หลังจากประสบความสำเร็จในการสร้างซีรีส์บอยเลิฟอย่างล้นหลาม จนกลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่แข็งแรงของไทย ก็ถึงเวลาที่ผู้ผลิตต้องก้าวสู่ความท้าทายครั้งใหม่ ขยายพื้นที่ให้แก่เรื่องราวความรักอันไร้ขอบเขตไปสู่ซีรีส์แนวเกิร์ลเลิฟ หรือยูริ GMMTV ผู้สร้างซีรีส์มีชื่อโด่งดังหลากหลายแนว และเป็นผู้ผลิตซีรีส์วายอันดับหนึ่งของวงการ ก็ร่วมเปิดศักราชใหม่นี้ด้วยซีรีส์ยูริเรื่องที่สองคือ Pluto นิทาน ดวงดาว ความรัก ดัดแปลงจากนิยายชื่อเดียวกัน เรื่องนี้ได้สองนักแสดงนำเจ้าบทบาทอย่าง ‘น้ำตาล’ ทิพนารี และ ‘ฟิล์ม’ รชานันท์ ออลฯ ฉบับนี้มีโอกาสได้สนทนากับนักแสดงทั้งสอง และความท้าทายครั้งใหญ่ของพวกเธอ
Namtan
เราเริ่มต้นสนทนากับน้ำตาลถึงเรื่องราวในวัยเด็ก และการทำงานในวงการบันเทิงมากว่า 10 ปี
ความฝันวัยเยาว์
“น้ำตาลชอบภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็ก และแพลนชีวิตว่าอยากเรียนต่อด้านภาษา เลยเข้าโรงเรียนมัธยมที่มีอิงลิชโปรแกรม จากนั้นก็เริ่มมองว่าอาชีพอะไรที่ใช้ภาษาและรายได้ดี ได้คำตอบว่าเป็นแอร์โฮสเตส เลยใฝ่ฝันตั้งแต่นั้น และวางแผนการเรียนไปในทิศทางนั้น
“ครอบครัวน้ำตาลเขาอยากให้ลูกหาสิ่งที่ชอบให้เจอสักหนึ่งอย่างเพื่อเป็นอาชีพในอนาคต พี่ชายน้ำตาลชอบกีฬาตั้งแต่เด็กเลยมุ่งไปทางนั้น ส่วนตัวน้ำตาลนั้นชอบทำกิจกรรมมากกว่านั่งเรียนทฤษฎีในห้อง พ่อเลยสนับสนุนให้เราลองไปแคสติ้งเป็นพิธีกรรายการดู ในเมื่อพี่ชายเรียนควบคู่กับประกอบอาชีพได้ น้องสาวก็เรียนควบคู่กับทำงานได้เช่นกัน ภาพที่ครอบครัวหวังไว้คืออยากให้ลูกโตกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน มีความรับผิดชอบ และหาเงินเป็นตั้งแต่เด็ก อยากให้หาเงินได้เองตั้งแต่ก่อนเข้ามหา’ลัย ถามว่าเครียดไหม จริงๆ เครียดนะ ทั้งพี่ชายและน้ำตาลไม่มีชีวิตวัยรุ่น แต่ ณ ตอนนั้นเรายินดีที่จะอยู่ในกรอบ เพราะรู้สึกว่าเราก้าวกระโดดเร็วกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน เราชอบความรู้สึกนั้นจึงยอมเสียช่วงเวลาวัยรุ่นไป”
