คิดเหมือนเดิม ทำแบบเดิม อาจจะดูเหมือนเคลื่อนไหว
เหมือนชีวิตนี้โล้แกว่งไกว แต่สุดท้ายคือไม่ได้ไปไหนเลย
อยากให้ชีวิตไม่อยู่กับที่ มีการก้าวไปข้างหน้า ลองใช้วิธีต่อไปนี้
- ได้อะไร
ลองคิดว่า ถ้าเราลองทำสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำ แล้วเราจะได้อะไร
ลองไลฟ์ขายของก็ได้รายได้เสริม เริ่มออกกำลังกายก็ได้สุขภาพที่ดี เข้าคอร์สเรียนภาษาก็เสริมหน้าที่การงานให้ก้าวหน้า
เมื่อเห็นข้อดีที่จะตามมา หลังจากที่ได้ก้าวออกไปทำอะไรใหม่ จะทำให้เรามีกำลังใจอยากที่จะทำ
และถ้าคิดเพิ่มขึ้นมาว่า ถ้าไม่ทำจะมีผลเสียอะไร เช่น รายได้เท่าเดิมที่เพิ่มเติมคือหนี้สิน สุขภาพยังคงย่ำแย่อย่างเดิม หน้าที่การงานก็อยู่กับที่
เมื่อคิดถึงทั้งข้อดีและเสียทั้งหมดได้ ก็ให้รีบลงมือทำ
- เริ่มจากเล็กๆ
การทำอะไรใหญ่ๆ ที่ยังไม่เคยทำตอนแรก อาจดูเหมือนยาก เพราะต้องลำบากกับการปรับตัว
เช่น จะเริ่มวิ่งออกกำลังกาย ถ้ายังไม่เคยวิ่งเลย ก็อาจเริ่มต้นด้วยการเดินก่อน แล้วค่อยๆ ปรับเป็นเดินเร็ว พอร่างกายเคยชินแล้วก็ปรับเป็นวิ่งสลับเดิน ต่อไปก็เป็นการวิ่งช้าๆ
ไม่ใช่ไม่เคยวิ่งมาก่อนเลย วันแรกก็วิ่งอย่างเร็วแบบไม่หยุด เป้าหมายคือให้ได้ 5 กม. ไปเลย
ปัญหาคือร่างกายยังปรับตัวไม่ทัน อาจเป็นอันตรายได้ หรือไม่วันต่อไปก็วิ่งไม่ไหว เพราะอ่อนล้าหมดแรง
ฉะนั้น เมื่อเริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆ ที่ยังไม่คุ้นชิน ควรเริ่มจากเล็กๆ น้อยๆ แต่สม่ำเสมอต่อเนื่องกันไป และสุดท้ายมันจะกลายเป็นนิสัยที่ทำให้เราทำได้อย่างสบาย
- กล้าเสี่ยง
หลายครั้งที่ความกลัวคือสิ่งที่ฉุดรั้งชีวิตเราไว้ไม่ให้ก้าวขาออกไปข้างหน้า
เวลามีสิ่งท้าท้ายให้แข่งขัน มีการประกาศ มีการรับอาสาทำโครงการใหม่ๆ หรือแก้ปัญหาอะไรที่ยาก ความกลัวจะทำให้คนส่วนมากไม่กล้าที่จะทำ
คนที่สามารถก้าวออกไปใช้ชีวิตที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำซาก ต้องบริหารความกลัวให้ได้
คือบริหารความเสี่ยงว่ามีมากขนาดไหน มาจากอะไรบ้าง ถ้าร้ายแรงที่สุดจะรับมือไหวไหม มีวิธีใดให้เสี่ยงน้อยลง
การบริหารความกลัว ไม่ใช่หมายถึงไม่กลัว แต่ทำให้ความกลัวอยู่ในความควบคุมได้
เพราะจริงๆ แล้ว ความกลัวก็มีส่วนที่ดี คือทำให้รู้จักระวังและป้องกันเอาไว้ก่อน
คนที่ก้าวออกไปบนเส้นทางใหม่ๆ ของชีวิต จะเป็นคนที่กล้าเสี่ยงในสิ่งที่ศึกษาไว้ดีแล้ว และไม่ใช่คนที่ไม่มีความกลัว แต่คือคนที่ทำทั้งที่ยังมีความกลัว แต่เขาไม่ยอมให้ความกลัวมาหยุดยั้งเขาไว้ไม่ให้ก้าวไปข้างหน้า
- มีความสุข
อะไรที่ทำแล้วมีความสุข จะทำได้นาน ดังนั้นเมื่อเริ่มต้นทำอะไร ก็ขอให้หล่อเลี้ยงไว้ด้วยความสุข
ยกตัวอย่างเรื่องการออกกำลังกาย ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลากหลายประเภท
อย่างผมเอง ชอบออกกำลังกาย weight training คือสาย body builder เพราะคุ้นชิน เล่นมานานมากแล้ว
เมื่อใจชอบ แม้แต่การยก barbell dumbbell หนักๆ ทุกวัน วันละหลายๆ เซ็ต ก็ไม่มีปัญหาอะไร แล้วก็มีความสุขทุกครั้งหลังเล่นเวทเสร็จ และยิ่งมีความสุขเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงของรูปร่างตัวเอง
สิ่งเหล่านี้จึงทำให้ผมยกบาร์เบล ดัมเบลหนักๆ ติดต่อกันได้หลายปี
ขณะเดียวกันจะให้อีกคนหนึ่งซึ่งชอบออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยาน มายกเวทอย่างผม เขาก็คงทำไม่ได้ เพราะไม่ใช่ความสุขของเขา ความสุขของเขาจะเกิดขึ้นเมื่อนั่งอยู่บนอานจักรยาน แล้วปั่นไปตามถนนทุกๆ เช้า
จะเห็นได้ว่าอะไรที่เราทำได้นานๆ สิ่งนั้นต้องมีความสุขในการทำซ่อนเร้นอยู่ข้างใน อย่าไปคิดทำตามใคร เห็นเขาทำอยากทำบ้าง ถ้าสิ่งนั้นไม่ตอบโจทย์หรือไม่ใช่ เพราะไม่นานเราก็จะเลิกทำ
และอะไรที่เราทำได้นานๆ มันไม่ใช่สิ่งที่ต้องทำ แต่มันจะกลายเป็นนิสัย หรือเป็นไลฟ์สไตล์ของตัวเราในที่สุด
ลองก้าวออกไปหาอะไรใหม่ๆ ชีวิตคนไม่ได้ยืนยาวเกินไปพอที่จะทำอะไรซ้ำไปซ้ำมาและอยู่ในที่เดิมๆ
คอลัมน์: ก้าวไกลไปข้างหน้า
เรื่อง: จตุพล ชมภูนิช
ภาพ: ขวัญญาณี ศิรธนอนันต์