ออลฯ เคยมีโอกาสเจอสาวๆ BNK48 ซึ่งร่วมแสดงในโปรเจ็กต์ภาพยนตร์ ไทบ้าน x BNK48 มาแล้วครั้งหนึ่ง นับจากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลาครบปีพอดี ฉบับธันวาคม 2563 นี้ ออลฯ ได้กลับมาร่วมงานกับ BNK48 อีกครั้ง และได้เจอ เจน BNK48 หรือ ‘เจน’ กุลจิราณัฐ อินทรศิลป์ แม้งานนี้เธอจะมาเดี่ยว แต่เจนคนเดียวก็โดดเด่นกว่าใครๆ จนคว้าชัย “อันดับที่หนึ่ง” ในการเลือกตั้ง BNK48 General Election 2020 ด้วยคะแนนโหวต 100,489 คะแนน ทิ้งห่างอันดับสองเกือบสามหมื่นคะแนน ส่งผลให้เจนได้รับตำแหน่งเซ็นเตอร์ในซิงเกิลเพลงที่ 9 Heavy Rotation อีกด้วย ทว่าทางเดินสู่ความสำเร็จไม่ได้โรยด้วยกลีบดอกไม้อย่างเดียว ย่อมมีกรวดหินทิ่มแทงยามเดินผ่านด้วย เราจึงอยากชวนคุณมาสัมผัสตัวตนและความเป็นนักสู้เพื่อความฝันของสาวน้อยนัยน์ตาคมโตผู้ครองใจเหล่าโอตะคนนี้ คนที่สามารถทำให้เราเผลอร้อง “งุ้ย” ในใจเมื่อได้พบเจอเธอ หากสงสัยทำไมต้องงุ้ย คงต้องพิสูจน์ด้วยบทสัมภาษณ์นี้
One
เจนเริ่มบทสนทนาด้วยการเล่าถึงตัวเองในวัยเด็กเพื่อให้เรารู้จักเธอมากขึ้น ตอนประถมเจนเป็นเด็กกิจกรรมตัวยง เรียนทั้งบัลเลต์ รำไทย ดนตรีไทย ว่ายน้ำ วาดรูป แต่แล้ววันหนึ่งเด็กกล้าแสดงออกคนนั้นก็กลับกลายเป็นเด็กขี้อาย “หนูไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมถึงเปลี่ยนไป คิดว่าเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง พอโตขึ้นเราเริ่มให้ความสำคัญแก่สิ่งรอบข้างและคำวิพากษ์วิจารณ์ วันก่อนหนูคุยกับพี่ไข่มุก BNK48 อาจมาจากตอนที่เราเรียนพิเศษแล้วถูกตำหนิ เลยทำให้ความมั่นใจของเราหายไป แต่ที่เห็นยังทำกิจกรรมอยู่ตลอดเป็นเพราะเราเข้าสู่วงจรนี้แล้ว มันสายเกินกว่าจะถอยออกมา”
ทว่าเด็กขี้อายคนนั้นก็กลายเป็นไอดอลชื่อดังในวันนี้ “เจนเคยเต้นคัฟเวอร์เพลงญี่ปุ่น หนูรู้จักวง AKB48 ของญี่ปุ่นอยู่แล้วด้วย พอเพื่อนชวนมาออดิชั่น เราก็โอเค มากับเพื่อนแต่เพื่อนไม่ได้นะคะ (หัวเราะ) ถึงแม้ว่าหนูพอจะรู้จักวงของญี่ปุ่น แต่เราติดตามแค่ผลงานเพลงมากกว่า ไม่ได้ลงลึกเรื่องระบบต่างๆ ของเขา เรียกได้ว่าหนูไม่รู้เลยว่าเข้ามาแล้วจะเจออะไร