ศิลปินน้องใหม่ทั้ง 3 คนนี้ล้วนหลงรักในเสียงเพลง และใฝฝันอยากเป็นนักร้อง แม้บางคนจังหวะชีวิตนำพาให้ได้ทำสิ่งอื่น เช่น เป็นนักพากย์ เป็นพิธีกร หรือมีฝันอื่นควบคู่กัน เช่น เป็นหมอ หรือนักวิทยาศาสตร์ แต่สุดท้ายทั้งสามก็ไม่ละทิ้งความฝันบนเส้นทางดนตรี มุ่งมั่นที่จะสานฝันเป็นศิลปิน มีผลงานเพลงของตัวเองให้สำเร็จ
ศิลปินทั้ง 3 คนที่เราอยากแนะนำให้รู้จักมาจากสังกัด Yousay..WATT (ยูเซย์..วัทท์.) ค่ายเพลงน้องใหม่ซึ่งเปิดโอกาสให้ศิลปินได้แสดงศักยภาพที่มากกว่าการร้องเพลง พร้อมกับแนวคิดการเป็นผู้นำด้านบันเทิง ด้วยบทเพลงร่วมสมัยที่เข้าถึงใจคนฟัง ภายใต้การดูแลของโปรดิวเซอร์มากความสามารถในวงการเพลงป๊อป
Hootoh
‘ฮูโต๋’ สัจจากุล สาวภูเก็ตวัย 22 ปี บัณฑิตป้ายแดงจากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ศิลปินคนแรกของค่าย Yousay..WATT ความสามารถทางดนตรีของฮูโต๋เรียกว่าไม่ได้มาเล่นๆ ด้วยประสบการณ์เดินสายประกวดร้องเพลงกวาดถ้วยรางวัลมานับไม่ถ้วน และยังมีตำแหน่งรองชนะเลิศ The Voice Kids Thailand SS5 ชนะเลิศ Hotwave Music Awards 2019 รวมถึงผู้เข้าแข่งขัน The Voice All Stars
‘energetic’ คือคำที่ฮูโต๋เลือกสำหรับนิยามตัวเอง “หนูมีความสดใส มีพลังเยอะ แต่ช่วงเช้าจะง่วงนิดหน่อยค่ะ (หัวเราะ) นิสัยส่วนตัวที่ชอบคือเข้ากับคนง่าย ชอบพูดคุยเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่”
ดนตรีคือสิ่งที่อยู่ในสายเลือดของฮูโต๋ สืบทอดจากคุณพ่อซึ่งเป็นครูสอนดนตรีที่โรงเรียนสตรีภูเก็ต และยังเป็นคนสอนการร้องเพลงให้แก่เธอ ฮูโต๋ฉายแววความสามารถทางดนตรีตั้งแต่อนุบาล คุณครูในเวลานั้นเห็นว่าน่าจะร้องเพลงได้ จึงเลือกให้ไปโชว์ และเป็นดังคาด นับจากนั้นเด็กหญิงฮูโต๋ในวัยประถมหนึ่งจึงเริ่มเดินสายประกวดร้องเพลง
“เหมือนติดลมค่ะ พอชนะเวทีนึงก็ยาวเลยทีนี้ แต่หนูสนุกนะ ในขณะที่เพื่อนนั่งเรียนแต่หนูได้ออกไปทำกิจกรรมข้างนอก แล้วเรายังได้เจอเพื่อนที่มีความชอบเหมือนๆ กันก็ยิ่งสนุก เจอผู้คนหลากหลาย สังคมที่เราเห็นก็กว้างขึ้น แต่การเรียนต้องไม่ทิ้ง
“เพลงที่ใช้ประกวดเป็นแนวเพลงพระราชนิพนธ์ ลูกกรุง และสากล เราจะครองแชมป์สามแนวนี้ หนูได้เปรียบตรงที่มีพ่อเป็นคนฝึกสอน แต่พ่อไม่ได้จบร้องเพลงนะคะ พ่อจบกีตาร์คลาสสิก อาจไม่ได้สอนถูกต้องเป๊ะๆ แต่พอรู้หลักการ ทุกวันหกโมงเย็นหนูต้องออกกำลังกาย เช่น วิ่งหรือกระโดดเชือก เพื่อเพิ่มความแข็งแรง จากนั้นก็ซ้อมร้องเพลง หนูเลยได้รู้จักร่างกายตัวเอง รู้จักการใช้ช่องเสียงผ่านบทเพลง”