ทว่าเมื่อโตขึ้นก็มีช่วงที่ดื้อและต่อต้าน “พอเข้ามหา’ลัยก็เจอสังคมใหม่ๆ เราอยากเที่ยวกับเพื่อน อยากมีความรัก เจอสิ่งที่อยากทำมากขึ้น เริ่มเปิดอกบอกทางบ้านถึงความต้องการของตัวเอง น้ำตาลเป็นมนุษย์ไม่ใช่หุ่นยนต์จึงมีความรู้สึกนึกคิดเฉพาะตัวเอง จากครอบครัวที่แต่เดิมค่อนข้างเข้มงวดเลยเริ่มผ่อนลง และน้ำตาลก็พิสูจน์ให้เห็นว่า เราดูแลตัวเองได้ เราไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ไม่ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน”
เข้าถึงละครเข้าใจมนุษย์
นอกจากชื่นชอบด้านภาษา น้ำตาลยังชื่นชอบด้านการแสดงด้วย และจริงจังจนถึงขั้นเรียนต่อด้านนี้ในระดับปริญญาตรีและปริญญาโท สาขาการแสดงและกำกับการแสดง คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
“น้ำตาลคิดว่าการละครช่วยให้น้ำตาลรู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเอง น้ำตาลสามารถบำบัดตัวเองได้ วันนี้เครียดมาก แต่เราสามารถปล่อยวางอารมณ์ ไม่เก็บไว้แล้วระบายความท็อกซิกใส่คนอื่น น้ำตาลอยากเป็นนักแสดงที่ช่วยเหลือคนได้ อย่างน้อยให้เขายิ้ม หัวเราะ หรือมีความสุข
“ส่วนที่เรียนต่อปริญาโทสาขาเดิม เริ่มจากมีอาจารย์ที่คณะถามว่าสนใจเรียนต่อไหม น้ำตาลก็ศึกษาก่อนว่าเราเรียนแล้วทำอะไรต่อได้บ้าง น้ำตาลสามารถเป็นครูได้นะ อาจไม่ใช่การเป็นครูมหาวิทยาลัย แต่เป็นครูพิเศษสอนรุ่นน้อง หรือโรงเรียนสอนการแสดง ในอนาคตน้ำตาลอยากมีโรงเรียนสอนการแสดงด้วย เราเป็นหนึ่งในทีมสอน อยากให้น้องๆ นักแสดงรุ่นใหม่เห็นคุณค่าของ performing art เมื่อเป็นดาราศิลปินแล้ว นอกจากชื่อเสียงก็อยากให้มีคุณภาพด้วย น้ำตาลอยากถ่ายทอดสิ่งที่เรียนมาให้เกิดประโยชน์ต่อไป”
เป้าหมายในการทำงานของน้ำตาลเปลี่ยนไปไหมเมื่อศึกษาด้านนี้ลึกซึ้งขึ้น และทำงานมานานพอ “จุดเปลี่ยนไม่ได้เกิดจากการเรียน แต่เกิดจากการการทำงานมากกว่า น้ำตาลจำได้ว่ามีอยู่ปีหนึ่งน้ำตาลแสดงทั้งบทตัวเอกและตัวสมทบรวมกัน 9 ตัวละคร เยอะมากจนโอเวอร์โหลด เวิร์กไลฟ์บาลานซ์แย่มาก น้ำตาลทำงานพลางร้องไห้พลาง ไม่มีความสุขเลย ทั้งที่นี่คือสิ่งที่เรารักนะ และกลายเป็นว่าเราทำได้ไม่ดี จนเราต้องเลือกว่าจะทุ่มเทกับเรื่องไหน และผิดหวังที่ทำไมถึงจัดเต็มเท่ากันไม่ได้ น้ำตาลจึงตัดสินใจว่าต่อจากนี้จะไม่ทำงานเยอะเกิน จะรับงานทีละเรื่อง และรักษาคุณภาพในทุกเรื่องที่เล่น”
