หมอตำแย

-

มนุษย์เราหากเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคภัยไข้เจ็บก็ต้องรักษา ตามคัมภีร์โบราณท่านว่าโรคมีอยู่ถึง 96 ชนิด เรียกว่า ฉันนวุตติโรค แต่ปัจจุบันน่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นพันโรคหมื่นโรคเหลือที่จะคณนานับเชียวแหละ

ก็แลผู้ที่จะรักษาโรคภัยนั้นคือ หมอ ซึ่งหมายถึงผู้เชี่ยวชาญ ชำนาญ ในเมื่อโรคภัยมีหลายหลากหมอที่รักษาจึงมีชื่อหลากหลายตามสาขาที่ท่านชำนาญ ซึ่งนามเฉพาะของหมอแต่ละสาขามักผูกศัพท์จากภาษาบาลีสันสกฤต เช่น หมอฟันว่า ทันตแพทย์ หมอตาว่า จักษุแพทย์ หมอโรคทั่วไปเรียก อายุรแพทย์ หมอโรคเด็กว่า กุมารแพทย์ หมอผ่าตัดว่า ศัลยแพทย์ หมอตำแยว่า สูตินรีแพทย์ เป็นต้น

หมอตำแย คือผู้มีความรู้ความชำนาญในการทำคลอดและดูแลทารกเมื่อแรกเกิด เป็นทั้งสูตินรีแพทย์และกุมารแพทย์ นอกจากจะมีความเชี่ยวชาญในการทำคลอดยังต้องรู้ตำรับตำราเกี่ยวกับยาครรภ์รักษา เคล็ดลับเครื่องรางตลอดจนคาถาอาคมปัดรังควานป้องกันอันตรายที่จะมีแก่มารดาและทารก

ในบทเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนตอนที่กล่าวถึงกำเนิดตัวละครเด่นๆ ซึ่งหมอตำแยต้องเข้าไปมีบทบาทด้วย เช่น ตอนกำเนิดขุนช้าง บุตรนางเทพทองกับขุนศรีวิชัย เศรษฐีใหญ่ชาวเมืองสุพรรณ นางเทพทองมีอาการแพ้ท้อง อยากกินแต่อาหารแปลกๆ 

จะกล่าวถึงนางเทพทอง ท้องนั้นโตใหญ่ขึ้นค้ำหน้า
ลุกนั่งอึดอัดถัดไปมา ให้อยากเหล้าเนื้อพล่าตัวสั่นรัว
น้ำลายไหลรี่ดังผีกระสือ ร้องไห้ครางฮืออ้อนวอนผัว
เหมือนหนึ่งตาหลวงเข้าประจำตัว ยิ่งให้กินตละยั่วยิ่งเป็นไป
ปลาไหลไก่กบทั้งเต่าฝา แย้บึ้งอึ่งนาไม่พอไส้
หยิบคำโตโตโม่เข้าไป ประเดี๋ยวเหล้าสิ้นไหไม่ซื้อทัน
เจ็บปวดหลายเดือนดีดัก พะอำพะอักออดแอดอยู่ตัวสั่น
ท้องลดทศมาสลูกถีบยัน พอใกล้ฤกษ์ยามนั้นเจ็บหนักไป
บิดตัวเรียกผัวหาพ่อแม่ ร้องเปื้อนเชือนแชไม่เอาส่ำได้
ฝ่ายผัวพ่อแม่แลข้าไท วิ่งวุ่นครุ่นไปที่บนเรือน
บ้างก็เสกมงคลปรายข้าวสาร เอาเบี้ยบนลนลานเหน็บฝาเกลื่อน
บ้างเร่งหมอตำแยอย่าแชเชือน ข่มท้องร้องเตือนลูกขวางตัว
บ้างก็เข้าหนุนหลังนั่งเคียงข้าง นางเทพทองร้องครางพลางกลอกหัว
ขุนศรีวิชัยนั้นตัวสั่นรัว จิกหัวแล้วเป่ากระหม่อมลง
หมอตำแยแยงแย่เข้าคร่อมท้อง แม่นางเทพทองเข้าข่มส่ง
ตัวสั่นหวั่นไหวมิใคร่ลง หมอตำแยว่าตรงแล้วข่มมา
ยายคงโก้งโค้งโขย่งข่ม เสียงผลุดนอนล้มไปจมฝา
ลูกร้องแงแงแม่ลืมตา พอช้างเผือกเข้ามาถึงวันนั้น