หนูแค่อยากใส่ชุดน่ารักๆ เต้นบนเวที แต่เอาเข้าจริง ว้าว ฝึกหนักเหมือนค่ายทหารเลย ที่ว่าเหมือนค่ายทหารเพราะเราซ้อมกันโหดมาก สมมติ จันทร์ พุธ ศุกร์ อาทิตย์ ซ้อมเต้น วันที่เหลือจะซ้อมร้องเพลง จำได้ว่าตอนนั้นเปิดเทอม หนูนั่งรถสามชั่วโมงจากโรงเรียนมาซ้อมตั้งแต่หกโมงถึงสี่ทุ่ม วันหยุดก็ซ้อมตั้งแต่แปดโมงถึงหนึ่งหรือสองทุ่ม เหนื่อยมากๆ เลยค่ะ”
นอกจากการร้องการเต้นที่ต้องฝึกหัดแล้ว เจนยังต้องปรับตัวในเรื่องอื่นๆ อีกด้วย “อย่างเรื่องการโพสต์รูปลงโซเชียลมีเดียบ่อยๆ ปกติหนูเป็นคนโลว์เทค ไม่ค่อยเล่นโซเชียลมีเดีย เฟซบุ๊คมีไว้เล่นเกมแฮปปี้ฟาร์ม แถมเป็นคนไม่ชอบถ่ายรูปด้วย เวลาแม่เรียกเจนมาถ่ายรูปหน่อยสิ หนูจะหน้าหงิกใส่กล้องตลอด ในช่วงแรกจึงแอบฝืนตัวเองนิดๆ และเรื่องการพูดที่ต้องปรับตัวเยอะมาก เวลาที่ต้องไปตู้ปลา (BNK48 Digital Live Studio) หนูไม่ค่อยกล้าพูด ไม่อยากไป แต่พูดตรงๆ คือ ไปแล้วได้สตางค์ ก็ต้องไป แต่เครียด ยิ่งมีคอมเมนต์ว่าเรายังไม่ดีต้องแก้ตรงไหนก็ยิ่งกดดัน แต่ปัจจุบันดีขึ้นแล้วนะคะ สนิทกับเมมเบอร์มากขึ้นจึงกล้าเล่นมากขึ้น”
แม้ว่าจะทุ่มเทเกินร้อยกับการฝึกซ้อม แต่เจนก็ยังไม่สามารถติดเซ็มบัตสึ (ตัวหลัก 16 คน) ในช่วงแรก “ถามว่าตอนนั้นหนูนอยด์ไหม ยอมรับว่านอยด์ค่ะ เพราะหนูแอบมั่นใจว่าติดแน่ๆ เขาให้สมาชิกโหวตว่าคนไหนน่าจะติด แล้วเพื่อนโหวตหนู หนูเลยคิดว่าต้องเป็นตัวเอง แต่ผลออกมาคือไม่ติด (เสียงหงอย) ทว่าหลังจากนั้นก็ไม่รู้สึกอะไรแล้ว เพราะมีกิจกรรมให้ทำตลอด จริงๆ แล้วอันเดอร์เกิร์ลกับเซ็มบัตสึซ้อมเหมือนกันทุกอย่าง แตกต่างตรงเซ็มบัตสึเขามีบล็อกกิ้งเวลาเต้นของแต่ละคนที่แน่นอน แต่ถ้าเมื่อไหร่เซ็มบัตสึคนไหนไม่ว่าง แล้วเขาต้องการอันเดอร์เกิร์ลมาเต้นแทน เราก็ต้องซ้อมบล็อกกิ้งของคนนั้น กลายเป็นความท้าทายที่เราต้องจำทั้งท่าเต้นและตำแหน่งยืนที่เปลี่ยนอยู่ตลอด ตอนนั้นหนูความจำดีกว่าตอนนี้เยอะเลย”
Two
