“ฐานะทางบ้านของผมไม่ดีมาก เลยไม่มีโอกาสได้เรียนสนุกเกอร์ ได้แต่นั่งดูเพื่อนเรียน อาจารย์หยิก (‘หยิก สำโรง’ หรือพิสิษฐ์ จันทร์ศรี) เลยไม่คิดค่าสอน แต่ผมต้องช่วยดูแลโต๊ะสนุกเกอร์ให้เขา ที่นอนผมมีเสื่อผื่นหมอนใบและผ้าเช็ดตัว บางวันนอนใต้โต๊ะบ้าง ห้องเก็บของบ้าง หลับบ้างไม่หลับบ้างแต่ก็ไม่ได้สนใจ เราอยากเก่ง จึงต้องอดทนเข้าไว้ ไม่รู้สึกถึงความยากลำบากเลย ซ้อมทุกครั้งที่โต๊ะว่างและว่างงานจากการดูแลโต๊ะ พัฒนาไปเรื่อยๆ จนก้าวขึ้นมาติดทีมชาติและฝีมืออยู่ในระดับโลกปัจจุบัน”
เรื่องราวที่กว่าจะมาถึงวันนี้ของนพพล แสงคำ ผ่านอุปสรรคและขวากหนามนับครั้งไม่ถ้วน กว่าจะมาเป็น ‘หมู ปากน้ำ’ นักสนุกเกอร์มืออันดับ 34 ของโลก (ข้อมูล 7 กุมภาพันธ์ 2566) ล้มลุกคลุกคลานตั้งแต่เริ่มต้นมาตลอด หากแต่สิ่งที่ทำให้เขายังคงโลดแล่นในวงการสนุกเกอร์อยู่ คือใจรัก และแรงผลักดัน ที่ขับเคลื่อนชีวิตไปสู่เป้าหมาย
เปลี่ยนคำปรามาสเป็นพลัง
“แรงผลักดันแรกเลยคือคำดูถูก ชีวิตผมไม่ว่าจะทำอะไร ตอนเริ่มต้นมักอยู่รั้งท้ายเสมอ และทำงานหนักมาก แต่ผลลัพธ์กลับตาลปัตรครับ ถึงกับใช้ไม่ได้เลย มีคนว่าแทงได้แค่นี้เลิกเถอะบ้าง ไม่เห็นแววรุ่งบ้าง อีกมากมายเลยครับ แต่ผมก็ไม่สนใจ เชื่อเสมอว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ถ้าเราให้เวลามันมากพอ ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ
“อีกแรงผลักดันที่สำคัญคือครอบครัวครับ วันนี้ผมเป็นหัวหน้าครอบครัว ผมไม่สามารถยอมแพ้ได้ เพราะถ้าผมยอมแพ้ ทุกคนที่อยู่ข้างหลังผมก็แพ้ด้วยเหมือนกัน ดังนั้นไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย ผมก็พร้อมที่จะเผชิญสิ่งนั้น”
ฝันให้ไกล ไปให้ถึง
“ชีวิตนักกีฬากับความล้มเหลวเป็นของคู่กัน ไม่สามารถหลีกหนีได้เลย แต่ผมพยายามเรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นเสมอ ผมผ่านมาหลายช่วงชีวิต ทั้งสุขมากและทุกข์มาก ความเจ็บปวดนั้น ยิ่งคุณเก็บกดไว้ก็ยิ่งเจ็บปวดมาก แต่กลับกัน ถ้าคุณรู้จักปล่อยวาง คุณจะมีสติและหาทางแก้ไขได้ ผมถามตัวเองว่าสิ่งที่ทุ่มเทไป คู่ควรกับสิ่งที่ได้รับในตอนนี้หรือเปล่า ถ้าใช่ จงภูมิใจในตัวเอง แต่ถ้าไม่ใช่ ผมต้องหาจนกว่าจะใช่ เราล้มเหลวได้แต่ไม่ยอมล้มเลิก เราผิดพลาดได้แต่จะไม่ผิดซ้ำซากกับเรื่องเดิมๆ เชื่อว่าทุกคนมีความฝัน แต่ทุกความฝันมีราคาที่ต้องจ่าย ยิ่งฝันใหญ่ก็ยิ่งมีราคาที่ต้องจ่ายสูงขึ้น คือราคาของความทุ่มเท เพื่อความฝันของคุณ จงปกป้องความฝันและก้าวต่อไปจนกว่าจะสำเร็จ”