เพลงซึ่งฮูโต๋ใช้ประกวดมักเป็นเพลงที่โตเกินวัย แต่เธอไม่เคยเบื่อที่จะร้องเลย “หนูคงเนิร์ดด้านดนตรีมั้งค่ะ เลยชอบที่ได้ร้องเพลงยากๆ หนูมักฟังเพลงแบบวิเคราะห์มากกว่าบันเทิงเอาสนุก เราจะนั่งวิเคราะห์โครงสร้างของเพลง ตอนเด็กๆ หนูไม่สนใจเพลงป๊อปตามกระแส แต่พอโตขึ้นก็เข้าใจว่าแต่ละเพลงมีจุดประสงค์ที่แตกต่าง จึงถูกดีไซน์ออกมาไม่เหมือนกัน”
แม้จะคลุกคลีกับดนตรีและการประกวด แต่ความฝันวัยเด็กของเธอคือการเป็นนักวิทยาศาสตร์ ทว่าวิชาคำนวณกลับเป็นอุปสรรคที่ทำให้เธอตัดสินใจเบนเข็ม ประกอบกับการประกวดเวทีใหญ่อย่าง Hotwave Music Awards และ The Voice Kids Thailand ฮูโต๋ได้เจอเพื่อนที่ฝันอย่างจริงจังถึงเส้นทางดนตรี ซึ่งจุดประกายให้เธอหันมาเรียนต่อด้านการร้องเพลง เป็นศิลปินซึ่งมีเพลงที่ทุกคนร้องได้ และเป็นที่รักของแฟนๆ
ซิงเกิลแรกในชีวิตของฮูโต๋มีชื่อว่า ว่างก็ดี-มีก็ได้ Alone But Alright โปรดิวเซอร์คือ เอก Season Five (สุดเขต จึงเจริญ) และ ศุภกิจ ฟองธนกิจ “เพลงนี้มาจากการพูดคุยกับพี่เอก แฟนน่ะถ้าจะมีทั้งทีมีให้ดีไปเลยดีกว่าไหม ถ้ามีแล้วไม่ดี อย่ามีเลยดีกว่า เลยกลายเป็นเนื้อหาของเพลง ซึ่งหนูมีส่วนร่วมในการดีไซน์การร้อง พี่เอกบอกมีอะไรใส่มาให้หมด เดี๋ยวเขาไปเลือกอันที่เหมาะสมเอง หนูเลยปล่อยของเต็มที่ เพลงนี้จึงเป็นเพลงที่ร้องยากแม้แต่ตอนนี้
“ส่วนซิงเกิลที่สองชื่อ อกหักตั้งแต่ยังไม่เริ่ม She Wins เพลงนี้โตขึ้น จากเดิมที่ไม่ค่อยสนใจความรัก เพลงนี้ก็เริ่มสนใจแล้ว พี่เอกมองว่าถ้าฮูโต๋มีความรักน่าจะแก่นๆ ซนๆ กลายเป็นอกหักตั้งแต่ยังไม่เริ่ม แต่ไม่เศร้านะคะ ดนตรีป๊อป-ดิสโก้ โยกได้ เต้นได้ หนูช่วยดีไซน์การร้องเหมือนเดิม ทั้งสองซิงเกิลสะท้อนตัวตนของหนูที่มีความมั่นใจสูง ร่าเริงสดใส ยิ่งซิงเกิลสองยิ่งชัดเลย เอเนอร์จี้เยอะ ดูได้จากเอ็มวีทั้งสองเพลงเลยค่ะ ซิงเกิลแรกนี่เข้าป่าคนเดียวได้โนแคร์”
การเป็นเด็กสายประกวดหล่อหลอมบุคลิกลักษณะในวันนี้ยังไง เราตั้งคำถาม “โห การประกวดให้อะไรเยอะมาก อย่างแรกคือมิตรภาพ เราได้เจอคนที่มีแพชชันในสิ่งเดียวกัน ซึ่งอาจไม่เจอในโรงเรียน เพราะเด็กแต่ละคนก็ชอบกิจกรรมหลายอย่าง ตอนหนูประกวด The Voice Kids Thailand ทุกคนล้อมวงร้องเพลงด้วยกัน หนูไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน ฟินมาก และได้เพื่อนสนิทจากรายการนี้ด้วย การประกวดยังได้ฝึกสมาธิ ฝึกเข้าสังคม ฝึกการควบคุมตัวเอง รู้จักการแพ้ชนะ