แต่ไม่นานเจนก็ติดเซ็มบัตสึในเพลงหลัก ซึ่งเป็นซิงเกิลที่สาม คือเพลงวันแรก แม้เจนจะสร้างฐานแฟนคลับเพิ่มขึ้นจากการได้เป็นเซ็มบัตสึ แต่เจ้าตัวกลับไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองมีจุดยืนที่มั่นคงในวงเพิ่มขึ้น “พูดตรงๆ เลยนะคะ หนูรู้สึกว่าถ้าไม่ได้แฟนคลับ หนูคงไม่ติดเซ็มบัตสึเลย (ลากเสียง) แต่ที่หนูติดเซ็มบัตสึในซิงเกิลที่สามนั้น เพราะเขาเลือกจากยอดจับมือ เราจึงได้รับโอกาสนั้น และโอกาสต่างๆ ภายหลัง” เมื่อเราถามต่อว่า ต้องทำอย่างไรจึงจะสร้างความมั่นคงในวงเพิ่มขึ้นได้ ไอดอลสาวกล่าวว่า “หนูพยายามเข้าร่วมทุกกิจกรรมที่สังกัดเสนอมา ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันหรือประกวด ถือเป็นการสร้างโอกาสให้ตัวเอง และเชื่อว่าเพื่อนคนอื่นต่างทำเต็มที่เหมือนกัน”
โอกาสจากแฟนคลับที่เธอได้รับนั้น ยังรวมถึงการได้ผลโหวตเป็นอันดับที่ 5 (ติด 1-7 อันดับแรกหรือเรียกว่า คามิเซเว่น) ในงานเลือกตั้งครั้งที่หนึ่ง (BNK48 General Election 2019) อันนำมาซึ่งความชื่นใจและความกดดันในคราวเดียวกัน “หนูคาดหวังแต่ไม่คิดว่าจะได้อันดับสูงขนาดนี้ ดีใจนะแต่ก็นอยด์ด้วยกับคำวิจารณ์ว่าเราไม่คู่ควรกับตำแหน่ง ทำไมต้องด่ากันด้วยนะ เวลาออกงานมักคิดไปเองว่าคนมองเพราะไม่ชอบเรา ปีหนึ่งเลยค่ะกว่าจะปรับความคิดได้ หนูคิดได้ตอนเลือกตั้งครั้งที่สองด้วยซ้ำ แฟนคลับเขาห่วงเราเลยส่งหนังสือช่วยปรับวิธีคิด หนังสือพระก็มีนะคะ ซึ่งก็ช่วยได้”
เพิ่งปรับจูนความคิดได้ไม่ทันไร งานเลือกตั้งครั้งที่สอง (BNK48 General Election 2020) ก็เริ่มขึ้น และอันดับของเจนก็พุ่งสูงจนคว้าที่หนึ่ง แต่เพราะมุมมองที่เปลี่ยนไป บวกกับประสบการณ์จากครั้งก่อน เจนเรียนรู้ที่จะมีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน “ถามว่าครั้งที่สองเรากดดันมากขึ้นไหม กดดันในแง่ที่ว่าถ้าอันดับร่วงจากเดิมต้องโดนโจมตีแน่ ต้องมีคนรอซ้ำเติมเรา แต่พอได้ที่หนึ่งก็ลืมความเครียด (หัวเราะ) ดีใจมากๆ เราจะมัวกังวลทำไม เราต้องแฮปปี้กับสิ่งที่แฟนคลับทำให้มากกว่า แล้วแฟนคลับก็พยายามมากจริงๆ หนุนส่งหนูได้ถึงอันดับหนึ่ง ดังนั้นผลการเลือกตั้งจึงไม่กดดันเราอีกแล้ว แต่เป็นความกังวลในเรื่องจะโชว์เพลงออกมาให้ดีได้อย่างไร เพราะแค่ปล่อยทีเซอร์เพลง แค่ได้ยินท่อน วัน ทู ทรี โฟร์ คนก็ด่าแล้วค่ะ