การคลอดบุตรสมัยโบราณเป็นเรื่องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ญาติพี่น้องบ่าวไพร่ต่างวิตกกังวลวุ่นไปทั้งเรือน ห้องคลอดครั้งกระโน้นพื้นมักปูด้วยไม้ไผ่สับที่เรียกว่า ‘ฟาก’ อันเป็นที่มาของการเรียกเวลาเกิดว่า ‘ตกฟาก’ เมื่อตกฟากแล้วหมอตำแยต้องตัดสายสะดือด้วยผิวไม้รวก เอารกใส่หม้อดินไปฝังไว้ยังต้นไม้ที่ตำรากำหนดว่ามิ่งขวัญของทารกนั้นอยู่ที่ต้นไม้ชนิดใด และมีพิธีกรรมอื่นๆ อีกหลายขั้นตอน

หมอตำแย มีที่มาจากโองการมหาเถรตำแย ซึ่งเป็นตำรับยาโบราณตำรับหนึ่ง พิจารณาจากนามมหาเถรตำแยผู้เป็นต้นตำรับ ท่านน่าจะเป็นนักบวชหรือพระสงฆ์ ซึ่งยังไม่พบรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติของท่าน แต่โองการมหาเถรตำแยนั้นมีอยู่จริง กระผมเคยได้อ่านสมุดข่อยตำรายาของโบราณระบุชื่อไว้หน้าสมุดว่า โองการมหาเถรตำแย เนื้อหาในตำรานั้นว่าด้วยยาขนานต่างๆ ทีี่เกี่ยวกับแม่และเด็ก เช่น ยาบำรุงครรภ์ ยาให้คลอดบุตรง่าย ยาประสะน้ำนม ยากวาดเด็กแก้ซางและยาอื่นๆ กระผมสันนิษฐานว่า หมอตำแยคือผู้มีความรู้ความชำนาญในโองการมหาเถรตำแย ที่น่าสังเกตคือเหตุไฉนผู้ชำนาญโองการมหาเถรตำแยครั้งโบราณถึงมีแต่ผู้หญิง

นั่นเป็นเรื่องของแพทย์แผนไทย ต่อมาเมื่อการแพทย์แผนใหม่แพร่หลาย สูตินรีแพทย์หรือหมอทำคลอดมีทั้งนายแพทย์และแพทย์หญิง หมอทำคลอดชายยุคต้นรัตนโกสินทร์เป็นมิชชันนารีชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียงมากคือ หมอบรัดเล ท่านผู้นี้เคยเข้าไปทำคลอดเมื่อเจ้านายประสูติในพระบรมมหาราชวัง ดังปรากฏในพระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีถึงพระองค์เจ้าปัทมราช เมื่อพุทธศักราช 2404 ความตอนหนึ่งว่า

“… เดือนสิบสอง นางแพมารดายิ่งเยาวลักษณ แลพักตรพิมลพรรณ แลเกษมสันต์โสภาคย์ แลมนุษย์นาคมานพนั้นคลอดบุตรเป็นหญิง ครรภมล (รก) ไม่ออกตั้งแต่เวลาห้าทุ่มหกบาทไป หมอแก้ไขหลายหมอแล้วก็ไม่ออก…ครั้นเวลาสามยาม หมอบรัดเลอเมริกันเข้าชักครรภมล (รก) ออกได้ …”

หมอบรัดเล เป็นหมอตำแยหรือสูตินรีแพทย์ยุคใหม่คนแรกของสยามประเทศก็ว่าได้


คอลัมน์: ตะลุยแดนวรรณคดี

เรื่อง: บุญเตือน ศรีวรพจน์

ภาพ: ขวัญญาณี ศิรธนอนันต์

All Creative Team

Writer

ร่วมสร้างสังคมอุดมปัญญา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!