“มีหลายครั้งที่เราไม่สมหวัง เราประเมินแล้วว่าเวทีนี้น่าจะได้ที่ 1 หรือที่ 2 ปรากฏว่าผลไม่เป็นดังคาด ก็ต้องเรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจ มีตัวแปรมากมายนอกจากความสามารถของเรา ต้องยอมรับความจริงให้ได้ ยิ่งโวยวายก็ยิ่งดูไม่ดี จะบ่นหรือพูดอะไรก็พูดข้างใน อย่าพูดข้างนอก”
ยามผิดหวังหรือท้อแท้ ครอบครัวคือกำลังใจสำคัญที่ช่วยซัปพอร์ตให้สาวน้อยคนนี้ก้าวเดินต่อไป “ครอบครัวคนจีน เวลาไปเชียร์ก็ไปกันทั้งบ้าน ไม่ว่าเจออะไรหันกลับมาก็เจอครอบครัวเสมอ หนูเลยไม่เคยเสียใจจนรับไม่ไหว พอเข้ามหา’ลัย ก็ยังเจอสังคมเพื่อนและอาจารย์ที่น่ารักอีกค่ะ” ด้วยแรงสนับสนุนที่เธอได้รับอย่างมากมาย สาวน้อยเสียงเพราะคนนี้จึงไม่เคยมีความคิดอยากเลิกร้องเพลงเลยสักครั้ง “การร้องเพลงคือแพชชันของหนูจริงๆ เวลาเครียดหรือเศร้า เมื่อได้ร้องเพลงก็เหมือนได้ปลดเปลื้องความเศร้านั้นไป เหมือนเล่นกีฬาค่ะ รู้สึกชื่นใจที่เห็นกล้ามเนื้อเราใช้งานได้ดี มีพัฒนาการ”
Nett
‘เณ็ฐ’ ทวีรุจจนะ นอกจากเป็นศิลปินสังกัด Yousay..WATT แล้ว ยังมีอีกบทบาทคือการเป็นคุณหมอ เมื่อสานฝันการเป็นหมอได้สำเร็จ เณ็ฐขอตามล่าฝันอีกอย่างคือการเป็นนักร้อง
“ผมเติบโตในครอบครัวที่ประกอบอาชีพหมอกันหมด เหมือนเราเห็นตั้งแต่เด็กเลยซึมซับ เห็นพี่ชายทำงานก็เกิดแพชชันอยากเป็นเหมือนกันบ้าง ความฝันวัยเด็กเลยมุ่งที่การเป็นหมอ ชีวิตวัยเด็กจึงไม่ค่อยหวือหวาสักเท่าไหร่ เพราะเราโฟกัสที่การเรียน แต่ไม่ใช่คร่ำเคร่งเรียนจนไม่สนกิจกรรม ผมเคยเป็นพิธีกรข่าวเยาวชนไทย เป็นดรัมเมเยอร์ ลีดเดอร์มาบ้าง ชอบเล่นกีฬาด้วยครับ ตอนนี้กำลังอินกับกอล์ฟ เป็นกีฬาที่มีเสน่ห์ ต้องมีใจจดจ่อเหมือนการร้องเพลง เราไม่ได้แข่งกับใคร เราเอาชนะตัวเอง ใช้สมาธิสูงด้วยครับ”
เณ็ฐกล่าวว่าตัวตนของเขาคือคนที่พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เสมอ แม้ไม่ใช่คนเก่งในรอบด้าน และไม่เคยเรียนร้องเพลง ทั้งยังไม่มั่นใจในการร้องเพลง แต่เมื่อมีโอกาสได้ขึ้นเวทีงานโรงเรียน ต้องจับไมค์ร้อง เขาก็พร้อมที่จะท้าทายตัวเอง เดินออกจากคอมฟอร์ตโซน จากนั้นเมื่อโอกาสเข้ามา เณ็ฐก็ไม่เคยปล่อยให้หลุดมือ
ซิงเกิลแรกของเณ็ฐมีชื่อว่าทยอยคืน เป็นเพลงช้าๆ ที่ได้แรงบันดาลใจจากตัวตนนักร้องหนุ่ม “ผมพูดคุยกับโปรดิวเซอร์ถึงแนวเพลงที่ชอบ รวมถึงเรื่องราวที่เคยประสบ จนกลั่นออกมาเป็นซิงเกิลนี้ มีกลิ่นอายป๊อปและอาร์แอนด์บี นิ่งๆ เศร้าๆ คนร้องและผู้ฟังได้อินไปกับเพลง หากดูเอ็มวีด้วยก็ยิ่งเสริมกันครับ
