Minikikaboo ผู้รังสรรค์นิยายจีนที่สนุกจนวางไม่ลง

-

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาคอลัมน์ถนนวรรณกรรมนำเสนอเรื่องราวนักเขียนมาหลายแนว แต่ยังมีอีกแนวที่เราไม่ค่อยได้พูดถึงนัก นั่นคือ ‘นิยายจีนโบราณ’ เรื่องราวของผู้มีวรยุทธ์ ยุทธภพ วังหลวง และการชิงอำนาจ ด้วยกระแสความนิยมในซีรีส์และนิยายจีนที่กลับมาบูมอีกครั้ง นักเขียนไทยรุ่นใหม่ๆ จึงสนใจเขียนแนวนี้กันไม่น้อย นักเขียนที่เราอยากแนะนำครั้งนี้มีนามปากกาว่า ‘minikikaboo’ เป็นนักเขียนรุ่นใหม่ที่เขียนได้ทั้งแนวแฟนตาซี วาย และแน่นอนว่านิยายจีน มีผลงานออกมาแล้วหลายชุด เช่น เป็นชายาของอ๋องนิทรานั้นช่างยากลำบาก, ชีวิตครั้งที่สองของอิ๋นซีเยว่, จดหมายลึกลับถึงมู่หรงเหยียน, ตัวประกอบดีเด่นเป็นเช่นนี้นี่เอง แม้แต่ละชุดจะมีความยาวไม่น้อย (จำนวนเล่มตั้งแต่ 2-5 เล่ม) ทว่า ‘minikikaboo’ สามารถตรึงผู้อ่านไว้ได้ด้วยการดำเนินเรื่องที่น่าติดตาม สำนวนสละสลวยละเมียดละไม แคแรกเตอร์ที่ถูกอกถูกใจผู้อ่าน รู้ตัวอีกทีก็วางไม่ลงอ่านจนจบชุดแล้ว

จุดเริ่มต้นของการเขียนหนังสือ

ความจริงเราเป็นคนไม่ชอบอ่านและไม่ชอบเขียนด้วยค่ะ แต่จุดเปลี่ยนที่หันมาอ่านหนังสือคือตอน ม.ต้นมีโครงการรักการอ่าน นักเรียนทุกคนต้องอ่านหนังสือ 50 เล่มแล้วเขียนสรุป ส่วนการเขียนคือมีเพื่อนในกลุ่ม เขาน่าจะอยากเป็นนักเขียน เลยขอให้เพื่อนๆ ช่วยเขียนนิยายแล้วมาแลกกันอ่าน ณ ตอนนั้นเป็นเกมที่สนุก เราจะตั้งโจทย์ เช่น กำหนดคำ 3 คำนี้ใส่ลงไปในนิยาย เราก็ต้องทำให้ได้ แล้วเราชอบวิชาภาษาไทยด้วย เป็นลูกรักครูภาษาไทยเลยแหละ ก็พอมีทักษะบรรยายด้วยภาษาอยู่บ้าง

จากเขียนเพื่ออ่านกันเองในกลุ่มสู่การเผยแพร่ผลงานในวงกว้างได้ยังไง

เพื่อนก็ยุให้เอาลงอินเทอร์เน็ต ลองดูสิ ตอนนั้นลงเว็บไซต์ Dek-D เขียนแบบไม่คิดอะไรเลย ไม่รู้ด้วยว่าเป็นนักเขียนต้องวางตัวยังไง แค่คิดว่าเป็นอาชีพอิสระ อยากเขียนอะไรก็เขียน จนสำนักพิมพ์สถาพรมาเจอ จึงเริ่มจริงจังขึ้น พี่ๆ ในสำนักพิมพ์ก็สอนหลายอย่าง เช่น เรื่องการปฏิบัติตัวในฐานะนักเขียน ช่วงแรกผลงานของเราเป็นแนวแฟนตาซี เรื่องแรกที่ตีพิมพ์คือโรเซเนีย