เราถามนักแสดงสาวถึงผลงานแห่งความภาคภูมิใจ Who are you เธอคนนั้นคือฉันอีกคน ซึ่งทำให้คนดูรู้จักน้ำตาลในฐานะนักแสดง ด้วยความหลงรักในศาสตร์การแสดง น้ำตาลไม่จำกัดตัวเองที่บทนักแสดงนำ เธอยินดีรับทุกบทบาทที่สำคัญต่อการดำเนินเรื่อง “น้ำตาลไม่ได้เป็นนางเอกตั้งแต่แรก เรารับบทสมทบมาก่อน จนวันหนึ่งค่อยก้าวขึ้นรับบทนำ น้ำตาลรู้สึกว่าดีนะที่ค่อยๆ ไต่ขึ้นมา เหมือนเราได้พิสูจน์ตัวเองให้คนเห็นและยอมรับ การที่เราขึ้นมาอยู่ตรงนี้ต้องไม่มีคำครหา แม้น้ำตาลจะเป็นนางเอกแต่ใช่ว่ารับบทสมทบอีกไม่ได้ ใน Last Twilight ภาพนายไม่เคยลืม น้ำตาลก็รับบทสมทบ และดีใจมากที่ได้แสดงบทนั้น เรามีส่วนเติมเต็มให้เรื่องสมบูรณ์ แต่ถ้าเอาเราไปเล่นแค่เพราะเราแสดงได้ แต่บทนั้นไม่มีผลกับเรื่องหรือตัวละครเลย น้ำตาลจะตั้งคำถามว่าเอาเรามาทำไม น้ำตาลอยากฟินกับทุกผลงานของตัวเอง ไม่ใช่แค่ไปถ่ายให้จบๆ”
ความท้าทายครั้งใหม่
Pluto นิทาน ดวงดาว ความรัก คือความท้าทายครั้งใหม่ของน้ำตาล เธอมีวิธีเตรียมตัวเพื่อปรับจูนกับฟิล์มซึ่งเป็นพาร์ตเนอร์ในการทำงานอย่างไร และยังจำโมเมนต์แรกที่เจอกันของทั้งคู่ได้หรือไม่ “ตอนน้องฟิล์มเข้ามาที่ GMMTV เราได้ยินว่าน้องมาจากการประกวด และตอนนั้นมีคนบอกน้ำตาลเยอะมากว่าน้องคนนี้เหมือนน้ำตาลเลย สดใสเหมือนน้ำตาลวันแรกที่เข้ามา พอเราได้ทำความรู้จักก็รู้สึกตามนั้นว่าคล้ายเราเลย เราสองคนเคยแสดงซีรีส์เรื่องเดียวกันบ้าง แต่ไม่ใช่บทบาทที่เข้าซีนด้วยกันบ่อยๆ น้ำตาลจึงรู้สึกอยากร่วมงานกับน้องจัง คงสนุกแน่เลย เพราะน้องก็เป็นคนที่แสดงเก่ง จนในที่สุดก็มีโอกาสร่วมงานกันในซีรีส์Pluto
“ตอนแรกน้ำตาลก็เครียดนะ เราสองคนเอเนอร์จี้ต่างกัน น้ำตาลเป็นคนที่เอเนอร์จี้เยอะ จะทำยังไงให้เราร่วมงานกันราบรื่น น้ำตาลเคยมีประสบการณ์แสดงละครเวทีในบทบาทเกิร์ลเลิฟ ซึ่งเป็นละครธีซิสสมัยเรียนมหา’ลัย ตอนนั้นเราใช้วิธีนั่งคุยกับเพื่อนนักแสดงที่คู่กันจนทลายกำแพงและสนิทกัน น้ำตาลก็ใช้วิธีเดียวกันกับน้องฟิล์มคือพูดคุย แพชชันการทำงานคืออะไร เราอยากได้อะไรจากซีรีส์Pluto สิ่งที่เราสองคนมีเหมือนกันคือแพชชันด้านการแสดง