“ส่วนซิงเกิลถัดมาคือเพลงเข้าที่เข้าทาง REViVE หลังจากเพลงแรกที่เราอยากมูฟออน ตอนนี้เรามูฟออนได้แล้ว เพลงนี้มีความอบอุ่นผสมกับความเศร้า ยากกว่าเพลงแรกเพราะต้องทำความเข้าใจให้ลึกซึ้ง มีหลากหลายอารมณ์ เนื้อเพลงพูดถึงการพบเจอความผิดหวัง แต่เมื่ออดทนจนก้าวผ่านจุดที่ย่ำแย่ เวลาจะเยียวยาให้ทุกอย่างกลับเข้าที่เข้าทาง มูฟออนได้ และรักตัวเองด้วย ทั้งสองซิงเกิลคนฟังจะรู้สึกเติบโตไปพร้อมๆ กัน อยากให้ติดตามฟังว่าซิงเกิลถัดไปจะสะท้อนชีวิตแต่ละช่วงของผมยังไง จะเป็นเรื่องราวแบบไหน ผมอยากให้เพลงของผมเป็นกำลังใจให้แก่คนที่อาจพบเหตุการณ์คล้ายกัน สามารถเอาชนะเรื่องแย่ๆ ไปได้”
เณ็ฐยอมรับว่าช่วงแรกก้าวออกมาเป็นศิลปินรู้สึกเครียด เป็นโลกที่ไม่คุ้น และยังแตกต่างคนละขั้วกับงานที่ทำ ความกังวล ความไม่มั่นใจ ความคาดหวัง ประดังเข้ามา แต่เมื่อปรับใจปรับความคิดว่า เราทำเต็มที่แล้ว เณ็ฐก็สามารถปล่อยวางและมองข้ามความรู้สึกกดดัน “ผมให้คะแนนตัวเองในฐานะนักร้องอยู่ที่ 7-8 คะแนนครับ ไม่ให้เลยก็ไม่ได้ เพราะเราต้องให้กำลังใจตัวเอง ใครไม่ภูมิใจกับเรา อย่างน้อยเราภูมิใจในตัวเอง อีก 2 คะแนนที่ยังขาดไว้เป็นแรงผลักดันให้เราพัฒนาต่อไป”
เมื่อถามถึงช่วงเวลาที่เป็นความสุขสมหวังอย่างยิ่งของเขาคือช่วงเวลาไหน นักร้องหนุ่มเลือกช่วงเวลาที่สอบติดแพทย์ “สัมผัสได้ว่าคุณพ่อคุณแม่ภูมิใจในตัวเรา การได้ทำอะไรสักอย่างให้คนที่เรารักมีความสุข คือที่สุดในชีวิตของผมแล้ว และการสอบหมอไม่ง่ายเลย เราก็อ่านหนังสือหนักเอาเรื่องอยู่”
เณ็ฐยังนำสิ่งที่ได้จากการเรียนหมอมาปรับใช้กับวงการบันเทิงด้วย “การเรียนหมอพัฒนาผมในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรับผิดชอบ ความมีวินัย การแบ่งเวลา และที่สำคัญคือการตัดสินใจในเหตุการณ์เฉพาะหน้า ทักษะทั้งหมดนี้สามารถปรับใช้กับทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลง การทำงาน เรียนหมอเนี่ยไม่ได้สอนผมแค่ในตำราการแพทย์ แต่ยังสอนให้ผมใช้ชีวิตดีขึ้นอีกด้วย”
ด้วยตัวตนที่เป็นคนไม่หยุดเรียนรู้ ตอนนี้เขาจึงโฟกัสที่การทำงาน การพัฒนาธุรกิจ รวมทั้งเสริมทักษะการร้องเพลง หาเทคนิคหรือวิธีการใหม่ๆ นำมาปรับใช้และเพิ่มสีสันให้งานเพลงของเขา เพื่อที่แฟนๆ จะมีความสุขไปกับเสียงเพลงของเขายิ่งขึ้น
Khaw
‘ข้าว’ ปัณณ์ฐญาฒิ์ สาวน้อยวัย 17 ปี ลูกสาวของผู้ประกาศข่าว เจค รัตนตั้งตระกูล ผู้มาพร้อมความร่าเริงสดใส extrovert เปิดรับสิ่งใหม่ และปรับตัวเข้ากับทุกสถานการณ์ ข้าวยังชอบวางแผน ตั้งเป้าหมาย จด to-do list และฟินกับการทำตามเป้าหมายเล็กๆ ในแต่ละวันได้สำเร็จ ส่วนความสามารถของสาวน้อยคนนี้จัดเต็มรอบด้านเกินอายุ ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลง พิธีกร และการกพากย์เสียงแอนิเมชัน