อะไรเป็นเหตุให้เปลี่ยนแนวมาเขียนนิยายจีน

คุณแม่อยากให้เขียนค่ะ แกชอบอ่านงานของ ‘กิมย้ง’ และ ‘โกวเล้ง’ เริ่มแรกไม่รู้จะเขียนยังไงเลยไปอ่านงานของพี่ ‘ณปภา’ และขอคำปรึกษา พอเขียนได้หนึ่งเรื่อง เรื่องต่อๆ มาก็ไหลรื่นเอง และเริ่มรู้ตัวว่าไม่เหมาะกับแนวท่องยุทธภพ ชอบแนวชิงอำนาจมากกว่า

เคยอ่านนิยายจีนที่เขียนโดยนักเขียนจีนมาก่อนไหม 

เราชอบอ่านนิยายจีนแปลของสำนักพิมพ์แจ่มใสค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชิงอรรถ คำนี้แปลว่าอะไร เพราะมักมีสำนวนภาษาที่คนไทยไม่เขียน เช่น หนึ่งอีแปะฆ่าวีรบุรษ แล้วเราก็ไปหาหนังสือประวัติศาสตร์จีนอ่านเพิ่ม ชอบงานของคุณ ‘เล่า ชวน หัว’

ความยาก-ง่ายของการเขียนนิยายจีนกับนิยายไทย

ส่วนตัวคิดว่าไม่ยาก นิยายจีนโบราณมีประเด็นให้เลือกเขียนเยอะ ยิ่งคุ้นชินกับประวัติศาสตร์จีนด้วยแล้วก็ยิ่งง่าย เช่น ประเด็นครอบครัว เรื่องสามภรรยาสี่อนุของชายจีนโบราณ หรือความสัมพันธ์ระหว่างฮ่องเต้กับองค์ชาย หรือสายใยฮ่องเต้กับขุนนางระดับสูง 

ติดใจอะไรในนิยายจีนถึงได้เขียนแนวนี้อย่างต่อเนื่องจนปัจจุบัน

เพราะมีคุณแม่คอยกระตุ้น แกชอบอ่านเลยคอยตามว่าตอนต่อไปล่ะมารึยัง (หัวเราะ)

วนจีนโบราณเป็นอุปสรรคต่อเรามากน้อยแค่ไหน

ถ้ามีสติก็ไม่ยากค่ะ แค่ต้องระวังและมีสติเวลาเขียนให้มาก วิธีการของเราคือคิดอะไรได้ก็เขียนไปก่อนเลยแล้วค่อยแก้ไขเรียบเรียงอีกที แต่ถ้าใครตามอ่านออนไลน์ บางครั้งจะเห็นว่าเราเผลอใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษโดยไม่รู้ตัว พอเขาเห็นก็จะส่งข้อความมาทักท้วงว่า ไรเตอร์คะ ตรงนี้ไม่ใช่นะคะ ขอบคุณที่ช่วยเตือน บางครั้งก็หลุดสายตาจริงๆ 

นิยายจีนโดยนักเขียนจีน กับนิยายจีนโดยนักเขียนไทย มีความเหมือนหรือต่างกันยังไง

เราว่าค่านิยมไทย-จีนบางอย่างก็คล้ายๆ กัน เช่น คนจีนให้ความสำคัญแก่ความกตัญญู การแก้แค้นเพื่อตระกูล แต่ถ้าคนทำไม่ดีคือพ่อหรือแม่แท้ๆ ลูกยังจะต้องกตัญญูอยู่ไหม เราเห็นว่าในนิยายไทยก็มีพูดถึงประเด็นนี้เหมือนกัน ที่แตกต่างคือเรื่องวัฒนธรรมประเพณี ทว่าสามารถหาข้อมูลได้ไม่ยาก เขามีการจัดเก็บข้อมูลดีมาก เลยไม่เป็นอุปสรรคในการสืบค้น

ทำไมนักเขียนถึงนิยมแนวทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวละครในนิยาย

เพราะเป็นทางออกในการเขียนอย่างหนึ่งไงคะ เราไม่แม่นประวัติศาสตร์มาก ถ้าให้ตัวเอกทะลุมิติเข้าไปในนิยายจีนก็จะเขียนง่ายขึ้น เรื่อง setting(ฉากท้องเรื่อง) ต่างๆ ก็ไม่มีปัญหา ไม่ต้องกลัวว่าจะขัดกับประวัติศาสตร์ แล้วเราสามารถสร้างเรื่องใหม่ได้ตามจินตนาการเลย