“เราต้องยอมรับว่าคนไม่รู้จักหนูมากเท่าพี่เฌอ (เฌอปราง BNK48 – คว้าอันดับ 1 ในการเลือกตั้งปี 2019) หนูเองไม่มีโอกาสมากเท่าพี่เฌอมาตั้งแต่ต้น สิ่งที่หนูทำได้ ณ ตอนนี้มีแค่ใช้โอกาสที่ได้รับเพื่อให้คนจดจำเราให้ได้มากที่สุด แต่เอาจริงๆ หนูอยากให้คนได้ฟังเพลง Heavy Rotation กันมากๆ ไม่ต้องรู้จักหนูก็ได้ แค่อยากให้ทุกคนรู้จักเพลง หนูชอบเพลงนี้ค่ะ ชอบยูโกะซัง (โอชิมะ ยูโกะ) ซึ่งเป็นเซ็นเตอร์ของเพลงนี้เลยชอบเพลงนี้มาก หนูพูดมานานแล้วว่าถ้ามีโอกาสอยากติดเซ็มบัตสึเพลงนี้ และพอเรามีโอกาสได้เลือก จะช้าอยู่ไย แต่ว่าตอนแรกเกือบไม่ได้เพลงนี้ คงเพราะหลายคนบอกว่าเพลงนี้เป็นเพลงไม้ตาย อย่าเพิ่งเลือกมาใช้ แต่เราไม่อยากให้คิดแบบนั้น วง AKB48 ก่อตั้งมาเป็นสิบปี เรามีเพลงมากมายที่เป็นไม้ตาย อะไรก็ไม่แน่นอน”
เราถามถึงช่วงเวลาฝึกซ้อมเพลงนี้ เพราะได้ยินว่าเจนฝึกท่าโซโล่ที่ต้องฉีกขาจนกล้ามเนื้ออักเสบ “ไม่แน่ใจว่าถึงขั้นกล้ามเนื้ออักเสบไหม แต่ตอนนั้นเต้นแรงไปหน่อยค่ะ (หัวเราะ) จังหวะทิ้งตัวลงเลย ตึ้ง! เพลงนี้จุดที่ยากคือท่าโซโล่ที่ต้องฉีกขา และการที่หนูต้องยืนเป็นเซ็นเตอร์ข้างหน้าคนเดียวก็แอบตื่นเต้น แถมต้องเต้นกับขาไมค์ด้วย ทำยังไงให้ขาไมค์ไม่พังเร็วเพราะต้องนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น แต่หนูไม่เคยทำพังนะ (หัวเราะ) ถึงจะเหลืออยู่ไม่กี่อันแล้วก็เถอะ แต่สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับตำแหน่งเซ็นเตอร์คือการต้องพูดโปรโมท ปกติหนูไม่ค่อยพูดใช่ไหมคะ พอเราอยู่ตำแหน่งนี้เราต้องพูดเยอะมาก (ลากเสียง) แต่พอคล่องแล้วก็สนุกค่ะ”
เพลง Heavy Rotation ถูกปล่อยหลังคลายล็อคดาวน์จากสถานการณ์โควิด-19 ไม่นาน การโปรโมทจึงทำได้ไม่เต็มที่ สร้างความเสียดายให้แก่ไอดอลสาวไม่น้อย “หนูรู้สึกเหมือนมีบุญแต่กรรมบัง แอบเสียดายนิดหน่อย ทั้งที่มีโอกาสเป็นเซ็นเตอร์แล้วแท้ๆ แต่ถ้าถามว่ามีอะไรที่อยากกลับไปแก้ไขไหม คงมีแค่การแต่งหน้าซึ่งบางงานกลบใต้ตาดำไม่มิดเลย (หัวเราะ) นอกจากเรื่องนี้ก็ไม่มีแล้ว เพราะหนูสนุกและเต็มที่แล้วค่ะ”
