ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ทุกๆ ท่าน ช่วงนี้ประเทศไทยของเราเหมือนแอฟริกาเข้าทุกที ตั้งแต่เรื่องการใช้ชีวิตที่ลำบากยากเข็ญเหลือเกิน จนถึงเรื่องความร้อนที่ร้อนเอาการเหมือนกัน ร้อนเหมือนดวงอาทิตย์มาอยู่บนกบาลเป็นร้อยดวง บางคนบอกว่าร้อนเหมือนจะซ้อมไว้ลงกระทะทองแดง
และที่สำคัญตอนนี้ประเทศไทยของเรากำลังต่อสู้อย่างหนักกับเชื้อโควิด-19 ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เดิมทีเราคิดว่าเชื้อนี้ชอบแพร่ระบาดในอากาศเย็น แต่อากาศร้อนขนาดนี้มันยังแพร่เชื้อได้ ถ้าเชื้อไม่ตาย อาตมาว่าคนจะร้อนตายก่อนเป็นแน่
หลายคนสงสัยว่า เราติดหรือยังนี่ อาตมาว่าก่อนติดโควิด หลายคนเริ่มจะเป็นประสาทแล้ว เพราะคิดมากกังวลไปหมด
สิ่งที่ลำบากยิ่งกว่านั้นคือ ทำอย่างไรถึงจะมีรายได้เข้ามาจุนเจือครอบครัว เพราะจะทำอะไรก็ลำบากไปหมด โยมทั้งหลาย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความทุกข์ของคนเรา
โดยหลักๆ แล้ว ความทุกข์มักเกิดขึ้นจากสองสาเหตุ คือ
หนึ่ง อยากได้แล้วไม่ได้ ก็เป็นทุกข์ คืออยากได้สิ่งโน้น อยากได้สิ่งนี้ อยากมีงานทำ อยากมีรายได้เยอะๆ เพื่อมาเลี้ยงดูครอบครัว เมื่อไม่ได้อย่างที่ตนเองปรารถนาก็เป็นทุกข์
สอง ไม่อยากได้ แต่ได้มา ก็เป็นทุกข์ คือ ไม่อยากได้แล้วดันได้ก็เป็นทุกข์ เหมือนไปหาหมอ หมอบอกว่าเราเป็นโควิด เป็นโรคหัวใจ เป็นโรคความดันสูง เป็นโรคเบาหวาน โยมอยากได้ไหม (ไม่อยากได้) พอได้มาเป็นทุกข์ไหม (เป็น) หรือมีใครบ้างที่ไปหาหมอแล้วกลับมาเล่าให้ลูกฟังด้วยความสุขว่า ดีใจจังเลยวันนี้แม่ไปหาหมอมา หมอบอกว่าแม่โควิด แม่เป็นโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และเบาหวานด้วย ดูสิลูก แม่ได้ตั้งสามสี่โรคเลย ไม่มีหรอกโยม
โยมทุกท่าน เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ เราต้องปรับตัวให้ได้ ใช้จ่ายแบบประหยัด ถ้ามีพื้นที่รอบบ้าน ก็ใช้เวลาว่างปลูกผักสวนครัวไว้กิน เราจะสามารถลดรายจ่ายได้อีกทางหนึ่ง ที่สำคัญจะรู้สึกผ่อนคลาย และอีกอย่างเราอาจขายของออนไลน์ เพื่อหารายได้เสริม ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไปในที่ชุมชน หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องป้องกันตัวเองให้ดี ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ ดูแลตนเองให้ดีที่สุด
พูดเรื่องขายของ มีโยมคนหนึ่งเป็นลูกศิษย์อาตมา เล่าให้อาตมาฟัง เขาเคยเป็นพริตตี้ เป็นพีอาร์ มีหนุ่มๆ มาติดพันมากมาย ช่วงโควิดส่งผลกระทบให้งานที่ทำอยู่แทบไม่มี จึงหันมาเปิดร้านขายของ ก็มีหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ทั้งหลายเข้ามาทักว่า จะเปิดร้านใหม่เหรอ หนูก็ตอบว่าค่ะ หนุ่มใหญ่คนหนึ่งพูดว่า งั้นพี่ขอเป็นลูกค้าคนแรกของหนูได้ไหม ประเดิมร้านใหม่ให้เลย หนูก็ตอบว่าได้ค่ะ
