ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรแน่นอน

-

คนจีนมีเรื่องเล่าเก่าแก่เรื่องหนึ่ง เรื่องมีอยู่ว่าชายคนหนึ่งมีม้าขาวตัวหนึ่ง มันสวยงามมาก หากขายไปก็จะได้ราคาสูง แต่เจ้าของไม่คิดจะขาย เก็บม้าขาวไว้ในคอก

วันหนึ่งม้าขาวของเขาหายไปจากคอก เพื่อนบ้านรู้เข้า ก็มาแสดงความเสียใจ เขาเพียงยิ้ม กล่าวว่า “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรแน่นอน”

เพื่อนบ้านรู้สึกแปลกใจที่เขารับข่าวร้ายได้ดีกว่าที่คิด เขาบอกว่า “อย่าเพิ่งมองว่าเป็นเคราะห์กรรมอะไร ก็แค่ม้าไม่อยู่ เพราะไม่มีใครรู้ว่าม้าหายไปเป็นเรื่องดีหรือเลวร้าย”

ไม่กี่วันต่อมา ม้าของเขาหวนกลับมา พาม้าป่ากลับมาด้วยอีกสิบกว่าตัว เพื่อนบ้านรู้เข้า ก็มาแสดงความยินดี บอกว่า “ท่านโชคดีมาก อยู่ดีๆ ก็ได้ม้าเพิ่มมาหนึ่งฝูง”

เขาบอกว่า “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรแน่นอน”

วันหนึ่งลูกชายของเขาพยายามฝึกม้าป่าที่ได้มา เกิดอุบัติเหตุ ตกลงมาจากหลังม้า ขาหักทั้งสองข้าง ทำงานช่วยบิดาไม่ได้ เพื่อนบ้านรู้เข้า ก็มาแสดงความเสียใจ อีกครั้งเขาบอกว่า “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรแน่นอน”

ผ่านไปไม่กี่วัน เกิดสงครามระหว่างแคว้นขึ้น ทางการมาเกณฑ์ชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านไปรบ ชายหนุ่มทั้งหมู่บ้านถูกเกณฑ์ตัวไป แต่ทางการไม่เอาลูกชายขาหักของเขา ชายหนุ่มที่ไปรบส่วนใหญ่ไม่ได้กลับมา เพื่อนบ้านก็มาแสดงความยินดี เขาบอกว่า “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรแน่นอน”

ชายเจ้าของม้าเข้าใจสัจธรรมของโลกและชีวิต ใครเล่าจะสามารถรู้ว่าอะไรรอเราอยู่ในอนาคต ดังนั้นคิดมากไปไย ด่วนสรุปไปทำไม

เรื่องดีและไม่ดีเป็นสองด้านของเหรียญเดียวกัน มันอยู่คู่กัน ชีวิตขึ้นอยู่กับมุมมองและทัศนคติ

มองลบชีวิตก็เป็นลบ มองบวก แม้ชีวิตอาจไม่ได้เป็นบวกเสมอไป แต่อย่างน้อยมันก็ไม่เป็นลบ

ชีวิตมีทั้งโชคดีและเคราะห์ร้าย สิ่งที่เรียกว่าชะตาชีวิตเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นเอง มันก็ขึ้นกับมุมมองของเรา เพราะชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน

มีหลายเรื่องหลายเหตุการณ์ที่เรากำหนดไม่ได้ เพราะมันอยู่เกินวิสัยที่เราจะกำหนด แต่เราสามารถอยู่เหนืออารมณ์ความรู้สึกที่เกิดจากเหตุการณ์ได้ในระดับหนึ่ง

ขณะที่เราดีใจ ก็ให้ระวังว่าในนาทีหน้าเราอาจเสียใจ ขณะที่เราเศร้าใจ ก็ให้ระลึกว่า บางทีนาทีหน้าเราอาจจะดีใจ

ไม่มีอะไรในโลกมีเพียงด้านเดียว มุมเดียว

นี่ก็คือทัศนคติที่มองเหตุการณ์ หรือสิ่งที่มากระทบเรา

เหตุการณ์หรือเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ละเรื่องก็เป็นเหตุการณ์ มันเป็นเช่นนั้นเอง ส่วนที่เหลืออยู่ที่การมองว่ามันเป็นอย่างไร หากมีทัศนคติเชิงลบ ก็มองเหตุการณ์นั้นว่าเป็นเคราะห์กรรม หากมีทัศนคติในเชิงบวก ก็จะมองว่ายังเร็วเกินไปที่จะบอกว่ามันเป็นเรื่องร้าย หรืออย่างน้อยก็มองว่า บางทีในเรื่องที่ดูเหมือนร้าย ก็อาจมีสิ่งดีๆ ซ่อนอยู่

การไม่ด่วนสรุปและตัดสินเรื่องใดเรื่องหนึ่งทำให้เรามีโอกาสหรือเปิดช่องให้เราเลือกทางเดินเพิ่มขึ้น

มันทำให้เราไม่ตีโพยตีพาย และมองว่ามันคือจุดจบของชีวิต และไม่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเรื่องดี

 

…………

 

ชีวิตดำเนินไปตามเหตุและปัจจัย มันเป็นเช่นนั้นเอง และการติดนิสัยตัดสินมัน อาจทำให้เราไม่มีความสุข เพราะมองแคบแค่จุดเดียว

มีหลายสิ่งในโลกที่อยู่เกินความคาดคะเนของเรา ฝนตก พายุ ฟ้าร้อง ภูเขาไฟถล่ม แผ่นดินไหว รถติด ไฟไหม้บ้าน สงคราม เศรษฐกิจพินาศ ฯลฯ บ่อยครั้งก็เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงและอยู่เหนือการควบคุมของเรา

บางครั้งเราเชื่อว่าชีวิตเราดีมากแล้ว ทันใดนั้นก็อาจเกิดเหตุที่คาดไม่ถึง เช่น ตกงาน กลายเป็นคนทุพพลภาพ ฯลฯ เปลี่ยนชีวิตเรา บางครั้งหน้ามือเป็นหลังมือ

ทางพุทธสอนเรื่องความไม่แน่นอนซึ่งเป็นหลักสำคัญ เราควรดำเนินชีวิตไปตามพุทธวจนะ ใช้ชีวิตโดยไม่ประมาท เตรียม ‘ทางหนีไฟ’ แห่งชีวิตไว้บ้าง

และถ้าเกิดเรื่องดีหรือไม่ดี ก็เข้าใจความไม่แน่นอนของชีวิต และสามารถเอ่ยประโยค “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรแน่นอน”

 

วินทร์ เลียววาริณ

winbookclub.com

เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/winlyovarin/


คอลัมน์ ลมหายใจ เรื่องและภาพ: วินทร์ เลียววาริณ

All Creative Team

Writer

ร่วมสร้างสังคมอุดมปัญญา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!