สมัยผมเป็นเด็ก คนละแวกบ้านผมอยู่ง่ายกินง่าย มีอะไรก็กินอย่างนั้น ไม่มีใครบ่นว่าอาหารไม่อร่อย เพราะแต่ละบ้านสร้างตัวจากศูนย์ หาเช้ากินค่ำ คนเหล่านี้เคยอยู่แบบไม่มีกินมาก่อน ดังนั้นเมื่อมีกินก็นับว่าเป็นบุญวาสนาแล้ว
ครั้นลูกหลานคนรุ่นนั้นเติบโตขึ้น ก็พยายามทุกอย่างให้ลูกของตนมีชีวิตที่ดีขึ้น อยู่ดีกินดี เป็นภาพปกติที่พ่อแม่ป้อนอาหารลูกทีละคำ ทั้งที่ลูกกินข้าวเองได้แล้ว ผลก็คือลูกบ่นว่าอาหารไม่อร่อย เป็นคนกินยากอยู่ยาก
เดี๋ยวนี้คนกินยากอยู่ยากขึ้น ข้าวของทุกอย่างมีทางเลือกแยกย่อยมากมาย เพื่อเป็นจุดขายทางการตลาด เฉพาะข้าวสารก็มีพันธุ์มากมายจนปวดหัว
สมัยก่อนชาวบ้านดื่มกาแฟ มีทางเลือกสองแบบคือใส่นมกับใส่น้ำตาล สมัยนี้มีกาแฟสารพัด ใส่นม ใส่ครีม ใส่ชาเขียว ฯลฯ เลือกไม่ถูก
กินทุเรียนก็มีพันธุ์มากมายหลายสิบพันธุ์ ปลูกบนดินหลายชนิด ดินดำ ดินทราย ดินเหนียว ดินภูเขาไฟ ลิ้นแยกรสไม่ค่อยถูก
เวลาไปร้านอาหารที่มีเมนูยาวเหยียด จะใช้เวลาในการเลือกนาน
มองในด้านความหลากหลาย ก็เป็นสิ่งดีต่อคุณภาพชีวิต เรามีทางเลือกมากขึ้น
แต่มองในด้านการใช้ชีวิต มันอาจทำให้ชีวิตลดความเรียบง่ายลง หรือ ‘เรื่องมาก’ ขึ้น
กลายเป็นว่าชีวิตอยู่ยากขึ้น
สมัยหนุ่มๆ สีเสื้อผ้ารองเท้าต้องเป๊ะ เตียงที่ใช้ต้องมีดีไซน์ จานชามที่ใช้สีต้องเข้ากันได้
ทำอะไรต้องมีรสนิยมดี
เมื่อตัวเลขอายุมาถึงช่วงท้ายๆ ผมพบว่าใช้ชีวิตง่ายขึ้นดีกว่า
เบื่อหน่ายกับการเลือก ไม่อยากวุ่นวาย
ไปไหนคนขายถามอะไรก็ตอบว่า “อะไรก็ได้”
ในสมัยหนุ่ม อยากได้บ้านใหญ่ อยากได้สวนใหญ่ มาถึงวัยนี้ บ้านเล็กๆ ดีกว่า ดูแลง่าย
สวนเล็กหน่อยก็ไม่เป็นไร สวนก็คือสวน
แต่ก่อนเจียวไข่ต้องมีตะหลิวเท่ๆ เดี๋ยวนี้ใช้ช้อนแทนตะหลิว กวนๆ ไข่ก็สุกเหมือนกัน แล้วใช้ช้อนนั้นตักกินเลย
แก่ตัวก็ดีอย่างคืออะไรๆ ง่ายขึ้น
และพบว่า minimalism เป็นทางที่ดี
นี่ไม่ใช่มักง่าย ง่ายไม่ใช่มักง่าย
……………………
เคยถามตัวเองหรือไม่ว่า เราอยู่ง่ายหรืออยู่ยาก?
อยู่ง่ายคือปล่อยวางง่าย ให้อภัยง่าย ไม่โกรธนาน จบเรื่องง่าย
อยู่ยากคือเรื่องมากเกินจำเป็น นี่ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้
บ่นทุกเรื่องที่พบ วิพากษ์ทุกเรื่องที่เห็น ต้องมีบทบาทในทุกเรื่องทุกอย่างในโลก
กินแบบง่ายๆ อยู่แบบง่ายๆ นอนแบบง่ายๆ ตายแบบง่ายๆ
อะไรที่ยอมได้ ก็ยอม
ใครขับรถแซง ก็ยอมให้เขาแซง ไม่รู้จะบ่นไปทำไม
ข้อดีของการใช้ชีวิตง่ายๆ คือ เมื่อไม่นำมาทุกเรื่องคิด สมองก็โล่งโปร่งขึ้น จิตก็พลอยโปร่งไปด้วย
แต่การอยู่ง่ายแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
ต้องฝึก ต้องเข้าใจ รู้ว่าอยู่ง่ายคุ้มกว่า เสียเวลาไปกับเรื่องหยุมหยิมน้อยกว่า มีเวลาไปทำอย่างอื่นที่มีค่ามากกว่า
เวลามีน้อยเท่านี้ อย่าเสียไปกับเรื่องหยุมหยิม
บางคนอาจเห็นว่าการเลือกที่จะอยู่ง่ายเป็นวิถีของคนแก่ เพราะมันเหมาะกับคนแก่มากกว่า
แต่ความจริง minimalism ไม่ได้เกี่ยวกับอายุแต่อย่างไร มันคือมุมมองต่อโลกและชีวิต ที่จะเลือกใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย สะอาด รัดกุม ไม่รุ่มร่าม
ปราชญ์กรีก เอพิคทีตัส เห็นว่า “คุณค่าของคนมิอาจพบในทรัพย์สมบัติหรือเปลือกนอก”
เขากล่าวว่า “ข้าวของของเราสมควรพอดีกับร่างกายและชีวิตของเรา เหมือนรองเท้าของเราพอดีกับเท้า ท่านจะวิ่งดีขึ้นหรือเมื่อสวมรองเท้าที่ใหญ่กว่าเท้า หรือประดับด้วยแผ่นทองหรือเพชร ย่อมมิใช่ เมื่อท่านยอมให้ความอยากของท่านข้ามความจำเป็นและประโยชน์ใช้สอย ตัณหาก็ไร้ขอบเขต”
การใช้ชีวิตเรียบง่าย พอเพียง จึงเป็นทางเลือกที่ดี เพราะเมื่อใช้ชีวิตง่าย จิตก็สงบง่ายไปด้วย
นี่ก็คือบุญวาสนาที่เราสร้างเองได้
คอลัมน์ ลมหายใจ
เรื่องและภาพ วินทร์ เลียววาริณ