ส่วนเรื่องอื่นก็ต้องค่อยๆ เรียนรู้ซึ่งกันและกัน น้ำตาลไม่อยากเจ้ากี้เจ้าการน้องเกินไป เราตกลงกันว่าจะไม่ก้าวก่ายในพาร์ตการทำงานของแต่ละคน แต่ถ้าอะไรที่ต้องทำร่วมกัน อย่างเช่นถ่ายแบบ วันนี้พี่ขอให้เตรียมชุด น้องฟิล์มใส่ชุดนี้ได้ไหม ให้โอกาสน้องเลือกก่อน ถ้าน้องรู้สึกไม่สบายใจ ไม่เป็นไรพี่ใส่เอง หาจุดร่วมของเราสองคนให้เจอ ข้อดีคือน้องเปิดใจให้น้ำตาลเต็มที่ และถ้าน้ำตาลทำอะไรผิด ก็พร้อมอธิบายเหตุผลและขอโทษ”
Pluto นิทาน ดวงดาว ความรัก เป็นเรื่องราวของฝาแฝดที่มีชื่อว่า ‘ไออุ่น’ และ ‘โอบอุ้ม’ (รับบทโดย ‘น้ำตาล’) โอบอุ้มได้ปลอมตัวเป็นไออุ่นไปบอกเลิก ‘เมธาวี’ (รับบทโดย ‘ฟิล์ม) สาวตาบอดคนรักของไออุ่น แต่กลับเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ส่งผลให้โอบอุ้มบอกเลิกเมธาวีไม่สำเร็จ แถมยังถลำใจไปรักคนรักของแฝดผู้น้องอีกด้วย
การรับบทที่เปรียบได้กับพระเอกของเรื่อง น้ำตาลยอมรับว่าไม่ง่ายเลยที่ต้องเปลี่ยนมายด์เซ็ตจากนางเอกสู่พระเอก “มีเรื่องของเลิฟซีนซึ่งเป็นสิ่งที่ใหม่สำหรับน้ำตาล ถ้าน้ำตาลรับบทเมธาวี อาจไม่หนักใจเท่าเพราะยังมีความเป็นผู้หญิงอยู่ ต่อให้น้ำตาลกับฟิล์มเป็นนางเอกด้วยกันทั้งคู่ แต่โพสิชันของน้ำตาลที่สะท้อนความรู้สึกของตัวพระ ก็ต้องมีการนำ การรุก ตอนน้ำตาลรับบทเป็นนางเอกเคยมีรุกพระเอกบ้าง แต่ก็ไม่เหมือนแบบนี้ พูดเลยว่าเลิฟซีนสำหรับน้ำตาลคือยากจริงๆ มันเขิน มันประหม่า ทำตัวไม่ถูก ต้องขอบคุณน้องฟิล์มที่ปล่อยตัวสบายๆ ซึ่งช่วยน้ำตาลได้มาก”
ส่วนการรับบทฝาแฝดซึ่งเป็นครั้งที่สองของน้ำตาลนั้น ไม่สร้างความหนักใจให้เธอนัก “เพราะสองแคแรกเตอร์นี้นิสัยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เราเลยแยกตัวละครได้ไม่ยาก ไม่สับสน น้ำตาลจะมาร์กสีให้ตัวละครต่างกัน ช่วยให้ทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น สิ่งที่ใหม่อีกอย่างในการแสดงเรื่องนี้คือ น้ำตาลต้องขี่บิ๊กไบก์คันใหญ่ ก็มีไปเรียนเพิ่มเติม
“ซีนที่ชอบคือซีนไออุ่นกับยาย บทเขียนดีมาก เป็นซีนที่ตัวละครทั้งรัก ผิดหวัง เสียใจ อิจฉา ผสมผสานกัน ส่วนซีนที่เข้ากับน้องฟิล์มก็คงเป็นเลิฟซีนเนี่ยแหละ น้ำตาลต้องพูดกับตัวเองเพื่อปลุกพลังและสร้างกำลังใจ ประมาณว่าเราเป็นนักแสดงนะเว้ย ต้องทำได้ นักแสดงฮอลลีวู้ดยังทำได้เลย เพื่อก้าวข้ามกำแพงความเป็นน้ำตาลที่กั้นไม่ให้ไออุ่นผ่าน”