หนุ่มใหญ่บอกว่าน่ารักที่สุดเลย แล้วหนูขายอะไรจ๊ะ หนูก็ตอบว่าขายโลงศพค่ะ หลวงพี่คะ หนูพูดแค่นี้เอง หนุ่มใหญ่หนุ่มน้อยหายหน้าหมดเลย ไม่มีใครอยากเป็นลูกค้าของหนูเลยค่ะ หลวงพี่ อืม ก็อย่างว่านะโยม การตายไม่ใช่การลาพักร้อน
โยมทั้งหลาย ชีวิตที่เต็มไปด้วยความทุกข์และปัญหาอุปสรรคแบบนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือสติปัญญา
พุทธศาสนาสอนไว้ว่า ปัญญาเป็นแสงสว่างในโลก
โยมทุกท่าน เราได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว แสงสว่างเหล่านั้นต่างก็มีข้อจำกัด แต่แสงสว่างทางปัญญาเป็นแสงที่ส่องสว่างทั้งกลางวันและกลางคืน ส่องได้แม้กระทั่งจิตใจของคน ทำให้คนโง่กลายมาเป็นคนฉลาด คนชั่วกลายมาเป็นคนดี เป็นการชี้นำคนที่หลงทางให้กลับมาเดินถูกทาง ช่วยให้คนหลงผิดได้ทำสิ่งที่ถูกต้อง
เมื่อพูดถึงปัญญา อาตมามีเรื่องหนึ่งมาเล่าให้โยมฟัง เป็นเรื่องของกบ กบนั้นมีหลายชนิด เช่น กบเหลาดินสอ กบไสไม้ กบภูเขา กบนอกกะลา เอ้อ…ไปโน้นอีก แต่กบที่อาตมาจะพูดถึงนี้คือกบอ๊บๆ กบนี้เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ถ้าอยู่ที่ในแห้งนานๆ อาจตายได้ แต่ถ้าอยู่ในน้ำนานๆ ก็ตายได้เช่นกัน
เรื่องมีอยู่ว่า มีกบสองตัวกลับจากไปเที่ยวงานวัด เดินกลับบ้านแบบเพลิดเพลิน หยอกล้อกันสนุกสนาน ไม่ทันได้ดูทางที่เดิน เผอิญตกลงไปในบ่อน้ำ ทั้งสองตกใจมาก เจ้ากบตัวแรกรีบว่ายเร็วจี๋เพื่อไปให้ถึงฝั่ง แต่เหมือนมีอะไรติดที่ขา ยิ่งว่ายก็ยิ่งช้า
กบตัวที่สองว่ายประคองมาแบบช้าๆ กบตัวแรกบอกว่าเราหมดแรงแล้ว ไปไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ขาเราเป็นตะคริว กบตัวที่สองให้กำลังใจว่าสู้หน่อยเพื่อน อีกไม่ไกลก็ถึงฝั่งแล้ว กบตัวแรกหมดแรงและยอมแพ้ ขาเป็นตะคริวจนเกร็งและจมน้ำตาย
กบตัวที่สองจึงยืนหยัดสู้ต่อไป เขาพยายามตั้งสติ ทำใจให้นิ่ง คิดในใจว่า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ทำใจให้สงบ แล้วค่อยๆ ยื่นขาลงไปในน้ำ ปรากฏว่าน้ำตื้นแค่อก เขาถึงกับอุทานว่า โธ่เอ๊ย! เราว่ายอยู่ตั้งนาน ไม่ยักรู้ว่าน้ำแค่อก และที่สำคัญเพื่อนเราตาย เพราะมัวแต่ตกใจ ไม่มีสติ เมื่อเราไม่มีสติในสต็อก เราก็ช็อกและน็อกก่อนหมดสติ
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดก็เกิดปัญหา สติมาหมาไม่กัด สติถูกตัดก็ไปกัดกับหมา
เจริญพร
คอลัมน์: ธรรมะอมยิ้ม
เรื่อง: พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต
ภาพ: ขวัญญาณี ศิรธนอนันต์