“ผมเป็นคน complicated introvert อธิบายง่ายๆ คือเป็นอินโทรเวิร์ต ที่เหมือนเอกซ์โทรเวิร์ต คุยเก่ง ชอบสังสรรค์กับเพื่อน แต่ก็ชอบเป็นผู้ฟังมากกว่า ทำงานเสร็จกลับบ้านต้องมีเวลาส่วนตัวเพื่ออยู่คนเดียวเงียบๆ เวลาทำงานคนจะเห็นว่าเราพูดเยอะ พูดมาก แต่คนที่รู้จักเราดีเช่นแม่มักรู้สึกว่าผมพูดน้อย”
นี่คือนิยามตัวตนที่ดูผสมกันระหว่างพฤติกรรมชอบเก็บตัวกับชอบเข้าสังคม สมชื่อ ‘มิกซ์’ สหภาพ วงราษฎร์ เช่นเดียวกับด้านอื่นๆ ของมิกซ์ที่มีทั้งความเป็นเด็กวิทย์ เรียนสัตวแพทย์ ชอบคิดอะไรด้วยตรรกะ แต่จับพลัดจับผลูทำงานวงการบันเทิง ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์เพื่อถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกในการแสดง สามารถประสบประสานสิ่งที่ถนัดและไม่ถนัด เพราะชีวิตที่สมบูรณ์ก็คือชีวิตที่จัดวางองค์ประกอบต่างๆ อย่างสมดุล
วัยฝันวันเยาว์
“ผมเป็นคนลำปาง เกิดในบ้านข้าราชการ แม่ทำธุรกิจส่วนตัว แต่คนที่ดูแลเราโดยมากคือพี่สาว ผมกับพี่ห่างกัน 9 ปี เพราะเป็นลูกหลง พี่สาวซึ่งเป็นผู้หญิงเก่ง ห้าวๆ หน่อย จึงดูแลเสมือนแม่คนที่สอง ตอนเด็กไม่ค่อยมีวีรกรรมเฮ้วๆ เท่าไหร่ เพราะเป็นเด็กเนิร์ด เรียบร้อย ตั้งใจเรียน ใส่แว่น นั่งจัดแฟ้มรายวิชา ถือกระเป๋าแฟ้มไปเรียน บางครั้งก็หารายได้จากความรักเรียน เช่น ทำการบ้านให้เพื่อน เอ๊ย ล้อเล่น สอนการบ้านให้เพื่อน (หัวเราะ)
“ด้วยความที่เป็นอินโทรเวิร์ตจ๋า ตอนอยู่โรงเรียนผมเลยเป็นโนบอดี ไม่โด่งดังเป็นดาวเดือนอะไรกับเขา ไม่ทำกิจกรรม มุ่งแต่เรียนอย่างเดียว เป็นเด็กไม่กล้าพูด ไม่กล้าเข้าสังคม แต่มีความฝันในวัยนั้นคือ อยากเป็นนักข่าว ซึ่งขัดแย้งกับนิสัยขี้อายเลยนะ จำได้ว่าตอนเด็กๆ ที่บ้านยายเป็นสวน ผมมักหากิ่งไม้เอามาถือเป็นไมค์ เป็นนักข่าวภาคสนามรายงานสถานการณ์ ชอบการเป็นนักข่าว พิธีกร งงๆ เหมือนกันว่ากลายเป็นนักแสดงได้ยังไง”
เส้นทางสัตวแพทย์
“ว่ากันตามตรงคือผมเรียนสายวิทย์มา แต่ตอนต้องเลือกสอบเข้ามหา’ลัย ยังไม่แน่ใจว่าอยากเรียนอะไรกันแน่ เลยเลือกไปสองอย่างคือ สัตวแพทย์เพราะเราก็รักสัตว์อยู่นะ เลือกเป็นอันดับ 1 เลย ส่วนที่เหลือเลือกบัญชีหมด อันที่จริงถนัดคณิตมากกว่าวิทย์ ไม่คิดว่าจะติดสัตวแพทย์ด้วยซ้ำ เพราะคะแนนวิทย์ก็กลางๆ มั่นใจคะแนนคณิตมากกว่า ไม่นึกไม่ฝันว่าจะติดคณะอันดับหนึ่งที่เลือก