เมื่อซีรีส์บอยเลิฟประสบความสำเร็จอย่าง ความคาดหวังต่อซีรีส์เกิร์ลเลิฟสร้างแรงกดดันต่อนักแสดงหรือไม่ “เรากลัวว่าจะทำให้แฟนคลับผิดหวังมากกว่า ทุกคนเฝ้ารอน้ำตาล-ฟิล์ม ไม่ใช่ในฐานะคู่ใหม่ เพราะเราเข้าวงการบันเทิงมานานแล้ว แต่เฝ้ารอที่เราสองคนซึ่งมีประสบการณ์ด้านการแสดงจะสวมบทตัวละครอย่างเข้าถึงแค่ไหน น้ำตาลคิดว่าถ้าคนจะคาดหวังจากเรา คงคาดหวังในด้านที่เราทำได้ดีคือพาร์ตการแสดง ซึ่งน้ำตาลก็จะทำอย่างสุดความสามารถ”
หากอยากยืนระยะในวงการบันเทิงนี้ ตัวตนคือคีย์เวิร์ดหลัก “ปัจจัยที่จะทำให้อยู่วงการบันเทิงได้นานคือตัวตนของเรา น้ำตาลจะไม่ละทิ้งตัวตน ไม่ท็อกซิกกับคนอื่น ต่อให้เราคาดหวังเอนเกจเมนต์ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการรักษาคุณภาพในฐานะนักแสดง”
Film
มาทำความรู้จักนักแสดงนำอีกหนึ่งคนของซีรีส์ Pluto นิทาน ดวงดาว ความรัก
เด็กสาวธรรมดาก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง
“หนูโตมาแบบเด็กปกติทั่วไป เท่าที่จำความได้คืออยู่กับคุณแม่เป็นส่วนใหญ่ เพราะคุณพ่อทำงานต่างประเทศ คุณพ่อกลับมาไทยปีละครั้งซึ่งตรงกับช่วงปิดเทอมใหญ่ช่วงนั้น เราก็เลยไปอยู่ที่จังหวัดน่านบ้านเกิดของคุณพ่อกัน แต่ปกติก็ใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ ค่ะ
“น้องฟิล์มเป็นเด็กสไตล์ไหน แบ่งเป็นหลายช่วง ตอนประถมค่อนข้างตั้งใจเรียน ช่วงมัธยมต้นเริ่มแสบ ติดเพื่อน พอขึ้นมัธยมปลายก็เตรียมตัวเข้ามหา’ลัย เน้นทำกิจกรรมเพื่อเป็น portfolio เข้ามหา’ลัยแล้วก็ชิลล์ขึ้น พบว่าเราสามารถโฟกัสแค่หน้าที่ของเราก็ได้ ไม่เหนื่อย ไม่เครียดดี
“อันที่จริงวงการบันเทิงค่อนข้างไกลตัวฟิล์มมาก ถามว่าเคยอยากเป็นดาราไหม เราเป็นผู้หญิงมีความรักสวยรักงาม แค่คิดเล่นๆ ว่าอยากเป็นดารา แต่ก็แค่คิดเล่นๆ ไม่เคยมานะเพื่อไปถึงจุดนั้น เราเชื่อว่าจะเข้าวงการบันเทิงได้ต้องมีแมวมอง เราเป็นแค่คนธรรมดา ใครจะสนใจเรา ฟิล์มโฟกัสที่การทำตามความคาดหวังของครอบครัวมากกว่า