เมื่อนักเขียนมาแนวทะลุมิติเกิดใหม่ไปเป็นตัวละครกันเยอะ จะเขียนยังไงให้ไม่ซ้ำซ้อนและยังน่าสนใจ

เราว่าทุกคนต่างก็มีเอกลักษณ์ของตน ดังนั้นในรายละเอียดไม่ซ้ำกันหรอก สำหรับเราถ้าเขียนแล้วสนุก เขียนได้จนจบ คือพอใจแล้วค่ะ ถ้าตั้งต้นว่าเขียนให้ตัวเองชอบก็ไม่มีอะไรยาก ไม่ต้องคิดมากว่าจะทำยังไงให้ไม่ซ้ำ ให้แปลกใหม่ ให้ตรงความต้องการของตลาด เราเป็นคนทำงานโดยยึดความชอบของตัวเอง ขายได้ก็ถือว่ากำไร ขายไม่ได้ก็ไม่ว่ากัน ทั้งนี้เราเชื่อว่าถ้าเนื้อเรื่องสนุกยังไงก็ได้รับความนิยม

แต่ละเรื่องของคุณ minikikaboo มีเนื้อเรื่องค่อนข้างยาว หลายเล่มจบ ทำยังไงให้ผู้อ่านไม่รู้สึกเบื่อและอยากติดตามจนถึงตอนจบ

จำได้ว่าสมัยยังเริ่มต้นเขียนเคยไปอบรมของสถาพรบุ๊คส์ เราถามวิทยากรว่า มีวิธียังไงที่ช่วยให้เราไม่เบื่อ เวลาเขียนนิยาย เราขลุกอยู่กับเรื่องนี้มานานจนเบื่อและอยากทิ้งแล้วเริ่มเรื่องใหม่ วิทยากรตอบว่า ตัวละครของเราไม่มีพัฒนาการเลยสิ ถึงได้รู้สึกแบบนั้น เออ ใช่! คราวนี้ปรับปรุงตัวเองโดยวางแผนการเขียนละ ตัวละครเริ่มแบบนี้จะต้องพัฒนาไปยังไงเพื่อตอนจบแบบนี้ๆ เราจะวางโครงไว้คร่าวๆ แล้วระหว่างทางนิยายจะบอกเองว่าควรดำเนินเรื่องแบบไหน มีเหมือนกันที่ตั้งใจจะเขียนให้ตัวละครทำแบบนี้นะ แต่พอมาอ่าน เฮ้ย ไม่ได้ เพราะพื้นฐานเขาไม่ใช่คนแบบนั้น ไม่สมเหตุสมผลที่จะทำ ก็ต้องเปลี่ยนทิศทาง เลยเป็นความท้าทายของนักเขียน ฉันจะดำเนินเรื่องต่อยังไง ผู้เขียนไม่เบื่อ ผู้อ่านก็ไม่เบื่อค่ะ 

อันที่จริงเราไม่เคยวางแผนเลยนะว่าชุดนี้จะต้องออกกี่เล่มๆ เรามองว่างานเขียนเหมือนงานศิลปะ เรากำหนดไม่ได้หรอก และต้องขอบคุณบรรณาธิการเป็นอย่างมากที่ยอมให้ออกทีละสามเล่ม หรือห้าเล่มด้วย

มีกำหนดไหมว่าแต่ละปีต้องมีผลงานตีพิมพ์กี่เรื่อง

ไม่มีค่ะ ถ้ากำหนดเราต้องเครียดตายแน่ แต่เราเขียนทุกวันนะ เพราะถ้าหยุดเขียนแล้วมือมันฝืด แล้วจะคิดไม่ออก ที่สำคัญคือลืมเนื้อเรื่องที่เคยเขียนด้วย บก.บอกเธอไปอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นเลย โห…แล้วเขียนมาตั้งกี่เล่มละเนี่ย 

เวลาที่สมองตันหรือคิดงานไม่ออก คุณทำยังไง

คนอื่นอาจออกไปเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศ แต่เราใช้วิธีนั่งสมาธิ พออยู่กับตัวเอง รวบรวมความคิดก็จะเกิดไอเดีย แต่ถ้าเขียนทุกวันจะไม่ค่อยตัน แล้วถ้าแคแรกเตอร์ชัดก็มีอะไรให้เขียนไปเรื่อยๆ