“พอเข้าไปเรียนกลายเป็นว่า ‘คุณหลอกดาว’ (หัวเราะ) เพราะปีแรกเรียนชิลล์มาก นึกในใจคณะนี้ดีจังเรียนง่าย เวลาว่างเยอะ พอขึ้นปี 2 เท่านั้นแหละ เรียนกายวิภาค วิชาเริ่มยาก โอ๊ย ถึงขั้นไม่ได้หลับได้นอน มีอะไรให้เรียนเยอะ สอบก็บ่อยด้วย อ่านหนังสือตลอดเวลา แล้วผมเป็นประเภทถ้าอ่านไม่จบจะไม่ยอมนอน จริงๆ แค่พอผ่านก็ได้ แต่ผมกลับไม่สบายใจถ้ายังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่
“ผมเลือกสาขาสัตว์เล็ก พวกหมาแมว คิดว่าน่าจะทำได้ดีกับสัตว์ประเภทนี้ เราคงไม่เหมาะอยู่ฟาร์ม พวกสัตว์เลื้อยคลานดูแล้วขนลุก ผิวสัมผัสมันหยุ่นๆ เหลวๆ อยู่กับหมาแมวดีกว่าไม่เครียด
“อาชีพสัตวแพทย์ถือเป็นอาชีพที่ดีนะ แต่ผมยังมีความฝันอย่างอื่นที่ เช่น งานในวงการบันเทิงก็อยากลองทำจริงจังดูสักตั้ง ดังนั้นตอนนี้สัตวแพทย์จึงอาจไม่ใช่ความฝันสูงสุด อย่างไรก็ตาม การเรียนคณะนี้แม้จะโหด เนื้อหาเยอะ แถมผมทำงานและเรียนควบคู่กันไป จนถึงตอนนี้ต้องขอบคุณมิตรภาพดีๆ ความสัมพันธ์ในคณะมันดีมากๆ นะ ทุกคนพร้อมช่วยเหลือ ไม่ทิ้งเรา เพื่อนสนิทนั้นเราซึ้งใจอยู่แล้ว แต่เพื่อนที่สนิทไม่มากก็ยังถามไถ่เสมอ เป็นไงบ้างช่วงนี้ หลายครั้งเลยที่เขาไลน์มาหาผมหลังจากสอบเสร็จ เฮ้ย กูให้กำลังใจมึงนะ มึงทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย โคตรเก่งเลย สัตวแพทย์ จุฬาฯ ถือเป็นความทรงจำที่ดีมากในชีวิตของผม ที่จริงผมมีความฝันเล็กๆ ว่าอยากเปิดคลินิก อุตส่าห์เรียนมาตั้ง 6 ปีเชียวนะ แต่คงต้องเก็บสตางค์ให้มีทุนก่อน”
จับพลัดจับผลูสู่วงการบันเทิง
“เริ่มตั้งแต่สมัย ม.ปลาย มีพี่คนหนึ่งเปิดร้านขายเสื้อผ้าที่ลำปาง พอเขาเห็นผมเลยชวนไปถ่ายรูปเสื้อผ้า แล้วผู้จัดการของผมก็เป็นเพื่อนกับพี่คนนี้ เลยทาบทามเรา พาเรามาถ่ายแบบแม็กกาซีนเล็กๆ น้อยๆ ที่กรุงเทพฯ พอเข้ามหา’ลัย ก็เริ่มแคสต์โฆษณา มีคนชวนไปเล่นซีรีส์นะ เราไปแคสต์แต่ก็ไม่ได้สักที แล้วใจเราไม่ค่อยอยากไปถ่ายละครอะไรพวกนั้นเพราะเรียนหนัก จนจับพลัดจับผลูไปแคสต์ซีรีส์นิทานพันดาว พี่เอิร์ทชวน ลองดู อยากรู้ว่าการเล่นซีรีส์ เล่นละครเป็นยังไง เป็นจุดเริ่มต้นที่เข้าวงการบันเทิงแบบเต็มตัว