เขาอยากให้เป็นข้าราชการเพราะดูมั่นคง มีลูกสองคน ถ้ามีสักคนเป็นข้าราชการคงจะดี ตอนนั้นเราเรียนดีกว่าน้อง ไม่อยากกดดันน้อง เราเป็นให้ก็ได้ แต่ว่าฟิล์มมีสิ่งที่ชอบคือศิลปะ วาดรูป เราอยู่กับสิ่งนี้แล้วมีความสุข เลยพยายามหาจุดร่วมที่ทุกคนโอเคจนไปเจอภาควิชามีเดียทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ ในตอนนั้นเป็นสาขาเปิดใหม่ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เรียนการทำสื่อทางการแพทย์ มีทั้งวิชาออกแบบและวิชาพื้นฐานของหมอค่ะ
“แต่แล้ววันหนึ่งเหมือนจับพลัดจับผลู เขินทุกครั้งที่เล่า (หัวเราะ) ช่วงแรกเข้ามหา’ลัย ฟิล์มเห็นเพื่อนที่โรงเรียนเขาลงรูปถือขวดผลิตภัณฑ์ยี่ห้อหนึ่ง พร้อมเขียนแฮชแท็ก ฟิล์มก็กดเข้าไปดูเลยเห็นว่ามีเวทีประกวด ผู้เข้ารอบ 12 คนจะได้รางวัลคือโทรศัพท์มือถือ แล้วโทรศัพท์ของฟิล์มพังพอดี เราไม่อยากขอเงินที่บ้าน เลยลองสมัครประกวด แค่เข้ารอบ 12 คนเพื่อให้ได้โทรศัพท์ก็พอ โชคดีที่ได้เป็น 1 ใน 12 คนนั้น แต่มีอีกเงื่อนไขที่เรามารู้ทีหลังเพราะอ่านไม่ละเอียดคือ ผู้ชนะ 12 คนจะได้เป็นนักแสดงในสังกัด GMMTV จากคนที่อยู่ห่างไกลวงการบันเทิงมาก ก็ได้มาเข้าสังกัดและทำงานวงการบันเทิงค่ะ”
ตกหลุมรักการแสดง
ความรู้สึกเมื่อได้เปิดฉากการแสดงครั้งแรก “ชอบเลยค่ะ ฟิล์มไม่ได้แสดงเก่งตั้งแต่แรก แต่รู้สึกชอบในทันที เหมือนเราชอบศิลปะตรงที่เราไม่ได้วาดรูปเก่งตั้งแต่ต้น แต่เรารู้ทันทีว่าชอบสิ่งนี้ ถ้าฟิล์มมีโอกาสเจอการแสดงก่อนศิลปะ ฟิล์มอาจเลือกเรียนด้านการแสดงแทน สิ่งที่ทำให้เราว้าวคือการได้เป็นคนอื่น ชีวิตปกติฟิล์มไม่ค่อยแสดงความรู้สึก แต่พอสวมบทบาทเราได้แสดงความรู้สึกมากขึ้น”
ฟิล์มเปิดใจว่าแม้จะชื่นชอบการแสดง แต่ก็ต้องปรับตัวพอสมควรเมื่อทำงานในวงการบันเทิง “ณ ตอนนี้ฟิล์มพยายามบาลานซ์คำว่า ‘ดารา’ กับ ‘นักแสดง’ ให้ได้ คือก่อนหน้านี้ฟิล์มพยายามแยกสองสิ่งนี้ออกจากกัน ฟิล์มชอบการเป็นนักแสดง ส่วนการเป็นดาราในมุมมองของฟิล์มคือคนที่อยู่ท่ามกลางสปอตไลต์และต้องเปิดเผยชีวิตส่วนตัว ณ ตอนนี้ฟิล์มยังกล้าๆ กลัวๆ ที่จะเป็นทั้งนักแสดงและดารา ไม่แน่ใจว่าหากเราเปิดเผยไปแล้ว เราจะรับผลกระทบไหวไหม”