ลายเซ็นหรือเอกลักษณ์ของงาน ‘minikikaboo’ คืออะไร

ตัวละครมีความดาร์กนิดหนึ่ง ยกตัวอย่างงานแนวแฟนตาซี ตัวละครเป็นคนต่อต้านสังคม ตีสองหน้า รักษาภาพลักษณ์ แต่จริงๆ แล้วฉันเกลียดทุกคนนะ หรือถ้าเป็นเรื่องพระชายาอ๋องนิทรานั้นช่างยากลำบาก เป็นคนเจ้าความคิด ระมัดระวังตัวเอง หรือตัวละครในนิยายวาย เป็นโรคซึมเศร้าเลย โดยรวม คือตัวละครจะไม่โลกสวย คิดบวก ต้องมีภูมิหลังอะไรสักอย่าง

ส่วนที่เราจะไม่นำเสนอคือ การลงโทษนางร้ายด้วยการถูกข่มขืน เราเห็นคอมเมนต์ของเด็กที่อ่านนิยาย พี่เขียนให้นางร้ายโดนข่มขืนเลย เฮ้ย การขืนใจไม่ใช่การลงโทษ เลวแค่ไหนก็ไม่ควรโดนลงโทษแบบนี้ แต่ถ้าอยู่ในแผนการ เราก็อะลุ้มอล่วยให้ แต่ไม่เขียนบรรยายฉากนั้นเยิ่นเย้อ

คุณมองว่ากระแสนิยายจีนมีทิศทางเป็นยังไงในตอนนี้

เราไม่คิดว่าดรอปลงนะ มองว่าเหมือนเดิม อย่างที่กล่าวเราเชื่อว่าถ้างานสนุก ยังไงก็ขายได้ ต่อให้ไม่อยู่ในเทรนด์ก็ตาม

มีงานเขียนแนวไหนที่อยากทดลองทำในอนาคต

เราอยากกลับไปสานต่องานเก่ามากกว่า ยังมีหลายเรื่องที่เขียนไม่จบทั้งแฟนตาซีและวาย ส่วนงานจีนโบราณมักเขียนจบ เพราะคุณแม่กระตุ้น

แปดปีกับการเขียนนิยายมีโมเมนต์ไหนที่ประทับใจ และโมเมนต์ไหนที่จดจำเป็นบทเรียน

โมเมนต์ที่ประทับใจคือเราได้เพื่อนเยอะมากจากการเป็นนักเขียน หลายคนจากแฟนคลับกลายเป็นพี่สาวที่แสนดี เราเพิ่งไปเที่ยวญี่ปุ่นกับแฟนคลับที่กลายเป็นเพื่อนไปแล้ว ตอนเราหาบ้านใหม่ แฟนๆ ซึ่งทำงานอสังหาริมทรัพย์ก็ช่วยแนะนำ ถ้าเรามีปัญหาชีวิต หรือตอนที่เราเจอดราม่าหนักๆ พวกเขาก็ช่วยออกโรงปกป้องเรา

 ส่วนโมเมนต์ไม่น่ารักคงเป็นดราม่าทั้งหลายนั่นแหละค่ะ เราเป็นนักเขียนที่เผชิญดราม่ามามาก เจอตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ในวัยที่ไม่รู้ว่านักเขียนต้องปฏิบัติตัวอย่างไร แม้เราทำผิดแล้วแก้ไข แต่ก็ยังมีคนตามเกลียด ถามว่าโกรธไหม โกรธแหละ แต่ให้อภัย ธรรมะช่วยเราได้เยอะ เคยเป็นซึมเศร้าแต่ก็ผ่านมาได้ อดทน แล้วทุกอย่างจะผ่านไป คนที่รักเรา เขาก็ยังรักเราอยู่ เรียนรู้และปล่อยผ่าน

