีทเมาหัวราน้ำ บทเรียนหนึ่งที่พีทกับภรรยาบอกเขาคืออย่าเล่นกลในเชิง ‘พูดกับวิญญาณคนตายหรือเป็นร่างทรง’ เพราะมันอาจทำร้ายจิตใจของคนที่สูญเสีย แม้สแตนจะมองในแง่ดีว่านั่นเป็นการให้ความหวังแก่คนที่สูญเสียคนรักไป แต่พีทกลับบอกว่า “การโกหกไม่ใช่การให้ความหวังคน”
สแตนตกหลุมรักมอลลี่ หญิงสาวคนซื่อซึ่งทำงานประจำโชว์ควบคุมกระแสไฟฟ้า เขาชวนเธอออกจากคณะคาร์นิวัลแล้วไปลองหางานทำในเมืองใหญ่ มอลลี่ไม่ลังเลที่จะตามสแตนไปเพราะเธอก็หลงรักเขาเช่นกัน
เส้นทางการงานของสแตนราบรื่นดี เขากับมอลลี่จับคู่กันไปแสดงในเมืองใหญ่ มีคนระดับไฮโซจำนวนมากให้ความสนใจในโชว์ของเขา ชีวิตต่างกับสมัยแบกสัมภาระย้ายไปตามคณะโชว์ราวฟ้ากับดิน
วันหนึ่งมีผู้พิพากษาใหญ่ในเมืองมาชมด้วย ผู้พิพากษาประทับใจความสามารถอ่านใจของสแตน แล้วแสตนก็ยังโชว์เหนือขึ้นไปอีกโดยแสดงความสามารถในการติดต่อวิญญาณลูกชายผู้พิพากษาที่เสียชีวิตในสงคราม ท่ามกลางเสียงปรบมือของผู้ชม มีอยู่คนหนึ่งที่ต้องการลองดีคือนักจิตวิทยาชื่อดัง ลิลิธ ริตเตอร์
สแตนรู้ภายหลังว่าผู้พิพากษามาชมการแสดงของเขา ก็เพราะลิลิธเชิญชวน เนื่องจากผู้พิพากษาเป็นคนไข้ของลิลิธที่มาบำบัดจิตหลังการสูญเสียลูกชาย ลิลิธศึกษาเบื้องหน้าเบื้องหลังของสแตนมานาน เธอต้องการให้สแตนมาร่วมขบวนหลอกเอาเงินจากผู้พิพากษา โดยอาศัยข้อมูลการบำบัดจิตใจที่ลิลิธเก็บไว้ ซึ่งนั่นยิ่งทำให้สแตนดูน่าทึ่งเมื่อเขาพูดถึงอดีตเกี่ยวกับลูกชายผู้พิพากษาราวกับรู้จักกันมาก่อน
มอลลี่ทักท้วงงานนี้ เพราะพีทเคยเตือนแล้วว่าจะเล่นกลทางใจอะไรก็เล่นไปแต่อย่าเล่นเกี่ยวกับ ‘พูดกับคนตาย/ร่างทรงติดต่อวิญญาณได้’ แต่สแตนไม่ฟัง เขาเห็นโอกาสดังเนื่องจากผู้พิพากษามีเครือข่ายนักธุรกิจและข้าราชการใหญ่โตที่จะทำให้สแตนหาเงินได้มากขึ้น
ครึ่งเรื่องแรก พีทเคยเตือนสแตนตอนอยู่ในคณะโชว์ว่า
“เมื่อคนเราเชื่อเรื่องที่ตัวเองโกหกอย่างจริงจังแล้วเริ่มเชื่อว่าตัวเองมีอำนาจ เขาจะปิดหูปิดตาจากความจริง เพราะเขาเชื่อว่าทุกคำโกหกของตัวเองนั้นเป็นจริง”