เมื่อเราถามถึงการจับคู่แสดงครั้งแรกกับน้ำตาล “ก่อนจะมาร่วมงานกันในPluto ฟิล์มเคยได้ยินมาบ้างว่าพี่น้ำตาลเป็นคนตลก แสดงเก่ง เป็นเจ้าแม่สายดราม่า คล้ายๆ กับเรา ฟิล์มก็ชอบเล่นดราม่าเหมือนกัน อยากทำงานกับคนเก่งๆ อย่างพี่เขา เราน่าจะได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติม พอได้เจอกันก็เป็นอย่างที่คิด เก่งและตลกด้วย”
เข้าถึงความเป็นนักแสดงไปอีกขั้น
“เรื่องนี้นอกจากเกิร์ลเลิฟที่เป็นสิ่งใหม่ ฟิล์มยังรับบทเป็นคนตาบอด ซึ่งต้องอาศัยสมาธิสูงมาก พอสวมบทไปสักพักก็รู้สึกว่าตัวเองมีประสาทสัมผัสด้านการฟังดีขึ้น ยิ่งเวลาเข้าซีนฟิล์มต้องมองไปที่จุดจุดเดียว ไม่สามารถกลอกตาได้ ต้องรวบรวมสมาธิ บทบาทนี้ท้าทายที่สุดตั้งแต่เป็นนักแสดงมา อย่างตัวฟิล์มมีซ้อมแบบจำลองว่าตัวเองตาบอด เช่น ปิดไฟห้องแล้วใช้ชีวิตให้คุ้นเคยกับที่อยู่ หรือหลับตาแต่งหน้า แล้วก็พยายามปรับลุคตัวเองให้โตขึ้นเพื่อความสมบทบาท
“ซีนที่ชอบสำหรับฟิล์มคือซีนที่เมธาวีอ่อนแอ และไม่อยากลุกขึ้นสู้แล้ว แต่โอบอุ้มก็คอยบอกให้เมธาวีสู้สิ ตอนนั้นเป็นช่วงที่ฟิล์มกำลังหาคำตอบให้ตัวละคร และเจอคำตอบเมื่อแสดงซีนนี้กับพี่น้ำตาล”
เลิฟซีนสำหรับนักแสดงสาวไม่ใช่ซีนที่ยากหรือประหม่าเท่าพาร์ตเนอร์ของเธอ “พอเรามองว่านี่คือการแสดง การทำงาน เราอยู่ในฐานะตัวละคร ก็ไม่มีอะไรยาก แต่ขึ้นอยู่กับแนวการทำงานของแต่ละบุคคล อย่างพี่น้ำตาลเขาต้องการให้ร่างกายคอมฟอร์ตกัน ก็จะคอยคุยคอยถามตอนเวิร์กช็อป แล้วฟิล์มมองข้ามเรื่องเพศไปเลย ตอนอ่านบทก็ไม่ได้โฟกัสว่าเป็นเพศหญิงหรือเพศอะไร”
แม้ซีรีส์เรื่องนี้จะมีกระแสตั้งแต่ยังไม่ออนแอร์ และแฟนๆ ก็เฝ้ารอชมอย่างใจจดใจจ่อ ก็ไม่ได้ทำให้นักแสดงสาวรู้สึกกดดันแต่อย่างใดในช่วงต้น “สารภาพตามตรงว่า ฟิล์มไม่กดดันเลยในตอนแรก พี่น้ำตาลที่ค่อนข้างเป็นเพอร์เฟ็กชันนิสต์กลับกดดันกว่า และบอกเล่าความรู้สึกนี้ตลอด ตัวฟิล์มไม่กดดันเพราะคิดเสมอว่าทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ และไม่แบกความรู้สึกอะไรที่เกินกว่านั้น เพราะนอกเหนือจากพาร์ตการแสดงคือปัจจัยอื่นที่เราควบคุมไม่ได้ คิดกังวลไปก็เท่านั้น ผลจะเป็นอย่างไรก็ยอมรับ ทว่าเมื่อได้รับความรัก ตระหนักถึงความหวังของแฟนๆ เราก็เริ่มกดดันแล้วค่ะ กลัวทำให้แฟนๆ ที่รอดูผิดหวัง สมมติสิ่งที่เขาคิดกับสิ่งที่เราแสดงไม่ตรงกันล่ะ แอบกังวลนิดหนึ่ง แต่ก็บอกตัวเองเสมอว่าทำให้ดีที่สุด”