แมตส์แสนประทับใจ
“ล่าสุดในรายการ World Grand Prix ผมเอาชนะรอนนี่ โอซุลลิแวน ซึ่งตอนนี้เป็นนักสนุกเกอร์มือ 1 ของโลก และเป็นไอดอลของนักสนุกเกอร์ทั่วโลก พอเราต้องเจอคู่แข่งผู้มีฝีมือยอดเยี่ยม เราจะเกรงบารมีเขามากๆ มือไม้สั่นไปหมด ถ้าเปรียบเป็นฟุตบอล ผมเล่นในนามทีมชาติไทย เจอเมสซีของอาร์เจนตินายังไงยังงั้นเลยครับ วันที่ชนะเขา พอจบเกมผมดีใจและภูมิใจในตัวเองมาก เพราะนอกจากชนะเขาได้แล้ว ผมยังชนะใจตัวเองได้ด้วย คงเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืมครับ”
ถึงทุกคนที่อยากเป็นนักสนุกเกอร์
“สนุกเกอร์ไม่ได้ใช้ต้นทุนทางด้านทรัพย์สูง แต่ใช้แรงกับความอดทนเป็นหลัก ถ้าใจไม่รักจริงๆ ก็ลำบากมากๆ ครับ หาที่เรียนก็ดี ถ้าไม่เรียนเลยจะไม่เข้าใจเรื่องพื้นฐาน ส่วนท่านใดไม่มีทรัพย์แต่อยากเล่นจริงๆ ผมแนะว่าลองเดินเข้าไปหาเจ้าของโต๊ะและแสดงความมุ่งมั่นของเราว่าเราขยันตั้งใจจริงนะ ไม่มีอะไรได้มาโดยง่ายดาย ต้องแลกด้วยปัจจัยหลายอย่างครับ แต่ถ้าสำเร็จแล้วต้องบอกว่าคุ้มค่าจริงๆ สิ่งที่จะนำเราสู่ความสำเร็จคือทัศนคติ คุณต้องเรียนรู้ตลอดเวลาทั้งในยามประสบความสำเร็จและในยามเลวร้ายของชีวิต ผมเชื่อเสมอว่าทุกอย่างเป็นไปได้ ถ้าเรารักและทุ่มเทกับมันมากพอ”
อนาคตที่มุ่งหวังไว้
“ยังไงเสียก็ยังเล่นไปเรื่อยๆ เมื่อก่อนคาดหวังว่าชีวิตต้องเป็นแบบนี้แบบนั้น ตอนนี้อายุ 30 กว่าแล้ว ยังตั้งใจเหมือนเดิม บางครั้งตั้งใจมากไปก็จะตึงเครียด เลยพยายามหาความสุขใส่ตัวเองบ้าง และดูแลคนรอบข้างให้ดี แค่นี้ก็มีความสุขแล้วครับ”
จากเด็กน้อยวัยสิบขวบที่ไม่มีเงินร่ำเรียนมากพอ เรียนรู้ด้วยตัวเองแบบครูพักลักจำด้วยตัวเองมาตลอด จนเส้นทางเริ่มเปิดอาจารย์เห็นแววและปั้นจนเป็นมืออาชีพ วันนี้เขากลายมาเป็นยอดนักสนุกเกอร์ไทยที่เอาชนะยอดนักสนุกเกอร์ระดับโลกได้สำเร็จ และเชื่อว่ายังอีกนานกว่าที่เขาจะวางไม้คิวลง เพราะฝันของเขายังไม่สิ้นสุดเพียงเท่านี้นั่นเอง
ช่องทางติดตามคุณหมู ปากน้ำ
คอลัมน์: ยุทธจักร ฅ.ฅน เรื่อง: มาศวดี ถนอมพงษ์พันธ์ ภาพ: หมู ปากน้ำ