“พูดตรงๆ ว่าเรื่องแรกผมไม่คลิกกับการแสดงเลย อาจเพราะผมยังใหม่อยู่มาก ไม่รู้อีโหน่อีเหน่เลย ผู้กำกับยังไม่สั่งแอ็กชัน ผมก็เล่นไปแล้ว พอเขาสั่งคัต ก็ยังไม่หยุดเล่น ตอนนั้นหลายเทคมากกว่าจะผ่านทีละซีน เรายังไม่เข้าใจการแสดง ช่วงแรกของการถ่ายทำยังถ่ายโลเคชันในกรุงเทพฯ ก็ยังเล่นไม่ได้ จนย้ายโลเคชันไปบนดอยซึ่งเป็นซีนท้ายๆ แล้วถึงจะจับเค้าได้ว่า การแสดงนั้นเป็นยังไง พอจบนิทานพันดาว ก็มีผลงานต่อเนื่อง ค่อยๆ จูนเข้ากับการแสดงได้มากขึ้นๆ จนมาซีรีส์ Moonlight chicken พระจันทร์มันไก่ ที่รู้สึกว่าเข้าใจโลกของการแสดง เหมือนเปิดประตูของศาสตร์การแสดงไปอีกบาน
“ยอมรับว่าช่วงแรกของการทำงานบันเทิงค่อนข้างอึดอัด พื้นฐานเราเป็นคนอินโทรเวิร์ตด้วย เลยเหนื่อยมากๆ ทำตัวไม่ถูก ยิ่งหลังจากทำงานทั้งวันเสร็จ เราเหมือนใช้เอเนอร์จีไปหมด พอกลับถึงบ้านก็เลยนั่งเฉยๆ ไม่ขยับ ไม่อาบน้ำ นั่งอยู่แบบนั้นเกินชั่วโมง ตอนนั้นก็เกิดคำถามว่าเราทำอะไรอยู่ เราโอเคกับงานนี้จริงๆ รึเปล่า เป็นช่วงที่ยังปรับตัวไม่ได้ แต่พอผ่านช่วงเวลานั้นไปก็รู้สึกชอบงานวงการบันเทิงสุดๆ ผมแฮปปี้กับทุกงานนะ ไม่ว่าจะแสดง พิธีกร ไลฟ์สด หรือสัมภาษณ์และถ่ายรูปอย่างวันนี้ อยากทำงานทุกวัน แน่นอนว่าช่วงโหมงานหนักก็เหนื่อย แต่ยังเกิดความรู้สึกตื่นเต้นว่าพรุ่งนี้จะทำอะไร มีงานอะไร อาจเพราะผมได้เจอเพื่อนร่วมงานและทีมงานที่เป็นมิตร เลยเป็นเหตุผลให้ผมรู้สึกเอนจอยกับการทำงาน”
งานที่ใช่ กับประสบการณ์ที่ชอบ
“ผมยกให้การร้องเพลงประกอบซีรีส์ Moonlight chicken พระจันทร์มันไก่ เป็นงานที่ภูมิใจที่สุด ด้วยความที่เราได้ร้องเพลงเป็นภาษาจีน ซึ่งมิกซ์เคยเรียนจีนตั้งแต่มัธยม เรียน 6 ปีเลย ก็พอรู้ว่าพินอินอ่านยังไง ต้องออกเสียงประมาณไหน แต่ก็มีเวิร์กช็อปเพื่อเตรียมตัวร้องเพลงนี้ด้วย อีกอย่างคือ เพลงที่ร้องเป็นเพลงอมตะ ‘The moon represents my heart’ ของนักร้องดังอย่างเติ้งลี่จวิน เราได้ยินแม่เปิดเพลงนี้ตั้งแต่เด็ก พอเอ็มวีเสร็จ ผมส่งไปให้พ่อ แม่ พี่ ดูเลย ดีใจ ภูมิใจ
“ส่วนงานที่ท้าทายที่สุด ผมยกให้บท ‘วิน’ ในซีรีส์พินัยกรรมกามเทพ ตัววินไม่ใช่ผมเลย มีส่วนคล้าย แต่ผมไม่ใช่คนมีเอเนอร์จีขนาดนั้น ดังนั้นตอนถ่ายทำผมจึงต้องดึงเอเนอร์จีมาใช้สูงมากเพื่อสวมบทบาท อีกทั้งยังถ่ายทำนอกสถานที่เป็นส่วนใหญ่ ต่างจังหวัดอากาศค่อนข้างร้อน บุกป่าเผากระท่อมอะไรแบบนี้ โหดพอดู ใช้พลังในการทำงานค่อนข้างเยอะ