Three
เราคุยต่อถึงเรื่องความฝัน เจนเล่าว่าก่อนมาเป็น BNK48 มีความฝันอยากเป็นแอร์โฮสเตส ปัจจุบันเจนยังสานฝันด้านนี้ด้วยการเรียนต่อสาขาการบิน แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบิน เธอจึงมองหาอาชีพสำรอง เจนเล่าอย่างเขินๆ ว่ามีความฝันเล็กๆ อยากเปิดร้านอาหารที่มีหนังสือรายล้อม เพราะส่วนตัวชอบอ่านหนังสือ และคุณพ่อเคยเปิดร้านอาหารด้วย จึงอยากเป็นลูกมือช่วยบริหารงาน ส่วนงานในวงการบันเทิง ไอดอลสาวตาโตอยากลองเรียนรู้งานแสดงเต็มตัวบ้าง เพราะทักษะการแสดงจะช่วยส่งเสริมการโชว์บนเวที
เจนมองตัวเองเป็นคนสู้เพื่อความฝันขนาดไหน เราถามเธอ “หูย หนูว่าหนูก็สู้อยู่นะ แต่สู้ในแบบของหนู คือทำเรื่อยๆ ทำตลอด คนจะรู้ว่าหนูไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ไม่พูดเยอะ ให้ดูผลลัพธ์เอาเอง จริงๆคือไม่กล้าพูดค่ะ (หัวเราะ) ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ หนูร้องเพลงไม่เก่ง จะร้องนิดหน่อยยังไม่กล้าเลย แต่หนูก็ฝึกตลอดจนเดี๋ยวนี้ครูชมว่ากล้าร้องมากขึ้น หรือเรื่องเต้นหนูก็ไปเรียนเสริมแล้วอัดคลิปให้แฟนๆ ดู ให้เห็นว่าเราพัฒนาตัวเองอยู่”
ระหว่างคำชมกับคำดูถูก สาวเจนยอมรับว่าคำชมมีผลต่อใจมากกว่า “อ่านแล้วแฮปปี้ ส่วนคำดูถูกไม่ได้ทำให้หนูฮึดสู้ขึ้นนะ ถ้าด่ามาเลยจะรู้สึกตลก หรือถ้าเป็นคำดูถูกที่มาในรูปแบบคำชม คือเหมือนจะแนะนำแต่แฝงนัยว่าคนอย่างเธอทำไม่ได้หรอก จะรู้สึกไม่ดี แต่ถ้าด่าตรงๆ จะขำ ด่าทำไมนะ ด่าเพื่ออะไร ว่างเหรอ บางคนถึงขั้นทักไดเร็กแมสเสจมาเพื่อด่าเลยค่ะ ตลกดี แต่ไม่ใช่ว่าหนูคิดได้ตั้งแต่แรกหรอก เจอกับตัวจึงเริ่มเรียนรู้ว่าเป็นธรรมดาที่จะมีทั้งคนชอบและไม่ชอบเรา หนูอ่านหนังสือด้วยนะ ชื่อหนังสือ กล้าที่จะถูกเกลียด เล่มนี้เจนให้พี่ไข่มุกลองอ่านด้วย พี่ไข่มุกก็ชอบ บอกว่าช่วยให้เราแฮปปี้กับชีวิตขึ้น”
ส่วนวิธีให้กำลังใจตัวเองยามท้อแท้ของเธอนั้นคือการเพิ่มน้ำตาลในเลือด “กินชาเขียวเพิ่มกำลังใจค่ะ นอกจากนั้นก็หาเวลาไปเที่ยว แต่ต้องเลือกหน่อยนะคะ หนูเคยเหนื่อยกับการซ้อม มันต๊อแต๊ (ท้อแท้) เลยไปดูหนังแก้เครียด ปรากฏว่าเป็นหนังฆาตกรรม เครียดและเศร้าหนักกว่าเดิมเลยค่ะ (เราต่างหัวเราะพร้อมกัน)”