สิ่งที่เป็นแรงผลักดันให้ยังเขียนนิยายอยู่คืออะไร

สารภาพเลยว่าไม่เคยมองตัวเองเป็นนักเขียน คิดแค่เราเขียนเป็นงานอดิเรก พอเจอปัญหาจึงให้อภัยตัวเองได้ จดจำเป็นบทเรียนแล้วก้าวเดินต่อ ไม่ว่าใครจะว่ายังไงฉันจะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น จะเขียนไปเรื่อยๆ งานชิ้นนี้ว่าเขียนดีแล้ว ปีหน้าอาจเขียนได้ดีกว่าอีก แล้วเราจะเลิกเขียนทำไม 

ผลงานสุดโปรด

มี 3 เรื่อง 3 แนว เรื่องแรกคือ เรเชล เป็นแฟนตาซี เป็นเล่มที่หลอกคนอ่านสนุกสุด และที่เราภาคภูมิใจคือตัวร้ายที่สมบูรณ์แบบนับแต่เขียนมา เรื่องที่สองนิยายวาย จดหมายลึกลับถึงมู่หรงเหยียน ตัวละครในเรื่องเป็นซึมเศร้าเหมือนเรา คำพูดที่ติดปากของตัวละครและเป็นคำพูดที่เราอยากบอกคนอ่านคือ “โลกนี้ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอก อย่ารีบร้อน ตอนนี้รู้สึกแทบทนไม่ไหว แต่เชื่อเถอะว่าทนได้ อดทนไปก่อน เพราะฟ้าหลังฝนสดใสมาก” เล่มที่สามคือ เป็นชายาของอ๋องนิทรานั้นช่างยากลำบาก เป็นมาสเตอร์พีซของเราในแนวจีนโบราณ ยอดวิวและรีวิวต่างๆ พิสูจน์ว่าเรื่องนี้เป็นที่นิยมจริงๆ

คำถามสุดท้ายที่มาของนามปากกา ‘minikikaboo’

เราเลี้ยงหมาชื่อมินิค่ะ แล้วก็เติมสร้อยให้คำว่ามินิ เลยเป็น มินิคิคาบู้ ตอนที่ตั้งนามปากกายังเด็กมาก ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นนักเขียน และไม่คิดว่าจะมาไกลขนาดนี้ เลยตั้งแบบขอไปที เอาชื่อหมาที่เลี้ยงไว้ละกัน แต่ไม่คิดจะเปลี่ยนหรือตั้งชื่อใหม่นะคะ ไม่รู้จะเปลี่ยนทำไม เปลี่ยนแล้วคนจะชอบเราเยอะขึ้นเหรอ ก็คงไม่


3 เล่มในดวงใจของ ‘minikikaboo’

  • ตำนานกรีก-โรมัน เขียนโดย  ‘มาลัย’

นี่คือต้นแบบนิยายแฟนตาซีเลย น่าทึ่งมาก ชวนให้ตั้งคำถามหลายอย่าง เช่น เมดูซ่า อสุรกายที่น่าเกลียดน่ากลัว ทว่าอีกมุมเธอคือหญิงที่น่าสงสาร

กังฉินที่ทุกคนเกลียดนั้นเป็นผู้ออกนโยบายต่างๆ และหาเงินให้จักรพรรดิมากกว่าตงฉินเสียอีก เป็นเกร็ดประวัติศาสตร์ที่สนุกดี ทำให้คิดได้ว่า กังฉินไม่ใช่แค่เลวอย่างเดียว ยังฉลาดมากด้วย

เราสนุกสนานกับประวัติศาสต์ฮั่น ฮั่นมีศัตรูหลายเผ่าพันธุ์ หนึ่งในนั้นคือมองโกล แม้จะยึดฮั่นได้แต่ความเป็นฮั่นก็ไม่จางหาย จนคนมองโกลต้องโกนหัวเพื่อไม่ให้เหมือนฮั่น


คอลัมน์:  ถนนวรรณกรรม

ภิญญ์สินี

Writer

กองบรรณาธิการ ศิษย์เก่าเอกปรัชญาและศาสนา ชอบติดตามกระแสสังคม และเทรนด์แฟชั่น สนใจศิลปวัฒนธรรม และสีมงคล ลายนิ้วหัวแม่มือคือลายมัดหวาย

อนุชา ศรีกรการ

Photographer

ช่างภาพที่เกิดวันเดียวกับวันถ่ายภาพโลก เลยทำอย่างอื่นไม่เป็นแล้ว

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!