การแสดงซีรีส์เรื่องนี้ช่วยให้ฟิล์มเข้าถึงความเป็นนักแสดงมากขึ้น “ฟิล์มเข้าใจในกระบวนการทำงานของการเป็นนักแสดง ที่ผ่านมาฟิล์มติดเล่นจริง เอาให้สมจริงไปเลย เพราะถ้าไม่สมจริงคนดูก็สัมผัสได้สิ ฟิล์มเลยเชื่อว่าเล่นจริงถึงจะดี แต่พอมาร่วมงานกับกองถ่ายนี้ ฟิล์มได้เรียนรู้เทคนิคมุมกล้อง เทคนิคการแสดง จังหวะต่างๆ เข้าใจแจ่มชัดกับคำว่านักแสดงต้องทำได้ทุกอย่าง”
นอกจากเทคนิคความรู้ที่ได้จากผู้กำกับและทีมงาน ฟิล์มยังได้พบเจอสิ่งใหม่จากการร่วมงานกับน้ำตาล “แฟนๆ ที่ติดตามฟิล์มจะรู้ว่าฟิล์มเป็นอินโทรเวิร์ตจัด พี่น้ำตาลจะคอยเลียบๆ เคียงๆ เข้ามาอยู่ในโลกของฟิล์ม และแนะนำเวลาฟิล์มเจอสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งมีเยอะมากเลยค่ะ เช่น เวลาคนเล่นมุข ฟิล์มก็งงว่าพูดเล่นพูดจริง พี่น้ำตาลจะคอยบอก เพราะที่ผ่านมาฟิล์มค่อนข้างเก็บตัวเลยตามไม่ทัน เท่ากับว่าพี่น้ำตาลเปิดโลกให้น้องฟิล์มเลย”
สาวอินโทรเวิร์ตคนนี้ทำอะไรเพื่อพักผ่อนหย่อนใจในวันว่าง “อ่านหนังสือ วาดรูป และฟังเพลงค่ะ ชอบทำอะไรตามลำพัง แต่ตอนนี้ตารางงานค่อนข้างแน่น เราโตขึ้นมีเรื่องให้รับผิดชอบมากขึ้น ก็ต้องสละช่วงเวลาพักผ่อนเพื่อการพัฒนาตัวเอง ตอนนี้ฟิล์มเปิดใจให้การร้องเพลง การเต้น เอาเวลาว่างจากการถ่ายซีรีส์ไปพัฒนาส่วนนี้เพิ่มเติมค่ะ”
สุดท้ายฟิล์มขอฝากผลงานซีรีส์Pluto อยากให้คนดูเปิดใจเฉกเช่นเช่นสองนักแสดงนำเปิดใจเพื่อความท้าทายใหม่ “นักแสดงทุกคนรวมถึงทีมงานทุ่มเทแรงกายแรงใจให้โปรเจ็กต์นี้ กว่าจะผ่านแต่ละซีน แต่ละวัน เคยมีเวลาที่ฟิล์มเหนื่อยมาก เราหันไปเห็นพี่ทีมงานเขายังหัวเราะ ยังยิ้มได้ แล้วเราจะมานั่งเหนื่อยได้ยังไง ถ้าไปก็ต้องไปด้วยกัน สู้ก็สู้ด้วยกัน อยากให้แฟนนิยายเปิดใจให้เวอร์ชันซีรีส์ด้วยค่ะ อาจมีจุดที่เหมือนและต่าง รอติดตามชมนะคะ”
ขอบคุณสถานที่
MUU Bangkok Hotel
88/333 สุขุมวิท 55 (ถนนทองหล่อ) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110