“หนูมีความสนใจเรื่องการร้องเพลงตั้งแต่อนุบาล 3 และเป็นสมาชิกวงคอรัสของโรงเรียนจนถึงประถมปลาย จากนั้นเริ่มเรียนร้องเพลงที่สถาบันสอนร้องเพลง เห็นประกาศเปิดรับออดิชันรายการ We Kid Thailand เด็กร้องก้องโลก เลยไปสมัครและผ่านการคัดเลือก อาจมีคนรู้จักหนูจากชื่อ ‘ข้าวปั้น We Kid’ ค่ะ
“ส่วนการพากย์เสียงนั้น คุณครูที่หนูรู้จักชักชวนให้ลองออดิชัน คือหนูชอบก๊อปปี้เสียงคนอื่น เหมือนเวลาฟังเพลง หนูก็เลียนแบบสำเนียงการร้องให้คล้ายๆ เขาได้ หรือจะเป็นสำเนียงภาษาอังกฤษ หนูก็สามารถก๊อปปี้เจ้าของภาษาได้ เวลากพากย์เสียง รอบแรกจะได้ฟังเสียงต้นฉบับก่อน หนูก็พยายามจับว่าโทนเสียงที่ใช้ประมาณไหน เสียงปนเศร้านิดหน่อย หรือใช้เสียงไม่เต็ม แล้วก๊อปปี้ตาม
“งานกพากย์ชิ้นแรกที่ได้คือ The Lion King (2019) กพากย์เป็นนาลาวัยเด็ก เป็นโอกาสที่ดีมากค่ะ เพราะวงการกพากย์เสียงไม่ใช่จะเข้าง่ายๆ จากนั้นก็มีงานทยอยมาต่อเนื่อง ทั้ง Disney Marvel หรือแพลตฟอร์ม Netflix ผลงานล่าสุดคือกพากย์แอนิเมชัน Inside Out 2 เป็นเพื่อนของไรลีย์ ชื่อเกรซ ส่วนผลงานของปีนี้กพากย์เป็นนางเอกภาพยนตร์ Ghostbusters และ IF”
แม้ช่วงโควิด-19 จะไม่สามารถออกไปร้องเพลงหรือออดิชันงานได้ แต่ครอบครัวของข้าวก็ยังคงสนับสนุนความฝันของลูกสาว ช่วยกันผลิตคอนเทนต์ในโซเชียลมีเดีย โชว์ความสามารถด้านการร้องเพลง cover โดยมีคุณพ่อดูแลเรื่องเสียง ส่วนคุณแม่ดูแลเรื่องการถ่ายทำและตัดต่อ คลิปวิดีโอของข้าวไปเข้าตาผู้บริหารสังกัด Yousay..WATT และได้รับการทาบทามมาเป็นศิลปินในสังกัด
“เป็นอะไรที่ประจวบเหมาะมากเลยค่ะ หนูเริ่มอิ่มตัวกับการทำคอนเทนต์ออนไลน์ จากนี้ควรไปต่อยังไงดี ควรเข้าสังกัดไหม ทาง Yousay..WATT ก็ชักชวนพอดี ทั้ง 2 ซิงเกิลที่ปล่อยออกไปโชว์ความเป็นข้าวในมุมใหม่ๆ อย่างซิงเกิลแรกใช่ก็ชอบสักที มีทั้งท่อนแรป ท่อนร้อง แต่ยังน่ารัก ถูกใจคนเจนเดียวกับข้าว ส่วนซิงเกิลที่ 2 ลองคุยกันมั้ย (3 DAY TRIAL) ยังคงความเป็นวัยรุ่น ทั้งสองเพลงเป็นป๊อปแดนซ์ ผสมฮิปฮอป สะท้อนตัวตนของหนูคือ ถ้าไม่รู้จักหรือเห็นผ่านๆ อาจคิดว่าหนูเป็นคนนิ่งๆ แต่จริงๆ หนูมีมุมขี้เล่นนะ ขี้หยอก ขี้แกล้ง ร่าเริงสดใส ในซิงเกิลที่สองดึงภาพตัวตนของหนูออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอ็มวีที่เป็นจอมวางแผน จัดแจงสถานการณ์ให้ได้อยู่กับพระเอก”
