“มี 2 คนที่คุณต้องจดจำตลอดไป
คนที่ไม่ทิ้งคุณไป
ในวันที่คุณไม่เหลืออะไร
และคนที่ทิ้งคุณไป
ในวันที่คุณไม่เหลือใครสักคน”
ไม่น่าแปลกใจ เมื่อยามสุขสบาย จะมี เพื่อนล้อมหน้าหลังมากมาย แต่เมื่อ ยามลำบาก ดูให้ดีว่า มีใครเหลือในชีวิตบ้าง
คนเราจะจำอะไรได้ดี ในช่วงชีวิตที่กำลังมีปัญหา หรือว่าประทับใจมากๆ
เวลาหิวใกล้ตาย แล้วมีคนหยิบยื่นอาหารให้มา เราจะจดจำอาหารมื้อนั้นไม่มีวันลืม
การให้เหมือนกัน แต่คุณค่าของการให้ต่างกัน ถ้าให้ผิดคน ผิดเวลา
ถ้าเราอิ่มแทบจะกินต่อไปไม่ไหว ต่อให้มีคนหยิบยื่นอาหารที่ดีขนาดไหนมาให้ เราก็จะไม่เห็นคุณค่า
เหมือนเทียนไขถ้าเอาไปจุดกลางแดด แทบจะไม่มีประโยชน์อะไร และคงไม่มีใคร สนใจในแสงเทียนนั้น
แต่ถ้าไฟฟ้าดับมืดมิด ไม่เหลือสิ่งใดให้แสงสว่าง เทียนเล่มเล็กๆ แท่งนั้น จะมีคุณค่าขึ้นมาในทันที
เหมือนความทรงจำของคนเรา จะกระจ่างชัดได้ ถ้าสิ่งนั้นเกิดในช่วงเวลาที่เหมาะสม มีประโยชน์และทรงคุณค่า
ต่อให้เวลาผ่านไปนาน แต่คนเราอาจจำตัวบุคคล เหตุการณ์นั้นไม่ได้ แต่ ความรู้สึกที่เกิดจากเหตุการณ์นั้น เขาจะยังจำได้ดี
เด็กบางคนจำเหตุการณ์ที่โดนแม่ตีไม่ได้ ว่าเกิดจากอะไร จำได้แต่รู้สึกเสียใจที่แม่ไม่ถามเหตุผลก่อนตีสักคำ
คนมักจะจดจำ อารมณ์ความรู้สึก ในเหตุการณ์ประทับใจในชีวิตได้ แม้จะจำรายละเอียดต่างๆ ไม่ได้ก็ตาม
ซึ่งในความทรงจำที่ฝังใจ อาจจะมีทั้ง ด้านดี และ ด้านร้าย
ด้านดี ก็เช่น วันที่สอบเข้าได้ วันที่มีคนขอแต่งงาน วันที่ถูกรางวัลใหญ่ๆ วันที่ได้เห็นหน้าลูกแรกคลอดครั้งแรก วันที่มีใครเซอร์ไพรส์วันเกิด หรือวันที่ได้อะไรตามที่ฝันเอาไว้ เป็นต้น
ซึ่งวันเหล่านี้ คิดถึงทีไร ก็อดยิ้มออกมาคนเดียวไม่ได้ ซึ่งประโยชน์ของวันดังกล่าวนี้ ยังมีในช่วงที่ชีวิตมีความทุกข์อีกด้วย
คือ เมื่อชีวิตมีปัญหา ทุกข์ทนหม่นหมอง ก็ให้ลองนึกย้อนถึงคืนวันที่เรามีความสุข
มันจะช่วยให้เราหลุดพ้นจากความทุกข์ได้ชั่วขณะ เพราะ คนเราจะคิดได้เรื่องเดียว ณ ช่วงเวลาเดียวเท่านั้น
คือ คิดถึงความสุข ก็จะรู้สึกสุข คิดถึงความทุกข์ จะรู้สึกทุกข์ตาม เป็นไปไม่ได้ ที่จะคิดถึงความสุขแต่รู้สึกทุกข์ใจ ถ้ารู้สึกทุกข์ใจ ก็แสดงว่า กำลังย้อนกลับมาคิดถึงทุกข์ในปัจจุบัน อีกนั่นเอง
และ เรายิ่งคิดถึงอะไร สิ่งนั้นจะใหญ่ขึ้น คิดถึงความสุข ความสุข ก็ขยาย คิดถึงแต่เรื่องทุกข์ใจ ความทุกข์ก็จะมากมายในชีวิตเรา
ด้านร้าย คือ ความทรงจำในเรื่องที่ไม่ดีทั้งหลาย
เช่น เด็กบางคนยังจดจำคำพ่อแม่ที่เคยดุด่าเอาไว้ แม้เหตุการณ์ผ่านไปเป็นสิบๆ ปี
บางคนไม่เคยลืมความรู้สึก เมื่ออกหักครั้งแรก
บางคนไม่เคยลืม สายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม ของใครบางคน
การจดไว้ในความทรงจำ ของสิ่งเลวร้ายเหล่านี้ ไม่ได้ผิดอะไร แต่ควรเอามาใช้ในทางบวก จะดีมาก
คือ เอามาเป็นกำลังใจ ผลักดันตัวเอง จากคนที่ไม่เอาไหน จากคนที่เคยแพ้พ่าย
จากคนที่ไม่มีคุณค่าอะไร ให้กลายเป็นคนใหม่ ที่ใครๆ ก็เห็นคุณค่าหันมามอง ดีกว่า จะเอาคำพูดหรือเหตุการณ์ที่ผ่านไป เอามาคิดให้ต้องเจ็บช้ำน้ำใจไปวันๆ
จะเห็นได้ว่า รอยจารึกของความทรงจำ บางครั้งก็ไม่มีวันลบเลื่อนไปได้ตามกาลเวลา
จึงเป็นบทเรียนสอนใจว่า
เราจะอยู่ในความทรงจำของคนรอบข้าง ในรูปแบบใด ด้านร้าย หรือ ด้านดี
ถ้าเป็นไปได้ ถ้าเราเป็นโลกทั้งใบ ให้คนทั้งโลกไม่ได้
ก็ขอให้เป็นโลกทั้งใบให้ใครสักคนก็พอ
คอลัมน์: ก้าวไกลไปข้างหน้า / เรื่อง: จตุพล ชมภูนิช ภาพ: ขวัญญาณี ศิรธนอนันต์