จับมือกันแล้วสร้างฝันกันเป็นทีม
ไปคนเดียวจะไปได้ไว
แต่ถ้าอยากไปให้ไกล
ให้จับมือกันไว้
แล้วไปเป็นทีม
การสร้างความฝันร่วมมือกันทำงานเป็นทีม มีเทคนิควิธีการดังต่อไปนี้
- เป้าหมายชัดเจน
คนที่ทำงานด้วยกันทุกคนต้องเห็นเป้าหมายชัดเจนว่า ทำไปเพื่ออะไร ทำแล้วได้อะไร แม้สิ่งที่เขาทำทุกวันอาจจะดูเล็กๆ แต่เขาต้องเห็นภาพรวมใหญ่ทั้งหมด ว่าสิ่งที่เขาทำสุดท้ายแล้วจะได้อะไร
เหมือนแผ่นจิ๊กซอว์แผ่นเล็กๆ ที่ค่อยๆ ต่อเข้าไปจนกลายเป็นภาพใหญ่ที่สำเร็จครบสมบูรณ์
และให้ทุกคนในทีมตระหนักว่า การทำงานของเขาถ้าทำดีจะมีส่วนทำให้เป้าหมายสำเร็จได้อย่างไร
และถ้าทำไม่ดีจะมีผลกระทบเสียหายทั้งกับเป้าหมายและคนอื่นอย่างไรบ้าง
เช่น งานเสร็จไม่ทันกำหนด ทำแล้วงานไม่ได้คุณภาพ ทำให้ฝ่ายอื่นก็พลอยมีปัญหาต่อเนื่องไปด้วย เพราะ QC ไม่ผ่าน หรือส่งไปให้ลูกค้าแล้วถูกตีกลับมา เป็นต้น
การรู้เป้าหมายเห็นภาพรวมทั้งหมด และตระหนักถึงความสำคัญของหน้าที่ที่ทำประจำวัน จะทำให้คนในทีมนั้น มีความรับผิดชอบได้เป็นอย่างดี
- กำหนดหน้าที่ให้เหมาะสม
คนที่มารวมตัวกันในทีมแต่ละคนล้วนมีความสามารถหลากหลาย สิ่งที่ต้องทำให้ได้ คือให้แต่ละคนทำหน้าที่ให้ตรงความสามารถ
คนเก่งตัวเลขก็ไปทำบัญชี คนมีความคิดดีๆ ก็ไปวางแผน
เป็นหน้าที่ของผู้บริหารหรือหัวหน้าทีม ที่ต้องจัดคนลงให้ตรงกับความเก่งที่เขามี เขาจะได้แสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่
เพราะถ้าใช้คนไม่ตรงความสามารถ นอกจากเขาจะทำไม่ได้ ยังสร้างความเสียทายให้กับผลงานของทีมอีกด้วย
- สื่อสารกันดี
การสื่อสารที่ดีภายในทีม จะทำให้ทีมไปถูกทิศไม่ผิดทาง
รู้ว่าเป้าหมายของทีมปีนี้เน้นเรื่องอะไร รู้ว่าสิ่งที่ทุกคนต้องทำคืออะไร
เช่น ปีนี้เน้นรักษาลูกค้าและยอดขายไว้ให้ได้ ทุกคนก็ต้องคอยดูแลลูกค้าเก่า การผลิตก็ต้องรักษาคุณภาพ การส่งของต้องตรงเวลาเพื่อให้คนที่เป็นลูกค้าประทับใจ
ทั้งทีมต้องสื่อสารกันให้เข้าใจ ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ
การสื่อสารยังรวมถึงการนำเสนอไอเดียใหม่ๆ การมีส่วนร่วมกับกิจกรรมและการแก้ไขปัญหา
เช่น ใครมีความคิดดีๆ ในการลดขั้นตอนการผลิตหรือประหยัดค่าใช้จ่าย ก็ให้นำเสนอกับทีม หรือมีปัญหาก็กล้าหยิบยกขึ้นมาพูดคุยกัน จะได้สะสางปัญหาออกไป
ไม่ใช่ต่างคนต่างคิดแล้วก็เก็บเอาไว้ แล้วแอบไปตั้งก๊วนตั้งแก๊งแบ่งพรรคแบ่งพวก เล่นการเมืองในที่ทำงาน ซึ่งสุดท้ายจะทำงานร่วมกันไม่ได้ดี ทั้งหมดนี้เกิดจากการไม่สื่อสารกัน
- พัฒนาต่อเนื่อง
ในการทำงานไม่มีคำว่าดีที่สุด หรือดีแล้ว แต่มันดีขึ้นไปได้อีก
ดังนั้น ทีมงานต้องมีการพัฒนาความรู้ความสามารถทักษะกันตลอดเวลา Re Skill Up Skill Re Knowledge ให้กับทุกฝ่าย จะได้ทำงานกันได้ดีขึ้น เมื่อทำงานได้ดีขึ้น ผลิตผลของทีมก็จะดีขึ้นตามไปด้วย
ดูอย่างการเข้า Pit Stop ของรถ F 1 เพื่อเดิมน้ำมันเปลี่ยนยาง แก้ไขปัญหาเครื่องยนต์ ในสมัยก่อนใช้เวลาเป็น 10 วินาที
แต่ในปัจจุบันจากการฝึกฝนพัฒนาศักยภาพของทีมงานใน Pit Stop ก็ต้องพยายามแข่งกับเวลา เพราะเวลาทุกเสี้ยววินาทีของ Formula 1 นั้นมีค่ามหาศาล
ล่าสุดได้ข่าวว่า ทีมแมคลาเรน ใช้เวลาเข้า Pit Stop เพื่อเปลี่ยนยาง เติมน้ำมัน ในการแข่งขันที่ประเทศการ์ตาร์ ใช้เวลาเพียง 1.8 วินาที จากเมื่อก่อนใช้เวลากันเป็น 10 วินาที ปัจจุบันเหลือเวลาไม่ถึง 2 วินาที
และเชื่อว่านี่ไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุดในโลกตลอดกาล ถ้าทีมงานได้รับการฝึกฝนพัฒนาความสามารถ รู้หน้าที่ของตัวเองว่าใครต้องทำอะไร ทำอย่างไร ให้ใช้เวลาน้อยที่สุดเพื่อเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ของทีม
ต่อไปเราอาจจะเห็นรถแข่ง Formula 1 เข้า Pit Stop ใช้เวลาไม่ถึง 1 วินาที ก็เป็นได้
บอกแล้วไงว่ายังพัฒนาได้อีก
การทำงานคนเดียวให้สำเร็จได้ยังไม่ง่าย
การทำงานร่วมกันหลายๆ คนให้สำเร็จ ยิ่งเป็นเรื่องที่ยาก แต่ยากก็ไม่ได้แปลว่าเป็นไปไม่ได้
ถ้าทุกคนในทีม ร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ จากยากก็เป็นง่าย ไม่ว่าอะไร ก็เป็นไปได้แน่นอน
คอลัมน์: ก้าวไกลไปข้างหน้า / เรื่อง: จตุพล ชมภูนิช