กลุ่มยาลดความอ้วนใหม่

-

นอกจาก “ความขาว” ที่สาวไทยเรียกหากันแล้ว “ความผอม” ก็เป็นอีกสิ่งที่ปรารถนากันมากจนขอเป็นพรทั้งปี มิใช่เฉพาะตอนปีใหม่เท่านั้น  ล่าสุดมีข่าวว่าสองอย่างนี้ดูจะใกล้ความเป็นจริงมากขึ้น อย่างแรกมีครีมที่ใช้กันในทุกโอกาสมานานแล้ว และอย่างหลังกำลังมาในรูปของกลุ่มยาลดความอ้วนใหม่ที่ได้ผลจริงจัง

ยาลดความอ้วนดูจะเป็นยาที่แพทย์ส่วนใหญ่ไม่อยากแนะนำเนื่องจากมีผลข้างเคียงและมีวิธีการอื่นที่สามารถช่วยให้ลดน้ำหนักได้อยู่แล้ว อย่างไรก็ดี เมื่อมียาที่ช่วยลดน้ำหนักได้จริงจังโดยมีผลข้างเคียงน้อย แพทย์ก็เริ่มหันมาพิจารณา  ส่วนคนไข้อ้วนนั้นไม่ต้องพูดถึง  พร้อมที่จะกินยาลักษณะนี้อยู่แล้ว เพราะอยากผอมพร้อมกับกินดีอยู่ดีเหมือนที่เป็นมาด้วย

ยาลดความอ้วนประเภทใหม่นี้วางตลาดแล้ว 2 ยี่ห้อ คือ Wegovy ของบริษัท Nordisk และ Mounjaro ของบริษัท Eli Lilly   ยาตัวแรก  Wegovy วางตลาดในปี 2021 และประสบความสำเร็จมากจนขณะนี้หาซื้อได้ยาก   การทดลองขั้นสุดท้ายก่อนได้รับอนุญาตให้วางตลาดก็มีผลว่าช่วยให้ลดน้ำหนักได้ถึง 15%    ส่วน Mounjaro นั้นเป็นยารักษาโรคเบาหวาน  และคาดว่าจะได้รับอนุญาตในปี 2023 ให้เป็นยาลดความอ้วนด้วย

กลุ่มยาประเภทใหม่นี้ซึ่งมีชื่อเรียกว่า GLP-1 ทำงานโดยควบคุม “วงจรความหิวและความอิ่ม” ผ่านการทำงานบางส่วนของสมองซึ่งควบคุมความอยากอาหาร    เมื่อควบคุมได้ก็นำไปสู่การบริโภคอาหารน้อยลงและการลดลงของน้ำหนัก ยานี้ได้รับความนิยมจนเกิดสถานการณ์ขาดแคลน  Wegovy ในปัจจุบันซึ่งกำลังได้รับการแก้ไขอยู่ ถึงแม้จะมีอนาคตสดใส แต่วงการผลิตยาในลักษณะนี้ก็ไม่หยุดนิ่ง คาดว่าจะมียาใหม่ๆ ในกลุ่มนี้ออกมาอีกในไม่ช้า

            ขณะนี้มีผลการทดลองยา Amgen 133 ในขั้นตอนแรกว่าสามารถลดน้ำหนักได้ 15% ในเวลา 85 วัน ยานี้อยู่ในประเภท GLP-1 เช่นกัน แต่เสริมประสิทธิภาพด้วยการไปขัดขวางการหลั่งของฮอร์โมนในกระเพาะซึ่งทำให้ได้รับพลังงานจากอาหารน้อยลง และเพิ่มการเผาผลาญพลังงานให้มากขึ้น  ดังนั้นจึงช่วยให้การลดน้ำหนักเกิดขึ้นอย่างได้ผล   นอกจากนี้มีหลักฐานจากการทดลองขั้นต้นอีกว่า น้ำหนักจะลดลงด้วยหลังจากไม่กินยาแล้ว เพราะผู้เคยใช้ยาได้เรียนรู้ที่จะกินอาหารน้อยลง

นอกจากยา 3 ตัวข้างต้นแล้ว   ยังมีบริษัทอื่นที่พยายามพัฒนายาที่ใช้หลักการอื่นในการลดน้ำหนักอีกด้วยเพราะตลาดยาประเภทนี้มีขนาดใหญ่มากในโลก    คาดว่าก่อนถึงปี 2030 ตลาดจะมีขนาดใหญ่กว่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ในขณะนี้มีมูลค่าไม่ถึง 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

ยาประเภทลดความอ้วนดังกล่าวนี้คาดว่าจะได้รับความนิยมอย่างมากเพราะมีผลข้างเคียงน้อย และแพทย์ไม่ค่อยมีความรู้สึกต่อต้านเพราะตระหนักว่าเกิดผลจริงจังต่อคนไข้มากกว่าการสั่งให้กินอาหารน้อยลง  ออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญพลังงานมากขึ้น  อย่างไรก็ดีต้องคำนึงถึงคุณภาพของความผอมด้วย  หากคนสองคนเดิมมีน้ำหนักเท่ากันและน้ำหนักลดลงเท่ากัน ก็มิได้หมายความว่าทั้งสองจะมีพื้นฐานของการมีสุขภาพดีเท่ากัน   การพิจารณาจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงประเภทของอาหารที่บริโภค ลักษณะการดำเนินชีวิตที่ไม่เนือยนิ่ง  การไม่สุ่มเสี่ยงกับการบริโภคอาหารขยะ ฯลฯ ในภายหน้า ปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีผลอย่างสำคัญต่อการมีน้ำหนักลดลงและมีสุขภาพดีหลังจากเลิกกินยาแล้ว

ถึงแม้กลุ่มยาใหม่นี้จะช่วยลดความอ้วนได้เป็นอย่างดีในอนาคต   แต่ผลเสียที่เกิดขึ้นสำหรับบางคนก็คือจะทำให้มีความใส่ใจกับสิ่งที่บริโภคและแคลอรีที่บริโภคเข้าไปน้อยลง เนื่องจากคิดว่ามียาที่ช่วยลดความอ้วนอยู่แล้ว แต่การคิดเช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพในระยะต่อไปอย่างแน่นอน


คอลัมน์:  สารบำรุงสมอง เรื่อง: รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ

All Creative Team

Writer

ร่วมสร้างสังคมอุดมปัญญา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!