Four
เจนคือตัวอย่างที่เห็นได้ชัดถึงคำว่า “พลังของแฟนคลับ” ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่าเพราะแฟนคลับที่ทำให้เธอมีวันนี้ เราจึงถามถึงมุมมองต่อความสัมพันธ์ระหว่างไอดอลกับแฟนคลับ “เป็นความสัมพันธ์แบบแฟมิลี่ค่ะ ก่อนเจนจะเข้าวงเจนมีความคิดว่าแฟนคลับก็อยู่ส่วนแฟนคลับ ไอดอลก็อยู่ส่วนไอดอล คนละฝ่ายไม่เกี่ยวข้องกัน แต่พอเข้ามาเป็น BNK48 เราเปลี่ยนความคิดโดยอัตโนมัติ ความสัมพันธ์ระหว่างเราคือใจแลกใจ ทุกคนเป็นเหมือนครอบครัว มีครั้งหนึ่งหนูเครียดมากๆ แล้วพอดีมีงานจับมือที่สามารถพูดคุยกับแฟนๆ ได้ ตอนนั้นทะเลาะกับแฟนคลับด้วย (หัวเราะ) เจนยังปรับตัวไม่ถูกว่าเราต้องพูดคุยกันยังไง แฟนๆ ก็ไม่รู้ด้วยว่าจะแนะนำเราแบบไหน แถมหนูไม่ค่อยเปิดเผยความนึกคิดของตัวเองให้ใครรู้ ครั้งนั้นเหมือนเราทนไม่ไหวเลยระเบิดใส่แฟนคลับ แต่ผลลัพธ์ที่ได้เป็นไปในทางที่ดีนะคะ กลายเป็นว่าเราแน่นแฟ้นกันยิ่งขึ้น เราได้พูดสิ่งที่คิด ส่วนแฟนๆ ก็เข้าใจว่าเราคิดอะไรอยู่ ไม่มีอะไรต้องปิดกั้นระหว่างกัน”
เราถามต่อถึงสิ่งที่ท้าทายและสิ่งที่เจ็บสุดเมื่อได้มาเป็น BNK48 เจนนิ่งคิดพร้อมครวญกับเราว่ายากจัง ก่อนจะตอบว่า “ทุกอย่างของการเป็น BNK48 คือสิ่งท้าทายที่สุดแล้ว การต้องร้องและเต้น แล้วยังมีงานจับมือซึ่งเราต้องจับมือคนที่ไม่เคยรู้จัก พูดจาทักทายคนแปลกหน้า ส่วนสิ่งที่เจ็บที่สุดนั้น หนูยกให้งานเป่ายิงฉุบ (BNK48 Janken Tournament 2020- กิจกรรมวัดดวงเพื่อเลือกเซ็นเตอร์ในซิงเกิลใหม่) หนูขอเล่าเลยค่ะ รอบที่หนูเป่ายิงฉุบกับพี่ออม CGM48 หนูสัมผัสได้ว่าพี่ออมต้องออกค้อน มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่หนูก็ตั้งใจจะออกอย่างเดียวจนจบเกม และปกติหนูชอบออกค้อน แต่มีแฟนคลับทักว่าเจนออกค้อนบ่อย เจนต้องไม่ออกค้อน กรรไกรมีโอกาสชนะมากที่สุด จิตสัมผัสบอกนะคะว่าพี่ออมจะออกค้อน แต่หนูกลับออกกรรไกร เลยเสียดาย” เธอยังเล่าถึงชุดแฟนซีที่ใส่ในงาน ซึ่งแต่งเป็นคุณยายขายปลา “จริงๆ หนูจะเป็นคนหาบเร่ เพราะธีมคือไทย แต่วันถ่ายโปสเตอร์ พี่ก่อน BNK48 เขาแต่งชุดหาบเร่เหมือนกันและเขาถ่ายโปสเตอร์ไปแล้ว เอาละสิ หนูเลยต้องเปลี่ยนหน้างาน กลายเป็นคุณยายขายปลา มีสโลแกนโปรโมทชุดด้วยนะคะว่า ‘ปลาที่หนูจับมาเป็นของดีเมืองไทย คือ ปาปาป่าโปสเตอร์ BNK48 ของดีเมืองไทย’ (หัวเราะ)
