งานประกาศผลออสการ์ที่ผ่านมา เหตุการณ์ซึ่งคนค่อนโลกจำได้มากสุดน่าจะเป็นตอนวิลล์ สมิท ลุกจากที่นั่งริงไซด์เดินขึ้นเวทีไปตบหน้าคริส ร็อก ผู้เพิ่งปล่อยมุกตลกบนเวทีล้อทรงผมของภรรยาของวิลล์ที่ป่วยเป็นโรคจนผมร่วง
จากนั้นเขาก็ได้ออสการ์สาขานักแสดงนำชาย และกล่าวสุนทรพจน์บนเวทีขณะรับรางวัลไว้ตอนหนึ่งว่า “ผมดูเหมือนพ่อบ้าๆ เหมือนกับที่คนพูดถึงริชาร์ด วิลเลียมส์ …แต่ความรักมักทำให้คุณทำเรื่องบ้าๆ ได้” ซึ่งหลายคนเข้าใจว่าเขากำลังเท้าความถึงพฤติกรรมที่เขาลุกขึ้นเวทีไปตบหน้าคริส ร็อค
หลังจากจบงานประกาศผลรางวัล ริชาร์ด วิลเลียมส์ ตัวจริงให้สัมภาษณ์ในกรณีที่วิลล์ สมิทพาดพิงถึงเขาอย่างไม่เห็นด้วยว่า “เราไม่ยอมรับการใช้กำลังทำร้ายร่างกายใคร เว้นแต่เป็นการป้องกันตัว”
ริชาร์ด วิลเลียมส์ คือ บุคคลที่มีอยู่จริงและเป็นบทบาทการแสดงของวิลล์ สมิทซึ่งช่วยให้เขาได้รางวัลออสการ์จากหนังเรื่อง King Richard
ริชาร์ด วิลเลียมส์ มีลูก 5 คน ลูกสาวสองคนมีทักษะโดดเด่นด้านเทนนิส ครอบครัวของเขาเป็นชนชั้นกลางค่อนยากจน อยู่ในชุมชนคนผิวสีในย่านที่ไม่ปลอดภัย เขาพาลูกไปซ้อมเทนนิส พอกลับดึกๆ ก็เจอกลุ่มอันธพาลมาทำเขื่องพร้อมข่มขู่ครั้นริชาร์ดปกป้องลูกสาวด้วยการเตือนว่าอย่าทำให้ลูกสาวของเขาหวาดกลัวก็โดนกลุ่มวัยรุ่นกระทืบ มีคดีอาชญากรรมตามท้องถนนก็บ่อยครั้ง
เขาเห็นความสามารถของลูกสาวสองคนก็มั่นใจเต็มเปี่ยมว่ามันจะเป็นบันไดให้ลูกๆ ไต่ไปสู่ชีวิตที่ดีกว่าที่เขาเคยผ่านมาในวัยเด็ก และจะยกระดับคุณภาพชีวิตครอบครัวให้ดีขึ้นได้
ด้วยแรงผลักดันจากความรักลูก เขาจึงกลายเป็นพ่อที่เข้มงวดกึ่งเผด็จการ วางแผนทุกอย่างเพื่อปูทางไปสู่อนาคต รวมถึงการเป็นโค้ชและผู้จัดการชีวิตให้ลูกสาว เคี่ยวเข็ญการฝึกซ้อมเทนนิสอย่างหนักจนเพื่อนบ้านเคยร้องเรียนเจ้าหน้าที่รัฐว่า ริชาร์ดเป็นพ่อที่เลี้ยงลูกอย่างไม่เหมาะสม
ความเป็นเผด็จการในการเลี้ยงคือทุกอย่างในบ้านที่เป็นเรื่องอนาคตของลูกถูกกำหนดโดยริชาร์ด เขาตัดสินใจโดยไม่ปรึกษาใคร ไม่เคยถามความต้องการของลูกสาวว่าเห็นด้วยไหม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน เรื่องฝึกซ้อมเทนนิส การหาโค้ชและแนวทางที่จะลงแข่งขัน รวมถึงการลงโทษลูกในบ้าน
ในแง่บวกของความเป็นเผด็จการในการเลี้ยงคือเขาควบคุมทุกอย่างได้ตามประสงค์ ทุกแผนการที่วางไว้ถูกขับเคลื่อนโดยไม่มีคนคัดค้าน และมันก็ให้ผลลัพธ์ตรงเป้า เขาสามารถหาโค้ชเทนนิสชั้นยอดมาช่วยฝึกลูกสาว ซึ่งถ้าจะว่ากันตามสถานภาพครอบครัวของเขาแล้วก็ไม่น่าจะทำให้โค้ชดังๆ หันมาสนใจ แต่เพราะเขาสู้ยิบตาในการหาโอกาสให้ลูกได้อยู่ในสายตาของโค้ช ผลลัพธ์เหล่านั้นดูเหมือนจะดี แต่ในความสำเร็จที่เกิดขึ้นเราก็จะเห็นว่ามีความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจของคนในครอบครัวเช่นกัน
