เป็นคนญี่ปุ่นต้องทำใจ
“ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่ง” ญี่ปุ่นก็เปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน และหากต้องการเข้าใจปรากฏการณ์นี้ก็ลองพิจารณาร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ซึ่ง (เรียกกันในภาษาญี่ปุ่นว่า Konbini) แห่งหนึ่ง ณ ใจกลางโตเกียวเป็นกรณีศึกษา ภายในร้านดูงดงาม ข้าวของวางเป็นระเบียบเหมือนร้าน 7-Eleven ทั่วไปในญี่ปุ่น หากเเต่เจ้าของเป็นพม่าเช่นเดียวกับพนักงานประจำร้าน และเป็นพม่าคนแรกที่เป็นเจ้าของแฟรนไชส์ 7-Eleven
Konbini คือเส้นเลือดของญี่ปุ่นในปัจจุบันโดยเริ่มตั้งแต่ปี 1969 หากรวมสาขาทั้งหมดของ 4 แบรนด์ของร้านสะดวกซื้อ ได้แก่ 7-Eleven, Family Mart, Lawson และ MiniStop แล้ว มีจำนวนถึง 55,700 สาขา กระจายอยู่ทั่วญี่ปุ่น ในปี 2023 มีลูกค้าเข้าร้านรวมทั้งสิ้น 16,000 ล้านคน ร้านเหล่านี้เป็นแหล่งขายของสด จ่ายบิล จุดรับตั๋วดูกีฬา คอนเสิร์ต สั่งของ ฯลฯ ตลอด 24 ชั่วโมง
ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือการขาดแคลนแรงงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการให้บริการมากขึ้นทุกวัน คนญี่ปุ่นในวัยแรงงานมีจำนวน 87 ล้านคนในปี 1995 และคาดว่าจะลดเหลือ 55 ล้านคนในปี 2050 หนทางหนึ่งในการแก้ไขคือรับผู้หญิงและผู้สูงอายุญี่ปุ่น เเต่ทำได้จำกัดจึงต้องหาแรงงานต่างชาติมาทดแทนแรงงานที่หายไป แต่ก็ดำเนินการไม่สะดวกเพราะขัดแย้งกับความรู้สึกตามวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นถึงแม้จะรู้ว่าไม่มีทางเลือกก็ตามที เจ้าของร้าน 7-Eleven ดังกล่าวข้างต้นตอนแรกมาในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยน เริ่มทำงานในร้าน 7-Eleven ตั้งแต่ปี 2008 ขณะที่มีแรงงานต่างชาติ 500,000 คนในญี่ปุ่น ผู้คนจ้องมองเธอ และบ่อยครั้งสงสัยว่าเป็นใครจนขอพูดกับผู้จัดการ
ความแปลกแยกเป็นสิ่งที่คนญี่ปุ่นไม่คุ้นเคยและไม่ชอบ เพราะเคยชินกับคนหน้าตาคล้ายคลึงกันมานมนานในสังคมที่พูดญี่ปุ่นภาษาเดียวและมีวัฒนธรรมเดียว คนญี่ปุ่นเกรงว่าการมีคนลักษณะแปลกแยกเข้ามาในสังคมญี่ปุ่นจะทำให้เกิดปัญหาทั้งในเรื่องความกลมกลืนกันในสังคม ปัญหาอาชญากรรมและความมั่นคง
ทางการญี่ปุ่นหลีกเลี่ยงการพูดถึงนโยบายแรงงานต่างชาติอย่างเป็นกิจจะลักษณะ แต่รัฐบาลญี่ปุ่นก็รับเข้ามาเรื่อย ๆ จนในปัจจุบันมีจำนวนเพิ่มเป็น 4 เท่าของปี 2008 คือ 2 ล้านคนในปี 2023 นอกจากนี้ยังมีคนต่างชาติอาศัยอยู่อีก 1.2 ล้านคนที่มิได้ทำงานเป็นชิ้นเป็นอัน
เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2024 ทางการประกาศขยายสาขาของการให้วีซ่าแก่แรงงานมีฝีมือ ประเด็นสำคัญก็คือจำนวนแรงงานต่างชาติต้องเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะญี่ปุ่นต้องการถึง 4.2 ล้านคน ก่อนปี 2030 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในอัตราพอควร ภาวะเช่นนี้ทำให้ผู้นำและเจ้าหน้าที่ของรัฐเริ่มเห็นความจำเป็นของการมีหลายวัฒนธรรมในญี่ปุ่น ปัจจุบันมีคนต่างชาติอยู่ประมาณร้อยละ 2.5 ของประชากรญี่ปุ่นอยู่แล้ว และมีการพยากรณ์ว่าตัวเลขนี้จะขึ้นไปถึงร้อยละ 10 ก่อนปี 2070 เช่นเดียวกับตัวเลขของฝรั่งเศสในปัจจุบัน
Konbini ยุคใหม่ได้มาถึงเเล้ว ในวงการนี้ปัจจุบันมีเเรงงานต่างชาติอยู่ 80,000 คนซึ่งเท่ากับประมาณร้อยละ 9 ของเเรงงานทั้งหมด ในเมืองใหญ่หลายเมือง ครึ่งหนึ่งของพนักงานร้าน 7-Eleven เป็นคนต่างชาติเเละหลายคนเป็นนักเรียน จำนวนไม่น้อยต้องการได้วีซ่าทำงานหลังจากเรียนจบเเล้ว เเต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
คนญี่ปุ่นในปัจุบันตกที่นั่งลำบากเพราะในก้นบึ้งของหัวใจ ไม่ต้องการความแปลกแยกจากแรงงานต่างชาติ แต่ถ้าไม่รับเข้ามาทำงานเศรษฐกิจก็จะประสบปัญหาหลายด้าน เช่น การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การผลิตสินค้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคบริการ การขาดแคลนสินค้า ฯลฯ อันเนื่องมาจากการขาดแคลนเเรงงาน มันเข้าล็อก “โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี” จริงๆ
“การได้อย่างเเต่ต้องเสียอย่างหรือหลายอย่าง” (trade off) เป็นสภาวะที่มนุษย์ทุกคนต้องประสบอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นการเข้าใจความต้องการที่เเท้จริงของตนเองจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
คอลัมน์: สารบำรุงสมอง / เรื่อง: รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