“มาย้อนคิดก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันนะที่เราทำงานมานานถึง 3-4 ปีแล้ว ทั้งที่กะมาลองหาประสบการณ์เฉยๆ แค่อยากรู้ว่าการแสดงเป็นยังไง กลายเป็นว่า 2 ปีแรกของการทำงาน ผมมีงานเกือบทุกวัน เลื่อนปฏิทินดูแทบไม่มีวันหยุดเลย เหนื่อยมาก แต่ก็แฮปปี้ ตกใจกับกระแสตัวเองเหมือนกัน ไม่คิดว่าดีจะขนาดนี้ แต่สักพัก โควิด-19 มา ปิดยาวเลยจ้า (หัวเราะ) ชะตาชีวิตคนเราไม่แน่นอน อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แต่อย่างน้อยได้เห็นภาพแฟนคลับที่มารอเราอย่างล้นหลามแบบนั้นสักครั้งก็พอใจแล้ว ต้องขอบคุณพี่เอิร์ทด้วย เพราะเรารู้จักกันมาก่อนเลยช่วยให้ทำงานคู่กันง่าย ยิ่งปีหลังๆ เราไม่ทะเลาะกันแล้ว ต้องยอมรับว่าช่วงแรกมีปรับจูนกันบ้าง เพราะผมกับพี่เอิร์ทมองกันคนละมุม ผมใช้เหตุผลนำ ตรรกะกับงาน ส่วนพี่เอิร์ทจะมีอารมณ์ศิลปินกว่า ใช้ความรู้สึก จึงมีเรื่องที่ความเห็นไม่ลงรอยกัน ต้องหาจุดสมดุลหรือพบกันครึ่งทาง ผสมผสานความวิทย์กับศิลป์เข้าด้วยกัน ระยะหลังจึงไม่มีเรื่องให้ทะเลาะ มีแต่เถียงกันเรื่องไร้สาระ”
แคแรกเตอร์ที่สวมบทบาท
“ผลงานที่ได้เห็นแล้วช่วงนี้คือ Moonlight chicken พระจันทร์มันไก่ เรื่องนี้รับบทเป็น ‘เหวิน’ ผมเอาตัวเองเข้าไปเล่นเลยแหละ ตอนแคสต์บทพี่ๆ บอกว่าผมเหมือนตัวละครตัวนี้มาก เหมือนประมาณ 80% นั่นคือมีความเป็นคนซื่อตรงกับความต้องการ เป็นคนซับซ้อนนะ แต่มีความชัดเจนกับสิ่งที่ต้องการ มีลักษณะเป็นอินโทรเวิร์ตด้วย ดังนั้นผมจึงรู้สึกอินกับบทง่ายมาก ขนาดบางซีนผมไม่ได้แสดงเอง ดูนักแสดงคนอื่นเล่นยังกลับบ้านแล้วรู้สึกซึมลึกเลย
“อีกเรื่องหนึ่งที่จะได้ชมเร็วๆนี้ คือ The Jungle เกมรัก นักล่า บาร์ลับ ผมรับบทเป็นเจ้าของบาร์ เคยดูการ์ตูนญี่ปุ่นไหมฮะ จะมีตัวละครหนึ่งที่เป็นคนเล่าเรื่อง เสมือนพระเจ้าที่รู้ทุกอย่าง ผมจะเป็นตัวละครคล้ายๆ แบบนั้น นิ่งๆ ไม่เข้าข้างใคร ไม่อคติกับใคร ความท้าทายคือมิติของตัวละคร ความซับซ้อนที่ต้องพยายามทำความเข้าใจ ใช้สมาธิมากหน่อย อยากให้ติดตามชม”
ความใฝ่ฝันที่ไม่หยุดนิ่ง
“ถ้าเป็นเรื่องทักษะ อยากฝึกฝนการร้องเพลงเพิ่มเพราะเราเริ่มช้าไปนิด ผมเพิ่งค้นพบว่าตัวเองก็ร้องเพลงได้นี่ ไม่ถึงขั้นเก่งมีพรสวรรค์หรอก แต่เนื้อเสียงเราพอออกโรงได้ แล้วก็ไม่ได้ร้องเพี้ยนจัด คือใช้คำนี้รึเปล่าไม่แน่ใจ หูไม่เพี้ยน เพราะบางคนได้ยินเพลงเหมือนกัน แต่ร้องออกมากลับไม่ตรงคีย์ เราก็ค้นพบว่าเราไม่เป็นแบบนั้น น่าจะฝึกร้องเพลงได้