ออเรซีน ภรรยาของเขาเป็นตัวอย่างภรรยาในยุคครอบครัวชายเป็นใหญ่ คือเลือกจะเงียบเสมอแม้ไม่เห็นด้วยเวลาริชาร์ดตัดสินใจเกี่ยวกับลูกทั้งเรื่องเทนนิสหรือเรื่องในบ้าน จนวันหนึ่งเธอทนไม่ไหวเมื่อเห็นว่าริชาร์ดควบคุมทุกอย่างจนลืมความรู้สึกของลูกในฐานะเด็ก เช่น การลงโทษโดยจะทิ้งลูกข้างทางเพียงเพราะคึกคะนองหลังชัยชนะ หรือการตัดสินใจเรื่องลงแข่งขันทัวร์นาเมนต์ที่ลูกต้องการ
ความเป็นเผด็จการของริชาร์ดถูกเปิดเผยให้เห็นในภายหลังว่า หลายครั้งที่พ่อแม่มีกฎหรือความเข้มงวดจนสุดโต่งก็เนื่องมาจากประสบการณ์ของตัวเองในอดีต เช่น ริชาร์ดในวัยเด็กเคยถูกพ่อทิ้งให้เขาถูกรุมทำร้าย เขาก็อยากจะเป็นพ่อที่ดีกว่านั้น เป็นพ่อที่ปกป้องลูกไปจนตลอดเส้นทางท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่คอยฉุดรั้งอนาคตให้เลวร้าย
เราจะเห็นว่านอกจาก ‘ประสบการณ์ของพ่อแม่’ ซึ่งมีส่วนในการเลี้ยงลูกของริชาร์ดแล้ว ยังมีปัจจัยของสถานะทางสังคมด้วย เช่น ถ้าใครได้เห็นลูกสาวของริชาร์ดเล่นเทนนิสก็ย่อมประทับใจในทักษะและพรสวรรค์ และเห็นอนาคตที่น่าจะไปได้ไกลเหมือนที่ริชาร์ดเห็น แต่การเกิดเป็นเด็กผิวสีในครอบครัวยากจนในชุมชนที่พวกเขาโตมา ซ้ำร้ายในยุคสมัยที่คนผิวสียังถูกเหยียดแบ่งแยกมากกว่าปัจจุบัน พรสวรรค์กับความสามารถคงหมดสิทธิเฉิดฉายถ้าไม่ได้ ‘โอกาส’
เด็กที่เติบโตมาในครอบครัวยากจน กลุ่มคนชายขอบหรือชนกลุ่มน้อย มักเสียเปรียบในการมีอนาคตที่ดี เพราะแม้จะมีความพยายามแค่ไหน มีพรสวรรค์เพียงใด แต่พวกเขาก็ขาดโอกาสที่จะได้พัฒนาฝีมือ ขาดโอกาสที่จะได้ลงแข่งขันอย่างเป็นธรรมเพื่อเป็นผู้ชนะ ริชาร์ดจึงต้องเลี้ยงลูกสาวอย่างเคี่ยวเข็ญเพื่อ ‘สร้างโอกาส’ ให้ลูกสาวได้สานต่อสิ่งที่พวกเธอมีในตัว
สังคมที่ดีมีความเท่าเทียมและเป็นธรรมในการสร้างโอกาส จึงมีผลอย่างยิ่งต่อการพัฒนาคน มีผลต่อการเลี้ยงลูกของพ่อแม่ เพราะถ้าริชาร์ดเป็นชนชั้นกลางผิวขาวฐานะดีที่อาศัยในชุมชนเมืองใหญ่ เราก็อาจจะเห็นการเลี้ยงลูกที่ต่างออกไปบ้าง เพราะเขาไม่ต้องผลักดันเต็มแรงจนเหมือนคุณพ่อเผด็จการสุดเข้มงวดแบบที่เป็นอยู่
ลูกสาวของริชาร์ดทั้งสองคนในหนังคือชีวิตจริงของวีนัสและเซเรน่า วิลเลียมส์ สองพี่น้องนักเทนนิสที่โลกต้องจดจำไปตลอดกาล
คอลัมน์: มองโลกผ่านจอ
เรื่อง: “ผมอยู่ข้างหลังคุณ”
(www.facebook.com/ibehindyou , i_behind_you@yahoo.com )