เดิมทีกลอ่านใจของสแตนเกิดจาก ‘ความช่างสังเกต’ แต่เมื่อเข้าเมืองใหญ่แล้วร่วมมือกับลิลิธ กลของเขาก็สกปรกมากขึ้นด้วยการร่วมมือกันแบ่งปันข้อมูล แล้วพอได้เหยื่อเป็นคนใหญ่โต มันก็เหมือนกับดักทางใจที่ทำให้สแตนอยากไปไกลกว่านั้น เมื่อหลอกลวงจนคนใหญ่โตศรัทธา เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเก่งและมีอำนาจ นำไปสู่ความประมาทจนปิดหูปิดตาจากความจริงในที่สุด
ปิดหูปิดตาไม่ตระหนักถึงอันตรายจากเหยื่อรายใหม่ๆ ที่เพียงย่างกรายก็น่าจะระแคะระคายถึงความเสี่ยง รวมถึงปิดหูปิดตาจากเสน่ห์ร้ายของลิลิธด้วยความทระนงคิดว่าตัวเองสามารถอ่านใจทะลุปรุโปร่งและควบคุมคนอื่นได้
สแตนลืมไปว่าเขาหลอกลวงผู้คนได้เพราะ ‘ระบบการใช้คำกับความช่างสังเกต’ แต่ลิลิธเหนือกว่าเขาตรงเธอใช้วิชาชีพของเธอค้นหาจุดอ่อนที่แท้จริงของเหยื่อซึ่งก็คือสแตน
หายนะที่กล้ำกรายแสตนนอกเหนือจากการถลำลึกเพราะคำลวงและทะเยอทะยานแล้ว ก็ยังเกิดจากการที่เขาช่างสังเกตอ่านใจผู้คนแต่กลับละเลยอ่านใจตัวเอง มีประสบการณ์เลวร้ายในอดีตแต่ไม่เป็นบทเรียนซ้ำร้ายยังทำผิดครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะปมในใจที่เลือกจะกลบฝังไว้จนกลายเป็นฝันร้ายปรากฎเป็นระยะๆ
Nightmare Alley ผลงานกำกับโดย กิเยร์โม เดล โตโร มีความโดดเด่นในด้านกำกับศิลป์และการออกแบบงานสร้างที่ดูขลัง พาเราย้อนไปสู่บรรยากาศในยุคนั้นอย่างสมจริงไม่ว่าจะเป็นช่วงอยู่ในคณะคาร์นิวัลหรือในเมืองใหญ่ สิ่งที่น่าสนใจคือการเล่าเรื่องซึ่งครึ่งครึ่งเรื่องแรกค่อยๆ เล่าชีวิตของสแตนช่วงเข้าไปอยู่ในคาร์นิวัลเพื่อเรียนรู้และตกหลุมรัก เป็นการเล่าไปเรื่อยๆ โดยไม่มีจุดขัดแย้งหรือแสดงเป้าหมายของเรื่องชัดเจน แม้แต่นักแสดงคนสำคัญอย่าง เคต แบลนเช็ตต์ กว่าจะปรากฏตัวเป็นจุดพลิกสำคัญก็เป็นครึ่งหลัง
ในส่วนของนักแสดงแม้อาจไม่โดดเด่นบนเวทีล่ารางวัล แต่รูนีย์ มารากับแบรดลีย์ คูเปอร์ก็สวมบทบาทได้น่าประทับใจ แม้ไม่ใช่บทยอดเยี่ยมในชีวิตของทั้งคู่ แต่การแสดงที่ดูเป็นธรรมชาติ ถ่ายทอดชีวิตคนธรรมดาสามัญซึ่งค่อยๆ พังลงจากความฝันที่เคยมีก็ทำให้ช่วงท้ายของเรื่องสะเทือนใจอย่างยิ่ง
คอลัมน์: มองโลกผ่านจอ
เรื่อง: “ผมอยู่ข้างหลังคุณ”(www.facebook.com/ibehindyou,i_behind_you@yahoo.com)