สิ่งที่ข้าวได้เรียนรู้จากการทำกิจกรรมและทำงานตั้งแต่เด็ก “ทุกครั้งที่หนูได้ทำงาน ได้เจอประสบการณ์ใหม่ หนูจะเก่งขึ้นทุกครั้ง ตอนทำงานช่วงแรกๆ หนูอาจไม่มั่นใจ ควรทำตัวยังไง แต่เมื่อทำไปเรื่อยๆ หนูก็เรียนรู้จากผู้ใหญ่ จากคนที่ได้พูดคุย หนูเลยปรับตัวกับสถานการณ์ที่หลากหลายด้วยความเข้าใจมากขึ้น”
อย่างไรก็ตาม การปรับตัวง่ายส่งผลให้ข้าวแคร์ความรู้สึกคนอื่นมากเกินไป จนเกิดผลกระทบกับตัวเธอ “หนูติดเพื่อนเลยแคร์เพื่อนมาก ให้ความสำคัญแก่เพื่อนและคนรอบข้างเป็นพิเศษ ช่วงโควิด-19 ต้องกักตัว ไม่ได้เจอใคร หนูยิ่งรู้สึกว่าเราต้องเทคแคร์คนอื่นให้มากขึ้น กลายเป็นว่าเราลืมรักตัวเอง แต่พอตระหนักได้ก็หันกลับมาเอาใจตัวเองบ้าง รู้จักรักตัวเองและไม่ทิ้งคนอื่นด้วย”
สาวน้อย extrovert ยังเล่าให้ฟังอีกว่าการกักตัวในช่วงโควิด-19 ส่งผลต่อจิตใจของเธอไม่น้อย “หนูหดหู่มากๆ เลยค่ะช่วงนั้น เป็นช่วงที่คุณพ่อคุณแม่สร้างห้องส่วนตัวให้ และหนูต้องเรียนออนไลน์คนเดียวในห้อง หนูติดเพื่อน พอไม่ได้เจอเพื่อน ไม่มีคนคุย เหงามากและยิ่งจิตตก จนรู้สึกด้อยค่าตัวเอง พอรู้สึกตัวก็กลับมาทบทวนนี่ไม่ใช่ความผิดของเราเลย ไม่ใช่เป็นเพราะเราจึงเป็นแบบนี้ ทำความเข้าใจ และพัฒนาตัวเอง” เราถามข้าวว่า หากเจอสถานการณ์นั้นอีกครั้ง เธอมีแนวทางรับมืออย่างไร “หนูจะอ่านหนังสือค่ะ ตอนนั้นหนูปล่อยให้ความเหงาครอบงำ ถ้าเกิดไม่สามารถคุยกับใครได้ เราคุยกับหนังสือแล้วกัน หากิจกรรมทำที่บ้านแบบออฟไลน์บ้าง พักจากหน้าจอ ยิ่งดูโซเชียลมีเดียยิ่งสร้างความเครียดแบบไม่รู้ตัว และเกิดความรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า ถ้ามีครั้งหน้าหนูจะปลูกต้นไม้ ต่อจิ๊กซอว์ หรือระบายสี หากิจกรรมที่ได้ฝึกสมาธิค่ะ”
นอกจากงานเพลงและงานกพากย์เสียง ข้าวยังมีผลงานใหม่ให้แฟนๆ ติดตามคือการเป็นหนึ่งในพิธีกรรายการ Peekaboo Junior จะเอ๊เด็ดเด็ด ออกอากาศทางช่อง 7 HD ทุกวันอาทิตย์ เวลา 7.30 น.“หนูเริ่มสนใจการเป็นพิธีกรเมื่อต้นปีนี้เอง พอดีได้ลองเป็นพิธีกรที่โรงเรียนแล้วเกิดชอบ เลยดีใจมากๆ ที่ได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ทาง T&B ในครั้งนี้ อยากให้ทุกคนมาเจอกันทุกเช้าวันอาทิตย์นะคะ หนูจะทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ค่ะ”
MeStyle Museum Hotel
99 ซอยประชาราษฏร์บำเพ็ญ19 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพ 10310
Tel: 0 2690 8899
Line Official: @mestylehotelgroup
E-mail: rsvn@mestylehotelgroup.com
Website: http://www.mestylemuseum.com
Facebook: MeStyle Museum Hotel
Instagram: Mestylemuseum