“ส่วนสิ่งอื่นๆ ที่อยากทำ ผมฝันอยากเปิดร้านอาหาร เราชอบอาหารเลยอยากเปิดคาเฟ่ เปิดร้านอาหารริมทะเล มีพี่ที่รู้จักเขามีที่ดินที่สมุย ผมก็เล็งๆ ไว้ว่าถ้าได้เปิดที่นี่ก็คงดี มีทั้งทะเลที่ชอบ และมีภูเขาเหมือนสถานที่เกิดด้วย น่าจะเป็นโลเคชันที่เหมาะกับเรา”
ตัวตนที่ ‘มิกซ์’ กัน
“ผมเป็นคนติดตลก ต่อให้เครียดหรือจริงจังยังไง ก็จะชอบพูดให้ติดตลก สักเสี้ยววิก็ยังดี เครียดหรือคิดมากก็เล่นตลกให้ตัวเองดู หาคนคุยพอได้ขำ หรือหัวเราะหน่อย
“จุดเด่นคงเป็นคนค่อนข้างหัวไว และก็ทำอะไรเร็ว จัดระเบียบชีวิตได้ดีพอประมาณ เพราะชอบวางแผนล่วงหน้าว่าพรุ่งนี้จะทำอะไรบ้าง จด to-do list ส่วนจุดอ่อนคืออยู่กับสิ่งจำเจได้ไม่ค่อยนาน หรือเรียกว่าสมาธิสั้น ขี้เบื่อมาก กินข้าวซ้ำเมนูได้ไม่เกินสองวัน หรือต่อให้ไปร้านเดิมก็ไม่สั่งเมนูเดิม ไปเที่ยวก็ไม่ค่อยชอบซ้ำที่เดิม เพลงหรือหนัง ชอบนะ แต่ไม่ดูซ้ำเกินสองรอบ
“มีคำที่แม่มักพูดสอนเราเป็นภาษาเหนือว่า ‘ใหญ่แล้วอดเอา’ ซึ่งผมยึดถือเอาไว้เป็นคติในการใช้ชีวิต มีความหมายว่า โตแล้วให้อดทนกับทุกอย่าง ชีวิตมันสั้น อย่าไปทำร้ายใคร อย่าไปถือสาใคร บางครั้งก็อยากสู้กลับเหมือนกันนะ (หัวเราะ) แต่ต้องอดทนเพราะโตแล้ว
“นอกจากนั้น ความรับผิดชอบ และการให้เกียรติซึ่งกันและกัน คือสิ่งที่ผมยึดถือไว้ในการทำงาน ไม่ว่าจะทำอะไร ก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ได้รับมอบหมาย นึกถึงและให้เกียรติคนอื่นเสมอ คือสิ่งที่พึงกระทำต่อกัน”
ดรามาหรือมองต่างมุม
“บางครั้งดรามาก็มาจากความผิดของเราด้วย ก็แค่ยอมรับและเรียนรู้ ไม่มีสิ่งไหนผิดแบบ 100% หรอก แค่มองคนละมุม และไม่เสียหายอะไรถ้าเราจะลองมองจากมุมคนอื่นบ้าง ลองคิดถึงใจเขาใจเราดูก็ช่วยลดการกระทบกระทั่งกัน ต่อไปก็เรียนรู้ที่จะไม่ทำซ้ำรอย และทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม”
ปี 2566 ของมิกซ์
“อยากโฟกัสเรื่องงาน และหลายโพรเจกต์ที่คิดไว้ ทั้งธุรกิจและงาน ก็อยากทำให้ดีที่สุด และอยากกลับไปเรียนให้จบซะที 6 ปีแล้ว เพื่อนจบหมดแล้วเรายังเรียนอยู่เลย อยากทำสิ่งที่ตั้งใจไว้ให้สำเร็จ”
Vince hotel
26/2 Alley 2 Petchaburi Road Soi 11
Bangkok, Thailand
Reservations: +66 2254 6480
คอลัมน์: เรื่องจากปก เรื่อง: ภิญญ์สินี ภาพ: อนุชา ศรีกรการ