“ความตั้งใจของเจนบนเส้นทางสายนี้คือ อยากเป็นไอดอลที่เวลามีใครมองมาแล้วก็ยิ้ม รู้สึกแฮปปี้” ภาพไอดอลในฝันถูกจาระไนให้เราได้รับรู้ “มีหลายคนที่เจนชื่นชม อย่างพี่รินะ CGM48 เขาสดใสตลอดเวลา ทั้งที่เป็นไอดอลมาสิบปีแล้วแต่เรายังสัมผัสถึงเอนเนอจี้ที่ไม่เคยตก พี่รินะเป็นคนญี่ปุ่นที่ต้องมาอยู่เมืองไทย พูดไทยไม่ได้ แต่พี่เขาสามารถกลมกลืนกับคนไทยอย่างชิลล์มาก นอกจากนั้นยังมีพี่เฌอซึ่งเจนชื่นชมการตอบปัญหาเฉพาะหน้ามากๆ บางคำถามมาไม่ทันตั้งตัว เราได้ยินยังอึ้งไปต่อไม่ถูก แต่พี่เฌอกลับตอบได้ฉะฉาน และยังมีปัญ BNK48 ที่ไม่ว่าไปไหนก็เข้ากับทุกคนได้ หนูอยากพัฒนาตัวเองในด้านต่างๆ ไปอีกเรื่อยๆ ค่ะ”
แฟนๆ ตั้งฉายาให้แก่เจนว่า “สลอธ” เพราะหน้าตาเธอละม้ายตัวสลอธในแอนิเมชั่น Zootopia ถ้าวันนี้เจนไม่เป็นสลอธแล้ว เจนจะอยากเป็นอะไร เป็นคำถามสุดท้ายจากเรา “เป็นนางเงือกค่ะ เจนอยากเป็นนางเงือกที่มีปีก หนูเป็นคนชอบจินตนาการ อยากลงไปในน้ำแล้วขากลายเป็นหาง แล้วก็อยากมีปีกด้วย พอโผล่ขึ้นจากน้ำปุ๊บก็มีปีกงอกออกมา หรือไม่ต้องเป็นนางเงือกก็ได้ แค่หายใจใต้น้ำได้และคุยกับสัตว์รู้เรื่อง หนูเคยพยายามคุยกับหมาแมวนะ แล้วหมาแมวก็ตอบหนูด้วยนะคะ อย่างเช่นหนูถามแมวว่า ‘หิวข้าวไหม’ หนูร้องว่า ‘เมี่ยวเมียวเมี้ยว’ แมวก็ตอบ ‘เมี้ยว’ อ๋อ แปลว่าหิวสินะ ส่วนหมาที่บ้านเลี้ยงพันธุ์เล็กก็ต้องทำเสียงเล็กๆ หน่อย ถามว่า ‘ปวดอึไหม’ ‘ฮ่งฮงฮ้ง’ น้องไม่ตอบค่ะ แต่น้องอึให้เห็นเลย” (หัวเราะ)
คงไม่มีคำใดเหมาะสำหรับจบบทสัมภาษณ์ที่เต็มไปด้วยความน่ารักสดใสของเจนมากกว่าคำว่า “งุ้ยยยยยยยยยยย” แล้ว
ขอบคุณสถานที่
โรงแรม Josh hotel07
ที่อยู่: 19/2 ถนนพหลโยธิน อารีย์ 4 (ฝั่งเหนือ) เขตพญาไท แขวงพญาไท กรุงเทพฯ 10400
เบอร์โทรศัพท์: 0 2102 4999
Email: rsvn@joshhotel.com