ชีวิตหลากรส

-

ชีวิตคนก็เหมือนกับรสชาติของอาหาร

          ความอร่อยเลิศรส ควรมาจากอาหารที่มีหลายรสชาติในเมนูเดียวกัน หรือเรียกว่า กลมกล่อมนั่นเอง

เพราะถ้าอาหารประเภทใดที่มีรสชาติเดียว

เค็มก็เค็มจะทานแทบไม่ลง

หวานก็หวานจนแสบคอ

หรือเปรี้ยวก็เปรี้ยวจนเข็ดฟัน

คิดว่าอาหารแบบนั้น นอกจากรับประทานไม่อร่อยแล้ว ยังไม่เป็นที่นิยมอีกด้วย

เฉกเช่นเดียวกับภาพยนตร์ที่สนุกสนาน ต่อให้เป็นหนังที่แยกประเภทชัดเจน เช่น หนังดรามา หนังแอ็กชั่น หนังคอมาดี หรือหนังไซไฟ

ประเภทของหนัง เป็นแบบไหน ก็จะมีธีมของหนังประเภทนั้นนำหน้า

เช่น หนังแอ็กชัน ก็จะเป็นหนังที่หนักไปในทางบู๊ ต่อสู้ ระเบิดภูเขา เผากระท่อม

หรือหนังคอมาดี ก็จะเป็นหนังประเภทผ่อนคลาย สนุกสนาน ดูไปหัวเราะไป ยิ้มไป

แต่ไม่ว่าโทนของหนัง จะเน้นไปทางด้านใด แต่ที่ขาดไม่ได้คือองค์ประกอบของหนังทั้งเรื่อง

          คือ ถ้าเป็นหนังบู๊ จะให้ยิงกันตั้งแต่ฉากแรก จนฉากสุดท้าย ประเภทเลือดท่วมจอ พูดกันสามคำ ยิงกันอีกแล้ว

ถามว่า ถ้าเป็นอย่างนี้ หนังจะดูสนุกไหม

หรือ หนังดร่าม่า เรื่องเล่าเคล้าน้ำตา โศกกดดัน กันตั้งแต่ฉากแรก ทุกฉากมีแต่เรื่องเศร้าร้องไห้กระจองอแงกันน้ำตาท่วมจอ พอเริ่มฉากใหม่ เอ้า… ร้องไห้กันอีกแล้ว ร้องแบบไม่มีที่มาที่ไป

หนังแบบนี้แล้วใครจะไปดู

คือ ต่อให้เป็นหนังที่มีฉากบู๊ดุเดือดแค่ไหน ก็ต้องเว้นที่หายใจให้คนดูบ้าง

มีฉากรัก ฉากซึ้งๆ ปูอารมณ์ จนนำไปสู่การสูญเสีย จนพระเอกต้องไปล้างแค้นในที่สุด

หรือมีฉากสวยงาม ฉากสนุกสนานสลับเข้ามา หรืออาจจะมีฉากดร่าม่าเศร้าเสียใจ นิ่งกันไปทั้งโรง ให้คนดูอินกับบทที่สอดแทรกเข้ามาบ้าง

หนังอย่างนี้ ถ้าวางพล็อตดีๆ มีอัตราส่วนผสม ของแต่ละอารมณ์อย่างเหมาะสม จะทำให้หนังออกมาได้อย่างครบรส

ทำให้คนดูรู้สึกอินและสนุกไปกับหนังได้ไม่ยากเลย

เช่นเดียวกับชีวิตของคนเรา ก็ควรประกอบไปด้วยหลายสิ่งหลายอย่าง มันถึงจะทำให้ชีวิตทรงคุณค่า ไม่น่าเบื่อจนเกินไป

เพราะชีวิตคือการต่อเนื่องกันของเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งดีร้าย หัวเราะ ร้องไห้ ผิดหวัง สมหวัง ตื่นเต้น เบื่อหน่าย มีกำลังใจ หรือไม่อยากสู้อีกต่อไป

ถ้าชีวิตมีแค่ด้านเดียวตลอดเวลา คงน่าเบื่อสิ้นดี

 

เกิดมารวย เพราะมีพ่อแม่รวย มีแต่คนเอาใจ อยากได้อะไรไม่เคยผิดหวัง ความรักก็สมหวัง แต่งงานกับคนรวยด้วยกัน

พากันรวยๆๆ

คนส่วนใหญ่ ก็คงอยากได้ชีวิตแบบนี้ ที่ไม่ต้องดิ้นรนฟันฝ่า อยากได้อะไรก็ได้แบบไม่ต้องใช้ความพยายาม

แต่คำถามคือไม่เบื่อบ้างหรืออย่างไร อยากได้อะไรก็ได้ เพราะอะไรก็ได้มาง่ายๆ มักจะไม่มีค่า

          ตรงข้ามกับคนที่ทุ่มเททั้งชีวิต กว่าจะได้มา ฟันฝ่าเลือดตาแทบกระเด็น พอได้มาก็จะรัก และหวงแหนสุดใจ

เพราะไม่ง่ายกว่าจะได้มา

ถ้าไม่เคยแพ้ ชัยชนะอาจจะไม่ค่อยมีความหมาย

          ถ้าไม่เคยร้องไห้ เสียงหัวเราะก็ไม่ค่อยมีค่า

          ถ้ามีอยู่แล้ว แล้วมีอีก ส่วนต่างมันแคบมาก เขาอาจจะเฉยๆ ก็ได้

แต่คนไม่เคยได้ไม่เคยมี พอมีวันหนึ่งมีขึ้นมา เขาจะเห็นคุณค่าของสิ่งนั้นอย่างมากมาย

และข้อเสียข้อหนึ่ง ของการได้อยู่ตลอดเวลา คือ เวลาไม่ได้ ไม่รู้จะทำยังไงดี

เพราะเคยได้กับได้ เลยไม่รู้ว่า เวลาที่ไม่ได้เขาทำยังไงกัน

          เรียกได้ว่าภูมิต้านทานความผิดหวังอาจจะต่ำกว่าเกณฑ์ทั่วไป

          ส่วนคนที่ได้บ้างไม่ได้บ้าง ไม่มีปัญหา เพราะว่า เคยไม่ได้ เลยรู้ว่าถ้าไม่ได้ครั้งต่อไป ต้องทำอย่างไร

ทำชีวิตให้หลากรส ใส่ส่วนผสมของชีวิตให้หลากหลาย

ชีวิตมีขึ้นบ้างลงบ้างไม่เป็นไร แสดงว่าสัญญาณชีวิตยังสดใส

          เพราะถ้าสัญญาณชีวิตราบเรียบเกินไป นั่นหมายถึงการไร้ชีวิต


คอลัมน์: ก้าวไกลไปข้างหน้า เรื่อง: จตุพล ชมภูนิช  ภาพ: ขวัญญาณี ศิรธนอนันต์

All Creative Team

Writer

ร่วมสร้างสังคมอุดมปัญญา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!